In-N-Out แบรนด์เบอร์เกอร์ที่ทุกวันนี้ยังเติบโตและแตกต่างด้วยพลังธุรกิจครอบครัว

เมื่อเร็วนี้ ๆIn-N-Out(อินแอนด์เอาต์) แบรนด์เบอร์เกอร์ชื่อดังจากอเมริกาได้มาเปิดร้านป๊อปอัปในกรุงเทพฯ เพียง 4 ชั่วโมง ทำให้คิวยาวสุด ๆ แต่เบอร์เกอร์ของที่นี่อร่อยคุ้มค่าการรอคอย

ด้วยกระแสตอบรับที่ดีทำให้หลายคนอาจสงสัยว่าอะไรทำให้แบรนด์เบอร์เกอร์In-N-Outขายดีและเป็นที่นิยมขนาดนี้ อย่างในปี 2021 แบรนด์In-N-Outทำรายได้ทั้งหมด 1.073 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจำนวนเงินนี้ช่วยยืนยันความสำเร็จได้เป็นอย่างดี

แล้วอะไรทำIn-N-Outเป็นแบรนด์เบอร์เกอร์ที่โดดเด่นท่ามกลางคู่แข่งอย่าง Chick-fil-A (ชิค-ฟิล-เอ) Papa John’s International (ปาป้า จอห์นส อินเทอร์เนชั่นเนล) หรือ Shake Shack (เชคแชค) มาดูกันเลย

รู้จักกับแบรนด์In-N-Outเบอร์เกอร์ขวัญใจคนทั่วโลก

In-N-OutBurger เป็นเครือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดระดับประเทศของอเมริกา ก่อตั้งขึ้นใน Baldwin Park (บอลด์วินพาร์ค) California (แคลิฟอร์เนีย) ในปี 1948 โดยสองสามีภรรยา Harry Snyder (แฮร์รี สไนเดอร์) และ Esther Snyder (เอสเธอร์ สไนเดอร์) ที่ใฝ่ฝันจะเปิดร้านตั้งแต่เด็ก ๆ

ปัจจุบันแบรนด์In-N-Outได้ขยายสาขาไปทั่วสาขาอเมริกาถึง 384 แห่ง โดยภายในแคลิฟอร์เนียมีสาขามากถึง 264 แห่ง ซึ่งคิดเป็นประมาณ 69% ของร้านIn-N-Out Burger ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา แต่ถึงIn-N-Outจะขยายกิจกรรมไปได้มากเท่าไรIn-N-Outก็ไม่เลือกที่จะทำแฟรนไชส์อยู่ดี เพราะทางแบรนด์คิดว่ามีโอกาสที่คุณภาพของอาหารจะถูกจำกัด หากธุรกิจเติบโตรวดเร็วมากจนเกินไปนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ แบรนด์In-N-Outจึงมีฐานลูกค้าที่ภักดีสูงกว่าแบรนด์อื่น จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชั้นนำในการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าหลายต่อหลายครั้ง

โดยเริ่มแรก ร้านเบอร์เกอร์In-N-Outแห่งแรกเปิดขึ้นเป็นสไตล์ไดรฟ์ทรูแห่งแรกในแคลิฟอร์เนียในพื้นที่ขนาด 10 ตารางฟุตที่ Francisquito & Garvey (ฟรานซิสกีโตแอนด์การ์วี่) ใน Baldwin Park โดนสาเหตุที่พวกเขาออกแบบร้านสไตล์ไดรฟ์ทรู เพราะเขาต้องการให้ลูกค้าได้รับอาหารที่สดใหม่และมีคุณภาพสูงสุดที่สามารถซื้อได้ รวมไปถึงให้บริการอย่างเป็นมิตรในสภาพแวดล้อมที่สะอาดนั่นเอง แนวคิดนี้จึงก่อให้เกิดIn-N-Outขึ้นมา

ภายในร้าน Harry Snyder ดูแลเรื่องจัดหาวัตถุดิบต่าง ๆ ในขณะที่ Esther Snyder จะดูแลเรื่องเกี่ยวกับการเงินเป็นหลัก และพวกเขายังคอยช่วยกันทำอาหารอีกด้วย ต่อมา Harry ได้ออกแบบกล่องที่ช่วยในการสั่งและรับอาหารของลูกค้าได้โดยไม่ต้องลงจากรถ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ลูกค้าชอบเป็นอย่างมาก เพราะมีความสะดวกสบาย และเป็นการบริการแบบไดรฟ์ทรูที่สมกับชื่อ

ด้วยการบริการ คุณภาพของวัตถุดิบ และความอร่อยของเบอร์เกอร์ ทำให้In-N-Outมีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จนในปี 1958In-N-Outได้ขยายธุรกิจมีสาขา 5 แห่งในแคลิฟอร์เนีย

หลังจากนั้นIn-N-Outก็ได้มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาทั้งด้านผลิตภัณฑ์และรสชาติให้ตรงกับความชอบของลูกค้ามากขึ้น เช่น มีการเพิ่มเมนูอย่าง Animal Style Burger เบอร์เกอร์ที่เน้นเนื้อมากขึ้นเพื่อเอาใจลูกค้าเป็นหลัก หรือการใช้กระดาษสีสันสดใสมาเป็นที่ห่อเบอร์เกอร์แทนกระดาษไขธรรมดา เพื่อทำให้การรับประทานอาหารบนรถดูน่าดึงดูดยิ่งขึ้น สำหรับผู้คนในสมัยนั้น เป็นต้น

นอกจากนี้In-N-Outยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอยู่เป็นประจำ เช่น การวางขายของสะสมที่มี Daffy Duck, Bugs Bunny และ Porky the Pig ตัวละครดังในสมัยนั้น เพื่อดึงดูดให้ผู้คนสนใจร้านค้ามากขึ้น หรือการเป็นพาร์ตเนอร์กับการแข่งรถลากและรถคลาสสิก ทำให้เบอร์เกอร์In-N-Outถูกขายเป็นสัมปทานให้กับนักแข่งและแฟน ๆ ที่มาร่วมงานจากทั่วประเทศ หรือจะเป็นการออกแบบเสื้อยืดสะสม Pasadena ที่ออกแบบโดย Harry Snyder เป็นต้น

In-N-Out เติบโตอย่างรวดเร็ว

ในปี 1976 Harry Snyder ผู้ก่อตั้งIn-N-Outได้เสียชีวิตในเดือนธันวาคม ทำให้ลูกชายของเขา Rich (ริช) และ Guy Snyder (กาย สไนเดอร์) เข้ามาบริหารและดูแลกิจการต่อ ด้วยความมุ่งมั่นในการให้บริการลูกค้าด้วยอาหารที่สดใหม่ คุณภาพสูง และสภาพแวดล้อมที่สะอาดสะอ้าน ส่งผลให้In-N-Outสามารถขยายสาขาได้ทั้งหมด 18 แห่ง

และในไม่ช้า Rich และ Guy Snyder ก็ได้เล็งเห็นการขยายกิจการให้เติบโตมากขึ้น พวกเขาได้ก่อตั้งIn-N-OutUniversity ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของบ้านของพวกเขาในปี 1948 นั่นเอง โดยมหาวิทยาลัยนี้จะเน้นการฝึกอบรมพนักงานทั้งหมด เพื่อให้คงคุณภาพของIn-N-Outได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นอาหารคุณภาพสูง ความสะอาด และการบริการลูกค้า ด้วยเหตุนี้In-N-Outจึงสามารถขยายสาขาได้มากกว่า 90 แห่งในเวลาอันสั้น

เมื่อกิจการIn-N-Outได้เติบโตมากขึ้น ในปี 1984 Esther และ Rich Snyder ได้ร่วมกันก่อตั้งกองทุน Child Abuse Fund ซึ่งต่อมาเติบโตเป็นIn-N-Out Burger Foundation เพื่อมอบการรักษา ที่อยู่อาศัย ที่พักฉุกเฉิน การอุปการะเลี้ยงดู และการให้ความช่วยเหลือกับเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือ

ต่อมาหลังจาก Esther, Rich และ Guy Snyder เสียชีวิต หลานสาว Lynsi Snyder (ลินซี่ สไนเดอร์) ก็ได้ดูแลบริหารกิจการต่อ ซึ่งเธอมักจะนึกขอบคุณรากฐานที่ปู่ย่า ลุง และพ่อของเธอสร้างขึ้นไว้ให้ เธอจึงตั้งใจสานต่อทั้งวิสัยทัศน์ ความหลงใหล และความมุ่งมั่นให้กับแบรนด์In-N-Outสืบต่อไป

ด้วยเหตุนี้In-N-Outจึงเน้นผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่และมีคุณภาพสูงเท่านั้น ส่งผลให้ได้เมนูต่าง ๆ ทั้งเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด และเครื่องดื่มต่าง ๆ เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าจำนวนมากนั่นเอง

นอกจากนี้ Lynsi Snyder ยังได้กลายเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในอเมริกาอีกด้วย Forbes ประเมินมูลค่าสุทธิไว้ที่ 4.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินก้อนส่วนหนึ่งของมรดกของเธอ

ปัจจุบันIn-N-Outมีมากกว่า 300 สาขา มียอดขายต่อปีกว่า 500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีการเติบโตในทุก ๆ ปี ซึ่งสิ่งนี้ช่วยยืนยันความสำเร็จของแบรนด์In-N-Outได้เป็นอย่างดี

ที่มาของร้านป๊อปอัปในหลาย ๆ ประเทศ

ด้วยความที่In-N-Outเป็นแบรนด์ที่บริหารโดยธุรกิจครอบครัว ทำให้ยังไม่มีแพลนขยายธุรกิจไปต่างประเทศ สิ่งนี้ได้ส่งกระทบต่อIn-N-Outครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีผู้ลอกเลียนแบรนด์ โดยใช้ชื่อที่คล้ายกันในออสเตรเลีย ทำให้ผู้บริโภคสับสน จนคิดว่าธุรกิจของออสเตรเลียนี้มีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์In-N-Outนั่นเอง

ทางแบรนด์จึงได้ดำเนินการขึ้นศาลในข้อหาละเมิดเครื่องหมายการค้า และได้พลิกเกมด้วยการเปิดร้านป๊อปอัปหนึ่งวันในซิดนีย์ในปี 2012, 2013, 2016, 2017, 2019, และ 2022 ในบริสเบนในปี 2020 ในเมลเบิร์นในปี 2014 และ 2018 และในเพิร์ธในปี 2018 และ 2022 เพื่อรักษาสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้านั่นเอง

สิ่งนี้ทำให้แบรนด์In-N-Outได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีกเท่าตัว สินค้าที่ขายในร้านป๊อปอัปหมดอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง ทำให้แบรนด์In-N-Outดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจนี้ต่อไป ไม่เพียงแต่ในออสเตรเลียเท่านั้น แต่ได้ใช้กลยุทธ์นี้กับประเทศอื่น ๆ อีกด้วย เช่น ในลอนดอน โทรอนโต สิงคโปร์ โตเกียว เซี่ยงไฮ้ กรุงเทพฯ ฮ่องกง ไทเป แวนคูเวอร์ บัวโนสไอเรส โซล เบอร์ลิน ดูไบ หรือเวียนนา

สาเหตุที่ทำให้แบรนด์In-N-Outแตกต่างจากแบรนด์อื่น

In-N-Outเป็นเบอร์เกอร์เจ้าแรกที่แตกต่างเป็นอย่างมากจากร้านอื่น ๆที่ก่อตั้งขึ้นมาในสมัยนั้น เช่น McDonald’s หรือ Carl’s Jr. เป็นต้น ซึ่งร้านอื่นตั้งใจที่จะลดต้นทุน โดยใช้เนื้อบดแช่แข็งและเฟรนช์ฟรายส์ที่หั่นไว้ล่วงหน้า แต่ผู้ก่อตั้งทั้งสองของIn-N-Outกลับยืนกรานว่าจะใช้แต่ของสดคุณภาพสูงเท่านั้น ทำให้สินค้าทุกอย่างในร้านมีคุณภาพดีมากอย่างเช่น ไส้เบอร์เกอร์ที่ทำมาจากเนื้อแล่สด ๆ มันฝรั่งทอดที่ทำจากมันฝรั่งสดเท่านั้น และมิลค์เชกที่ทำจากไอศกรีมจริงๆ

In-N-Outยังนำเสนอแนวคิดที่ปฏิวัติวงการอีกรูปแบบหนึ่งให้กับอุตสาหกรรมบริการด่วนอีกด้วย นั่นก็คือ ร้านอาหารแบบไดรฟ์ทรูที่มีกล่องคอยรับ-ส่งสินค้านั่นเอง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีมาก่อน จึงทำให้แบรนด์In-N-Outกลายเป็นผู้นำเทรนด์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมมากที่สุดในอุตสาหกรรมอาหารจานด่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้In-N-Outยังเป็นแบรนด์ที่ดูแลพนักงานได้เป็นอย่างดี โดยมีอัตราการลาออกของพนักงานที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม และจ่ายค่าจ้างรายชั่วโมงที่สูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลกลาง ส่งผลให้พนักงานของIn-N-Outมีความสุขและตั้งใจส่งมอบความประทับใจนี้ไปสู่ลูกค้าต่อไป

ด้วยการบริการประทับใจและอาหารที่อร่อยมีคุณภาพ ทำให้ลูกค้ามาใช้บริการอยู่เสมอ ส่งผลให้In-N-Outมียอดขายต่อร้านสูงกว่าร้าน McDonald’s ทั่วไปเกือบสองเท่า ทำให้มียอดขายรวมต่อปีประมาณ 4.5 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ McDonald’s 2.6 ล้านดอลลาร์

ส่วนอัตรากำไรของIn-N-Out(วัดจากรายได้ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) อยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งสูงกว่า Shake Shack คู่แข่งจากชายฝั่งตะวันออกของIn-N-Out(16%) และเครือร้านอาหารอื่น ๆ เช่น Chipotle (10.5%)

ยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัว Snyder ไม่มีความคิดที่จะขายธุรกิจ หรือแบ่งหุ้นส่วนให้คนอื่นมาดูแลแต่อย่างไร เพราะพวกเขาคิดว่า พวกเขาไม่อยากสูญเสียสิ่งที่เติบโตมาพร้อมกับพวกเขาทั้งชีวิตนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ แบรนด์In-N-Outจึงเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และเป็นหนึ่งแบรนด์อาหารที่โดดเด่นที่ได้รับความนิยมจากผู้คนจำนวนมาก จนกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์โปรดของคนหลาย ๆ คน

 

ที่มา:

https://en.wikipedia.org/wiki/In-N-Out_Burger

This is not a drill: In-N-Out is coming to Bangkok tomorrow—for four hours

https://www.in-n-out.com/history

https://www.delish.com/food-news/a48997/things-you-should-know-before-eating-in-n-out-burger/

https://www.insider.com/in-n-out-surprising-facts-history-2022-7

MoB | The History of In-N-Out Burger

The Legendary Allure of In-N-Out Burger

https://mailchimp.com/courier/article/in-n-out-burger/

https://www.forbes.com/sites/chloesorvino/2018/10/10/exclusive-in-n-out-billionaire-lynsi-snyder-opens-up-about-her-troubled-past-and-the-burger-chains-future/?sh=52d4e6224b9c

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online