7 ธันวาคม 2022 จีนประกาศผ่อนคลายข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ทันทีที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ได้รับการตอบรับในเชิงบวกจากหลายประเทศที่มีเศรษฐกิจผูกติดอยู่กับประเทศจีน ในช่วงไม่กี่วันมานี้ มีรายงานข้อมูลว่าภาพรวมเศรษฐกิจในจีนที่ย่ำแย่ซึ่งมาจากนโยบายปลอดโควิด หรือ Zero-Covid ของจีน ไม่เพียงแต่สั่นคลอนเศรษฐกิจภายในจีนเท่านั้น แต่ยังฉุดให้เศรษฐกิจของเอเชียสั่นสะเทือนไปทั้งภูมิภาค การกลับมาเปิดประเทศใหม่อีกครั้งอาจเป็นสัญญาณแห่งความหวังที่จะช่วยปลดพันธนาการที่ฉุดรั้งให้เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียที่ตกต่ำกลับมาเงยหน้าอ้าปากได้อีกครั้ง
แต่นักวิเคราะห์หลายสำนักกลับเห็นตรงกันว่าสาเหตุที่ทำให้พี่ใหญ่แห่งเอเชียยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจนั้นมีมากกว่าแค่เรื่องของผลกระทบจากนโยบายปลอดโควิด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการที่ประชากรทั้งโลกกำลังลดการจับจ่ายไปกับอุปกรณ์ไฮเทค ทำให้จีนหรือในฐานะศูนย์กลางการผลิตของโลกกำลังถูกต้อนให้จนมุม
ประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นปัจจัยสำคัญและมีส่วนต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจอย่างทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย ประเทศนี้มีขนาดของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย กำลังถูกสั่นคลอนจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นเหมือนเนื้อร้ายที่กัดกินเศรษฐกิจของประเทศมานานนับหลายเดือน จากข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมแสดงให้เห็นว่าการส่งออกของจีนลดลงกว่า 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2021 ซึ่งเป็นการลดลงในสัดส่วนที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ในฐานะที่เศรษฐกิจจีนถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจแห่งภูมิภาคเอเชีย ดังนั้นการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคจึงเปรียบเสมือนโซ่ที่เชื่อมต่อกันชนิดแยกไม่ออก ประเทศเกาหลีใต้ที่เน้นการส่งออกสินค้าไปขายยังต่างประเทศโดยเฉพาะจีนเป็นหลัก พบว่าตัวเลขส่งออกลดลงกว่า 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยได้รับผลกระทบจากยอดขายสินค้าที่ส่งออกไปยังจีนในระดับ -26% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 12 เดือนนับตั้งแต่ปี 2009 อีกทั้งยอดส่งออกสินค้าจากไต้หวันไปยังจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง ก็ปรับตัวร่วงลงมาถึง 21% ในช่วงเวลาเดียวกันส่งผลต่อภาพรวมการค้าและการลงทุนในภูมิภาคเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ภาพรวมของการค้าภายในเอเชียที่ลดน้อยลง ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากสินค้าประเภทสินค้ากลางน้ำ (ส่วนประกอบที่นำไปประกอบกันเป็นผลิตภัณฑ์) อาจส่งสัญญาณถึงการลดลงของยอดขายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในอนาคตได้ และเราอาจจะได้เห็นภาพของเศรษฐกิจจีนที่หดตัวและกำลังจะฉุดลากภาพรวมของเศรษฐกิจในภูมิภาคให้ถดถอยลงได้ในปีหน้า แน่นอนว่าถ้าเศรษฐกิจของจีนจะกลับมาเดินหน้าต่อต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปี ดังนั้นภาพที่เราจะได้เห็นในปี 2023 อาจไม่ใช่ภาพที่สวยงามหรือเป็นปีแห่งการเริ่มต้น กลับกันอาจเป็นปีที่ต้องเก็บคองอเข่าไปอีกปี
ในขณะเดียวกันอีกหนึ่งปัจจัยที่ถือว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งน้อยคนจะรู้ก็คือแนวโน้มที่การบริโภคสินค้าด้านไอทีกำลังเจอพายุลูกใหญ่เช่นเดียวกับที่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกกำลังเผชิญความตกต่ำ มีข้อมูลเปิดเผยว่ายอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ทั่วโลกลดลง 20% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับปี 2021 ซึ่งฉุดให้การส่งออกสินค้าประเภทเครื่องประมวลผลข้อมูลและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของจีนลดลงถึง 28%
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงฝันร้ายของอุตสาหกรรมการผลิตของจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นเป็นข่าวร้ายสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ของเกาหลีใต้อีกด้วย ในขณะเดียวกันผู้ผลิตชิปหน่วยความจำคอมพิวเตอร์ทั่วโลกก็กำลังเผชิญความท้าทาย จากการที่ตัวเลขการส่งออกสินค้าไปยังประเทศญี่ปุ่นลดลง 18% ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อศูนย์กลางภูมิภาค ๆ อื่น ๆ เช่น ในสิงคโปร์ที่การส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลดลง 9.3% ในเดือนตุลาคม บริษัทที่ปรึกษา Oxford Economics คาดว่าการส่งออกสินค้าจากภูมิภาคเอเชียจะตกต่ำลงไปอีกอย่างน้อย 4% ในช่วงปีหน้า
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในอเมริกาทำให้ธนาคารกลางของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก จำเป็นต้องปฏิบัติตาม ส่งผลต่อการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลก และทำให้ความต้องการอุปโภคบริโภคสินค้าของครัวเรือนและบริษัทต่าง ๆ ลดลงไป
ผลกระทบดังกล่าวปรากฏให้เห็นในคำสั่งซื้อเครื่องจักรจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางอุตสาหกรรมของโลกลดลงไปกว่า 5.5% โดยในตัวเลขที่ลดลงนี้คำสั่งซื้อสินค้าประเภทเครื่องจักรไฟฟ้าและเครื่องชั่งตวงวัดได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยลดลงมากถึง 27% ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้
การหดตัวของอุตสาหกรรมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียนั้นตรงกันข้ามกับช่วงเวลาหลังวิกฤตการเงินเมื่อปี 2008 เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำและเศรษฐกิจจีนที่เฟื่องฟูเป็นประโยชน์ต่อเครือข่ายอุตสาหกรรมในภูมิภาค Natixis ธนาคารเพื่อการลงทุนคาดว่าความต้องการใช้เซมิคอนดักเตอร์จะยังคงอยู่ในระดับต่ำจนถึงฤดูร้อนปีหหน้าเป็นอย่างน้อย
จนถึงตอนนี้ธนาคารกลางของจีนในฐานะผู้กำหนดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงผู้กำหนดนโยบายด้านสาธารณสุขของจีนอาจจะยังคงต้องระมัดระวังต่อไปอีกจนกว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะคลี่คลาย เสือโคร่งแห่งเอเชียผู้หิวโหยอาจจะต้องเผชิญภาวะที่ยากลำบากต่อไปอย่างน้อยก็อีกหลายเดือนข้างหน้าต่อจากนี้
–
