Projector High Brightness แค่ 2% ในตลาดรวม แต่ทำไมโอกาสมหาศาล
ในปีนี้คาดการณ์ตลาดโปรเจกเตอร์มูลค่า 1,340 ล้านบาท และมียอดจำหน่ายที่ 43,450 เครื่อง
อ้างอิงตัวเลขจากเอปสันตามปฏิทินธุรกิจญี่ปุ่น เมษายน 2565-มีนาคม 2566
ส่วนปี 2566 เอปสันคาดการณ์ว่าตลาดโปรเจกเตอร์จะมีมูลค่า 1,400 ล้านบาท เติบโต 4.5% ด้วยยอดจำหน่าย 43,450 เครื่อง เติบโต 2.2%
มองไปยังยอดจำหน่ายโปรเจกเตอร์ระหว่างเมษายน-กันยายน 2565 พบว่ามียอดจำหน่ายที่ 21,000 เครื่อง
จะประกอบด้วยตลาด
โฮมโปรเจกเตอร์ 6%
และ 94% เป็นตลาดโปรเจกเตอร์ในกลุ่มบิซิเนส
ในกลุ่มบิซิเนสจะแบ่งกลุ่มโปรเจกเตอร์ตามความสว่างของแสงที่ออกมาจากหลอดไฟมีหน่วยเรียกว่าลูเมน โปรเจกเตอร์ความสว่างสูงที่เปลี่ยนเลนส์ได้ และโปรเจกเตอร์ที่มีระยะฉายที่สั้น
ซึ่งมีสัดส่วนในตลาดรวมของโปรเจกเตอร์ทั้งหมดดังนี้
ความสว่าง 2,000-น้อยกว่า 5,000 ลูเมน สัดส่วน 78%
ความสว่าง 5,000 ลูเมนขึ้นไป เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ สัดส่วน 8%
และความสว่าง 5,000 ลูเมนขึ้นไป เปลี่ยนเลนส์ได้ (High Brightness) สัดส่วน 2%
อื่น ๆ 6%
จากตัวเลขที่กล่าวมาแม้ตลาดโปรเจกเตอร์ในกลุ่ม High Brightness จะมีสัดส่วน 2% ด้านจำนวนเครื่องในตลาดรวม หรือคิดเป็นยอดจำหน่ายประมาณกว่า 400 กว่าเครื่องเท่านั้น
แต่ตลาดนี้มีความน่าสนใจคือโปรเจกเตอร์ High Brightness มีสัดส่วนด้านมูลค่ามากกว่า 25% ของตลาดโปรเจกเตอร์รวมในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565
และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 31% ในปี 2565
ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 32% ในปี 2566
ตัวเลขตลาดทั้งหมดนี้อ้างอิงตามปีปฏิทินญี่ปุ่น เริ่มเมษายน-มีนาคมของปีถัดไป
การเติบโตด้านมูลค่าของตลาดโปรเจกเตอร์ High Brightness มาจากการกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านอีกครั้งของผู้บริโภคหลัง Post Covid-19 จากมาตรการคลายล็อกดาวน์ในกิจกรรมต่าง ๆ และการเริ่มหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยว
ทำให้ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่มีการเปลี่ยนโปรเจกเตอร์ใหม่ทดแทนเครื่องเดิมที่มีอยู่ การเปลี่ยนเครื่องใหม่นี้ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมเปลี่ยนเป็นโปรเจกเตอร์กลุ่ม High Brightness ที่สามารถนำมาใช้งานได้หลากหลาย
โรงแรม รีเทล มีการนำโปรเจกเตอร์กลุ่ม High Brightness มาผสมผสานกับคอนเทนต์เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้ใช้บริการ
พิพิธภัณฑ์ปรับเปลี่ยนการนำเสนอข้อมูลจากรูปแบบเดิม ๆ ด้วยการออกแบบคอนเทนต์การนำเสนอให้มีมิติและสีสัน ซึ่งพิพิธภัณฑ์ใช้โปรเจกเตอร์ High Brightness เป็นเครื่องฉายคอนเทนต์ไปยังพื้นที่ที่ต้องการดึงดูดความสนใจผู้ใช้บริการ
วัดและโบสถ์ต่าง ๆ มีพิพิธภัณฑ์เป็นของตัวเอง และนำโปรเจกเตอร์ High Brightness เข้าไปปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอ เช่น ประวัติของวัดและโบสถ์ให้มีสีสันมากขึ้น
งานอีเวนต์ทั้งอินดอร์และเอาต์ดอร์ที่กลับมาอีกครั้ง ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมางานอีเวนต์ขนาดใหญ่นิยมใช้โปรเจกเตอร์ High Brightness ฉายภาพตามคอนเซ็ปต์งานที่ต้องการไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ที่ต้องการเพื่อสร้างประสบการณ์ และอารมณ์ร่วมของผู้ร่วมงานอีเวนต์กับงานที่จัด
เพราะจุดเด่นของโปรเจกเตอร์ High Brightness คือให้ความสว่างที่สูง สามารถ Mapping ภาพได้ทุกพื้นผิว ซึ่งต่างจากจอพาเนลที่ไม่สามารถวางจอภาพในพื้นที่ไม่ใช่ที่ระนาบได้
การที่ธุรกิจและสถานที่ต่าง ๆ นำโปรเจกเตอร์ High Brightness มาใช้นำเสนอคอนเทนต์ที่ต้องการ ส่วนหนึ่งต้นทุนผลิตคอนเทนต์มีราคาที่ถูกลงกว่าเดิม มีผู้ให้บริการจำนวนมากขึ้น และซอฟต์แวร์ที่รองรับการใช้งานมีการพัฒนาให้การ Mapping ภาพกับพื้นที่ต้องการมีมิติและเหมือนจริงมากขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดโปรเจกเตอร์ High Brightness ยังมาพร้อมกับความน่าสนใจในเรื่อง
โอกาส ของตลาดโปรเจคเตอร์ High Brightness
ราคา ราคาจำหน่ายต่อเครื่องเริ่มต้น 5 แสนบาทไปจนถึง 10 ล้านบาท
จากราคาจำหน่ายต่อเครื่องที่สูงจากราคาเริ่มต้น 500,000 บาทไปจนถึง 10 ล้านบาท ทำให้มีมูลค่าตลาดที่หอมหวน เพราะถ้าจำหน่ายโปรเจกเตอร์ได้เครื่องหนึ่ง นั่นหมายถึงรายได้ที่กลับมาให้กับธุรกิจหลายเท่าเมื่อเทียบกับการจำหน่ายโปรเจกเตอร์ในรุ่นอื่น ๆ ที่ต่ำลงมา
และตลาดโปรเจกเตอร์ High Brightness ยังมีคู่แข่งไม่มากนัก เนื่องจากเป็นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงกว่าโปรเจกเตอร์ระดับแมส
เมื่อตลาดมีโอกาส เอปสัน ผู้มีส่วนแบ่งตลาด 38% เป็นอันดับหนึ่งในตลาด จึงต้องการบุกตลาดโปรเจกเตอร์ High Brightness มากขึ้น ด้วยการเปิดตัวโปรเจกเตอร์พร้อมกัน 3 รุ่นในซีรีส์ EB-PU2200
ประกอบด้วยรุ่น EB-PU2213B ที่มีความสว่าง 13,000 ลูเมน
รุ่น EB-PU2216B ความสว่าง 16,000 ลูเมน
และรุ่นไฮไลท์ EB-PU2220B ความสว่าง 20,000 ลูเมน ซึ่งเป็นเลเซอร์โปรเจกเตอร์ความสว่าง 20,000 ลูเมน ที่มีขนาดเล็กและเบาที่สุดในโลก
การที่เอปสันเปิดโปรเจกเตอร์ High Brightness และยังเลือกทำตลาดในโปรเจกเตอร์กลุ่มนี้ผ่านเทคโนโลยีเลเซอร์ โปรเจกเตอร์ เหตุผลมาจากเทคโนโลยีเลเซอร์เป็นเทคโนโลยีที่ให้สีสว่างสดใสกว่าเทคโนโลยีหลอดภาพแบบ Lamp และมีอายุการใช้งานที่นาน
นอกจากนี้ เทรนด์ของเลเซอร์โปรเจกเตอร์ในกลุ่ม High Brightness ยังมีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ จากเดิมมีสัดส่วนเพียง 4% ในปี 2558 ในตลาดโปรเจกเตอร์ High Brightness ทั้งหมด
ปี 2559 สัดส่วน 17%
ปี 2560 สัดส่วน 33%
2561 สัดส่วน 63%
ต่อมาปี 2562 สัดส่วน 77%
สำหรับปี 2563 สัดส่วน 74%
ส่วนปี 2564 สัดส่วน 75%
และปี 2565 สัดส่วน 90%
โดยครึ่งปีแรกของปี 2565 มีสัดส่วน 86%
นอกจากนี้ อย่างที่เราได้กล่าวไปว่าโปรเจกเตอร์ High Brightness เป็นตลาดที่พัฒนาบนเทคโนโลยี ทำให้ในตลาดจึงมีคู่แข่งไม่มากนัก โดยมีพานาโซนิคเป็นคู่แข่งรายสำคัญ
เอปสันมองว่าตลาดโปรเจกเตอร์ High Brightness มีกลุ่มที่ใช้งานกลุ่มหลัก ๆ ประกอบด้วย
พิพิธภัณฑ์
โรงแรม
ศูนย์การประชุมขนาดใหญ่
ธุรกิจรีเทล
งานอีเวนต์ใหญ่ ๆ ของประเทศจากภาครัฐ
วัดและโบสถ์ที่ใช้บอกเล่าเรื่องราวของวัด
การทำตลาดของเอปสันในกลุ่ม Projector High Brightness สร้างการรับรู้ผ่านกิจกรรมการตลาดต่าง ๆ เช่นการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอีเวนต์สำคัญ ๆ เช่น การเป็นพาร์ตเนอร์ในงานลอยกระทงที่สุโขทัยที่นำโปรเจกเตอร์ High Brightnessไป Mapping กับโบราณสถานต่าง ๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราว
การเป็นพาร์ตเนอร์ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลหรือ teamLab และอื่น ๆ เพื่อโชว์เคสการสร้างสรรค์ผลงานคอนเทนต์จากโปรเจกเตอร์ และสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการรับรู้และประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อโปรเจกเตอร์ High Brightness ของเอปสันอีกด้วย
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



