Starbucks อาจอยู่ระหว่างพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้กับธุรกิจในกลุ่มประเทศสหราชอาณาจักร (UK) เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจของ UK กำลังทรุดหนัก
จากทั้งภาวะเงินเฟ้อรุนแรงและปัญหาข้าวยากหมากแพง โดยถ้าเห็นว่าสู้ไม่ไหว อาจนำไปสู่การขายกิจการ
ปัจจุบันเศรษฐกิจของ UK ไม่ต่างจากคนไข้ที่แพทย์ต้องจับตาดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยเมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมาตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 9.1% สูงสุดในรอบ 40 ปี และยังสูงสุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ 7 ประเทศ (G7) อีกด้วย
ซ้ำร้ายสถานการณ์ก็ยังอาจแย่ลงอีก ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าปีนี้ตัวเลขเงินเฟ้ออาจพุ่งเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 11%
ด้านองค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดว่าเศรษฐกิจของ UK กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย และปี 2023 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อาจไม่ขยายตัวเลย
ข้อมูลเชิงลบดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางปัญหาข้าวยากหมากแพงใน UK ทำให้ผู้บริโภคต้องคิดให้รอบคอบว่าจะกินจะดื่มอะไร เพราะอาหารทุกจานและเครื่องดื่มทุกแก้วย่อมส่งผลต่อจำนวนเงินในกระเป๋า
ฝ่าย Starbucks ก็คงจับตาสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจใน UK ด้วยความกังวล และเห็นถึงความไม่แน่นอน แม้ว่าปัจจุบันยอดขายกำลังกระเตื้องกลับขึ้นมา หลังคนวัยทำงานต่าง ๆ ถูกเรียกตัวกลับบริษัท ทั้งแบบเต็ม 5 วันทำงานหรือสลับกับการทำงานอยู่บ้านก็ตาม
The Times หนังสือพิมพ์เก่าแก่ของอังกฤษรายงานว่า Starbucks กังวลต่อสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจของ UK อย่างมาก และกำลังคิดหาทางว่าจะทำอย่างไร
จนต้องไปหารือกับ Houlihan Lokey บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินของสหรัฐฯ ที่เชี่ยวชาญการปรับโครงสร้าง ควบรวมและขายกิจการ โดยทางออกต่าง ๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณานี้มีการขายกิจการรวมอยู่ด้วย
การแข่งขันที่ดุเดือดใน UK และสู้เชนร้านกาแฟเจ้าถิ่น อย่าง Costa, Pret A Manger และ Tim Hortons ไม่ไหว ก็เป็นอีกสาเหตุที่อาจทำให้ Starbucks ถอนตัวจาก UK
สำหรับ Starbucks เข้ามาเปิดสาขาแรกใน UK เมื่อปี 1998 ปัจจุบันมีสาขาอยู่ราว 1,200 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นสาขาแบบแฟรนไชส์
โดยหากตัดสินใจขายกิจการใน UK จะทำให้ต้องเสียอีกหนึ่งในตลาดใหญ่ในยุโรป ต่อเนื่องจากการประกาศขายกิจการในรัสเซียเมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา/cnn, bbc
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



