เพราะเรื่องของ “ดิจิทัล” “อินโนเวชัน” และ การนำ “เทคโนโลยี” ต่างๆ มาปรับใช้กับธุรกิจและการลงทุนนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเป็นเรื่องของอนาคตอีกต่อไป ส่วนใครที่ยังไม่พร้อมรับมือหรือเตรียมพร้อมที่จะปรับตัวไปกับเทรนด์และนวัตกรรมใหม่ๆ ของโลก การทำธุรกิจแบบเก่าหรือวิธีการลงทุนแบบเดิมของคุณ ก็จะถูกสิ่งที่เรียกว่า “ดิจิทัล” มา Disrupt อย่างแน่นอน
ธนาคารกรุงศรี และ กรุงศรี กูรู ในฐานะธนาคารตัวแทนแห่ง Digital & Innovation เล็งเห็นถึงความสำคัญของนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างความมั่นคั่งให้กับผู้คนได้ รวมถึงจะพาทุกคนมาร่วมเรียนรู้และทำความรู้จักกับพลังของคน Gen M ที่พร้อมจะเปลี่ยนโฉมโลกธุรกิจแบบขาดไม่ถึง
ในงานสัมมนาที่ชื่อว่า “Millionaire Millennials สร้างธุรกิจให้มั่งคั่งด้วยพลังคนยุค Gen M” Exclusive Talk Party สุดพิเศษที่รวมเอากูรูจากทุกแขนงไม่ว่าจะเป็นด้าน นวัตกรรม ดิจิทัล การลงทุน อีคอมเมิร์ซ และแขกรับเชิญพิเศษ ร่วมพูดคุยนำเสนอเรื่องราวความรู้ให้กับคนทุก Gen ได้ซึมซับรับ Inspiration กันแบบเต็มอิ่มตลอดทั้งงานสัมมนา


สำหรับงานสัมมนา Krungsri GURU x Krungsri PRIME “Millionaire Millennials สร้างธุรกิจให้มั่งคั่งด้วยพลังคนยุค Gen M” ในครั้งนี้ถือเป็นงานสัมมนาสุด Exclusive ที่จัดขึ้นเพื่อลูกค้า Krungsri PRIME เเละเเฟนเพจ Krungsri GURU โดยเฉพาะ ที่สำคัญยังเป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นประจำทุกปี เรียกได้ว่า “พลาดงานนี้ต้องรออีกทีปีหน้า”
มาร่วมเรียนรู้ วิธีขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Digital & Innovation เเบบฉบับคน Gen M สไตล์ “Millionaire Millennials” พร้อมๆ กันที่นี่ได้เลย!

Guru Innovation : คุณฐากร ปิยะพันธ์
Gen M ไม่ได้มาเล่นๆ จับเทรนด์ธุรกิจและผู้บริโภคที่ขับเคลื่อนด้วย Digital & Innovation
การเข้ามาของ Digital & Innovation ทำให้ชีวิตของคนเราง่ายขึ้น หลักๆ ที่เราเห็นได้เลยคือ “สมาร์ทโฟน” กลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราทุกคนหาข้อมูลต่างๆ ง่ายขึ้น เข้าถึงข้อมูลเรื่องธุรกิจ เรื่องการลงทุน รวมคอนเทนต์ให้ความรู้ต่างๆ ได้ตลอดเวลา
และส่วนของการลงทุน เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยให้คำแนะนำคุณได้ดีขึ้น คำนวณความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนให้คุณได้แม่นยำขึ้น การคำนวณและคำแนะนำต่างๆ จากเครื่องมือทางนวัตกรรมเหล่านี้ ล้วนเกิดขึ้นได้จาก “ข้อมูล” ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากตัวลูกค้าเอง หรือข้อมูลจากภายนอก เมื่อได้ข้อมูลสำคัญๆ เหล่านี้มาแล้ว ระบบจะเป็นคนประมวลผลและแนะนำทางเลือกที่ดีที่สุดให้มนุษย์เราได้เป็นคนตัดสินใจ
เรื่องราวด้าน Digital & Innovation เหล่านี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของอนาคตอีกต่อไป เพราะ “อนาคตเริ่มขึ้นแล้ว วันนี้!”
ที่สำคัญคน Gen M ยังมี Work Life Balance ที่ใช้ชีวิตกันอย่างสุดเหวี่ยง ใช้เงินที่หามาได้แบบเต็มที่ ทำให้การลงทุนด้วยการออมเหมือนคนยุคก่อนจะน้อยลง ด้านการวางแผนกลยุทธ์การลงทุนจึงไม่เหมือนเดิมและต้องมีการวางแผนที่รัดกุมมากขึ้นกว่าเดิม
Guru Investment : คุณพรทิพย์ กองชุน
“กล้าแบบมีกึ๋น พฤติกรรมการลงทุนของคน Gen M ที่ใช้ดิจิทัลเป็นตัวช่วยตัดสินใจ”
แนวโน้มการลงทุนของคน Gen M แตกต่างจากสมัยก่อนมากกลุ่มคนยุคใหม่เหล่านี้มองเห็นการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้น สืบเนื่องมาจากการเข้าถึงข้อมูลที่มากขึ้น ตามลักษณะนิสัยของคนเจนเนอเรชั่นนี้ที่เขาถึงข้อมูลกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว พวกเขายังเชื่อมั่นในเทคโนโลยีและเชื่อมั่นในตัวเองสูง เชื่อว่าจะสามารถควบคุมสิ่งเหล่านี้
ทำให้เรื่องการใช้เทคโนโลยีกับเรื่องของเงินๆ ทองๆ การลงทุน หรือทำธุรกิจ เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว ซึ่งนี่คือข้อได้เปรียบของคน Gen M และ Gen ใหม่ๆ ในอนาคต เราจะได้เห็นคนรุ่นใหม่เริ่มลงทุนกันเร็วขึ้น และแสวงหาการลงทุนที่เหมาะกับตนเองได้ดีขึ้น เพื่อได้ผลตอบแทนที่พึ่งพอใจ
ที่สำคัญคนในอีก 3-4 ปีข้างหน้า เงินที่เป็นสินทรัพย์ภายใต้การลงทุนและการจัดการ หรือ Assets Under Management (AUM) เกิน 50% จะอยู่ในมือของคน Gen M และสินทรัพย์เหล่านี้จะถูกลงทุนในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจจะใช้ผู้เชี่ยวชาญในการแนะนำการลงทุน หรืออาจใช้เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นแล้ว ช่วยพวกเขาลงทุนให้สินทรัพย์ที่มีสามารถต่อยอดและมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
Guru ธุรกิจ&อีคอมเมิร์ซ : คุณสืบศักดิ์ ลิ่วลักษณ์ (วี)
“พลังซื้อและพลังขาย คน Gen M กับโอกาสทำเงินผ่านอีคอมเมิร์ซ”
จากพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าคนเราใช้งานอินเตอร์เน็ตมีชีวิตบนโลกออนไลน์กันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะพบเจอกับสิ่งเร้าต่างๆ บนโลกออนไลน์กันตั้งแต่ตื่นนอน พฤติกรรมเหล่านี้คือโอกาสของคนทำอีคอมเมิร์ซในยุคปัจจุบัน
ซึ่งนอกจากความง่ายในการส่งข้อมูลข่าวสารและสินค้าเราให้ผู้บริโภคได้รับรู้แล้ว เครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ ยังอำนวยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม และที่สำคัญการทำอีคอมเมิร์ซยังตรงกับไลฟ์สไตล์ของคน Gen M หรือผู้คนยุคใหม่เป็นอย่างมาก
ส่วนสินค้าที่เวิร์คสำหรับคนยุคนี้คงไม่มีคำตอบที่ตายตัว แต่สิ่งสำคัญคือ ผู้ขายควรเริ่มจากสินค้าที่ผู้ขายเองมีความรู้จักคุ้นเคยดีพอ พอจะมีความรู้หรือศึกษาสิ่งที่จะขายมาอย่างดี อาจจะเริ่มต้นจากของสะสมที่ตนเองอินไปมันก็ได้ เมื่อเรารู้จักสินค้าที่ขายเป็นอย่างดีแล้ว ตัวผู้ขายเองจะสามารถแนะนำข้อมูลต่างๆ ให้กับผู้ที่มาซื้อของเราได้ เพราะยุคนี้เป็นยุคของ “Friend Commerce” ลูกค้ารุ่นใหม่จะเลือกซื้อสินค้าเหมือนกับซื้อของจากเพื่อน ผู้ขายที่ดีจะต้องสามารถให้ข้อมูลกับผู้ซื้อได้เหมือนเพื่อนแนะนำเพื่อน
ส่วนผู้ค้ารายย่อยยังมีโอกาสรอดในยุคที่อีคอมเมิร์ซรายใหญ่เข้ามาครองตลาดได้ เพียงแค่ต้องมองกลับมาที่ตัวสินค้าที่ขายและสร้างคุณค่าอื่นๆ เพิ่มเข้าไป ง่ายที่สุดการบริการหลังการขายที่ดีกว่า ยาวนานกว่า หรือการสะสมคะแนน และสิ่งที่ห้ามทำเป็นอันขาดคือการท้าชนในเรื่องของราคาในขณะที่สินค้าเราทำได้เหมือนกับเจ้าใหญ่ในตลาดคอมเมิร์ซ
และเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วในวันนี้ทั้งรูปแบบการชำระเงิน e-Paymemt หรือบริการที่เกิดจาก FinTech ประเภทต่างๆ จะเป็นตัวช่วยชั้นดีที่ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซคึกคักยิ่งกว่าเดิม
Special Guest 1 : คุณสรณัญช์ ชูฉัตร(เอิร์ธ)
ผู้ก่อตั้ง อีทราน (ไทยแลนด์) StartUp สกูตเตอร์ไฟฟ้าเลือดไทยที่ไปไกลระดับโลก
“ธุรกิจคิดไกลสไตล์ Gen M กับไอเดียเพื่อโลกที่ดีกว่าในอนาคต”
ETRAN หรือ อีทราน (ไทยแลนด์) สกูตเตอร์ไฟฟ้าเลือดไทย ที่เกิดขึ้นจากความต้องการเปลี่ยนระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรกับผู้ใช้งานจริง ขณะเดียวกันก็ต้องตอบโจทย์ด้านความคุ้มค่าในการใช้งานให้กับทั้งผู้ให้บริการและผู้โดยสารด้วย
การคิดธุรกิจสไตล์ Gen M อย่าง Start-Up “ETRAN” คือการใช้เทคโนโลยี บวกกับแนวความคิดและการออกแบบ เพื่อพัฒนาสินค้า/บริการอะไรบางอย่างออกมาเพื่อแก้ปัญหาและหาทางออกที่ดีต่อทุกๆ ด้าน สำหรับ ตัวสกูตเตอร์ไฟฟ้า เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระบบขนส่งสาธารณะที่ใช้ทุนน้อย แต่เห็นผลชัดเจนที่สุด สกูตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้ช่วยทั้งเรื่องลดต้นทุนเชื้อเพลิง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตเราอาจได้เห็น ETRAN ที่มากกว่าแค่สกูตเตอร์ แต่อาจเป็นรถ 3 ล้อ รถเมล์ เรือ หรือแม้กระทั้งเครื่องบิน ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่พวกเขาวางไว้
Special Guest 2 : คุณนิลทิตา เลิศเรืองศุภกุล (โอปอล์)
Rising Star FinTech กับRefinn ระบบรีไฟแนนซ์บ้านที่มาแรงแห่งปี
“โมเดลธุรกิจที่ตอบโจทย์คนยุค Gen M กับ on-demand data”
“Refinn” เป็นหนึ่งใน Star-Up ตัวอย่าง ที่สามารถสร้างแรงบันดาลให้กับผู้คนที่คิดจะเริ่มต้นธุรกิจประเภท FinTech รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ด้วย หากเล่าง่ายๆ Refinn คือผู้ให้บริการรวบรวมและเปรียบเทียบข้อมูลการรีไฟแนนซ์บ้านจากธนาคารต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่จะรีไฟแนนซ์บ้านได้รับข้อเสนอที่คุ้มค่าที่สุด เพราะยังมีคนอีกมากมายที่ไม่รู้ว่าการรีไฟแนนซ์บ้านสามารถช่วยลดเงินที่ต้องจ่ายที่ต้องเสียไปกับดอกเบี้ยบ้านได้ เมื่อคนปลดหนี้บ้านได้เร็วได้ ก็มีเงินเหลือสำหรับไปสร้างครอบครัวหรือสร้างธุรกิจตามที่ตนเองฝันได้เร็วยิ่งขึ้น
สำหรับหลักการทำธุรกิจของ Refinn นอกจากจะเป็นธุรกิจที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับคนในสังคมได้แล้ว ยังสร้างผลกระทบกับคนหมู่มากได้อย่างวงกว้าง เพราะใครๆ ก็อยากมีบ้านหรือเป็นหนี้บ้าน และความภาคภูมิใจของ Refinn คือตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการมาพวกเขาสามารถช่วยคนไทยให้ประหยัดเงินจากเดิมที่ต้องเสียให้กับดอกเบี้ยบ้านไปกว่า 500 ล้านบาทแล้ว
Special Guest 3 : ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต (เปปเปอร์)
ผอ.อาวุโส ETDA ภาครัฐจัดให้ สายแข็ง Digital Economy
“ภาครัฐเตรียมสนับสนุนการเติบโตธุรกิจของคน Gen M”
โลกใบนี้กำลังถูกสิ่งที่เรียกว่า Digital เปลี่ยนโฉมทุกอย่าง ไล่มาตั้งแต่เรื่องของ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เมื่อก่อนเราฟังเพลงด้วยเทปและซีดี แต่วันนี้เราเปิดฟังจากบนเว็บไซต์ หรือจะเป็นเรื่องของสื่อ เราไม่จำเป็นต้องรออ่านหนังสือพิมพ์ในตอนเช้าอย่างเดียว แต่เราสามารถเช็คข่าวได้ตั้งแต่อยู่บนเตียงผ่านสมาร์ทโฟน และเรื่องที่สำคัญที่สุด คือเรื่องของเงิน เมื่อไหร่ที่เงินเปลี่ยนเป็น “เงินดิจิทัล” แบบเต็มรูปแบบ ธุรกิจๆ ทุกอย่างก็จำเป็นที่จะต้องก้าวสู่ความเป็นดิจิทัลอย่างเต็มตัวด้วยเช่นกันอีกทั้งยังแก้ปัญหาเรื่องคอรัปชั่นได้ เพราะเมื่อเงินถูกเปลี่ยนเป็นเงินดิจิทัล ก็จะสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้นทั้งภาคเอกชนเองและภาครัฐไม่อาจจะปฏิเสธกระบวนการ “Digital Disruption” ผู้คนทั้งโลกสามารถติดต่อหากันได้ผ่านโลกของดิจิทัล เทคโนโลยีต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในภาคธุรกิจและการผลิตคือตัวช่วยที่ทำให้ผู้ที่ปรับตัวได้เปรียบ รวมถึงเรื่องของข้อมูล ฐานข้อมูลหรือ Big Data ทั้งหลายคือสิ่งมีค่าราวน้ำมัน เพราะต่อให้มีเครื่องทางเทคโนโลยีแล้ว แต่ไม่มีข้อมูลให้สิ่งเหล่านี้ประมวลผล เรียนรู้ ก็เหมือนกับร่างที่ไร้วิญญาณ
สำหรับประเทศที่เล็งเห็นถึงโอกาสและการเปลี่ยนแปลง ทางภาครัฐได้มีนโยบายต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้คนในประเทศตื่นตัวพร้อมปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลกันอย่างจริงจัง และสิ่งสำคัญลำดับต้นๆ ที่ทางภาครัฐสามารถสนับสนุนให้ประเทศก้าวสู่ยุคดิจิทัลแบบเต็มรูปได้ นั่นก็คือโครงสร้างพื้นฐานการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของคนทั้งประเทศ ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยี สนับสนุนธุรกิจเกิดใหม่หรือสตาร์ทอัพ การพัฒนาคน รวมถึงสิ่งสำคัญที่สุดคือ
“รัฐบาลอิเล็กโทรนิค” เพราะภาคเอกชนก้าวไปข้างหน้าแล้วรัฐเองก็ต้องก้าวไปพร้อมๆ กัน ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะเกิดขึ้นไม่ได้
สำหรับ Road Map ที่ทางภาครัฐวางไว้มีอยู่ด้วยกัน 4 ขั้นได้แก่ 1.ลงทุนและสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (1.6 ปี) 2.ทุกภาคส่วนของประเทศมีส่วนร่วมในพัฒนาเศรษกิจและสังคมดิจิทัลตามแนวทางประชารัฐที่วางไว้ (5ปี) 3.ก้าวเข้าสู่การเป็นดิจิทัลไทยแลนด์แบบเต็มศักยภาพ (10ปี) 4.ก้าวเข้าสู่กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสร้างมูลค่าทางเศรษกิจและคุณค่าทางสังคมอย่างยั่งยืน (10-20ปี)
Special Guest # 4 คุณจักรพงษ์ เมษพันธุ์
Money Coach ตัวท๊อปของเมืองไทย
“ให้เงินทำงาน ในวันที่อยากสโลว์ไลฟ์สไตล์ Gen M …มโนกันไปหรือทำได้จริง”
“ความรู้ทางการเงิน” ไม่ใช่แค่เฉพาะ Gen M เท่านั้นที่ต้องศึกษาและเรียนรู้ แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องรู้และยิ่งเริ่มทำได้เร็วที่สุดเท่าไหร่ยิ่งดี โดยเฉพาะผู้ที่อยากมีอิสรภาพทางการเงิน
ด้วยนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดของคน Gen M คือความกล้าคิดกล้าทำ เชื่อมั่นในตนเองสูง แต่นั้นก็หมายถึงความวู่วามที่อาจคิดไม่รอบครอบ ซึ่งเป็นทั้งข้อดีและข้อที่ควรระวัง ขอดีของการกล้าคิดกล้าทำคือการตัดสินใจทำอะไรเร็ว เริ่มต้นในวันที่ยังไม่สาย บวกกับเทคโนโลยีและการขาดโซเชียลไม่ได้ของคนยุคนี้ทำให้พวกเขารับรู้ข่าวสารตลอดเวลารวมถึงความรู้และข่าวสารเรื่องของการลงทุน
คนรุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงและเข้าใจเรื่องการเงินเป็นอย่างดี คนกลุ่มนี้จะเรียกว่ากลุ่ม “New Rich” สร้างความมั่นคั่งด้วยตนเอง มีรายได้จากหลายทาง คนกลุ่มนี้เรียนรู้วิธีการทำธุรกิจแบบใช้เงินตัวเองลงทุนน้อยที่สุด รู้วิธีการหาฟันดิงต่างๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจ รวมถึงเครื่องมือการตลาดที่หลากหลาย และใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วย รวมถึงการใช้งาน Outsource อย่างชาญฉลาด
การสร้างอิสรภาพทางเงินเกิดขึ้นจริงได้เพียงแค่เข้าใจวิธีการสร้างความมั่นคั่งด้วย “เกมการเงินยุคใหม่” และห้ามลืมฐานสำคัญที่สุดของการมีอิสรภาพทางเงินนั่นก็คือ ความรับผิดชอบทางการเงิน เพิ่มเติมความรู้ มีวินัยในการใช้เงิน และเริ่มต้นให้ไว เริ่มต้นอย่างมีความรู้ และมีวินัย ทุกอย่างต้องควบคู่ไปพร้อมกัน
สำหรับใครที่พลาดงาน Exclusive Talk Party “Millionaire Millennials สร้างธุรกิจให้มั่งคั่งด้วยพลังคนยุค Gen M”
สามารถรับชมผ่านบันทึกการ live สด เเละติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจเเละงานสัมมนาดีๆ เเบบนี้ได้ที่ www.krungsri.com / www.facebook.com/krungsriguru


