ศรีจันทร์ อยู่มา 75 ปี จากเเบรนด์โอสถ สู่ Health & Wellness ที่มียอดขายพันล้าน

ศรีจันทร์ ครบรอบ 75 ปี รุกหนัก Traditional Trade ขยับเเบรนด์สู่ Health & Wellness ตั้งเป้าเเตะพันล้าน รอเข้าตลาดฯ ปี 2568

สำหรับ ศรีจันทร์ แบรนด์ที่อยู่คู่คนไทยมาเจ็ดทศวรรษ เป็นระยะเวลากว่า 75 ปี บนเส้นทางความงาม ส่งต่อรุ่นสู่รุ่น จากธุรกิจเล็ก ๆ เจ้าของผงหอมศรีจันทร์เเป้งของคนรุ่นเเม่ กำลังก้าวสู่ขั้นใหม่ด้วยรายได้หลักพันล้าน เเละเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

พร้อมเเตกไลน์โปรดักส์ ปั้นแบรนด์ให้เเข็งเเกร่ง ในสไตล์ของ รวิศ หาญอุตสาหะ ซีอีโอบริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ทายาทรุ่นที่สาม ผู้เข้ามาพลิกฟื้นศรีจันทร์สู่เครื่องสำอางสัญชาติไทย ผ่านการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ สลัดภาพแบรนด์โบราณ ฟื้นคืนชีพกลับมายืนแถวหน้าของผลิตภัณฑ์สัญชาติไทย

รวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงที่ต้องเผชิญสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับสงคราม บริษัทเจ็บหนัก ทั้งเรื่องกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ถดถอย เงินเฟ้อ ปัญหาซัปพลายเชน ตลอดจนต้นทุนเพิ่มสูง จนทำให้รายได้บริษัทไม่เติบโต

ปี 2562 รายได้รวม 497 ล้านบาท กำไร 35 ล้านบาท

สำหรับปี 2563 รายได้รวม 440 ล้านบาท กำไร 6 ล้านบาท

ต่อมาปี 2564 รายได้รวม 521 ล้านบาท ขาดทุน 39 ล้านบาท

ส่วนปี 2565 รายได้รวม 736 ล้านบาท กำไร 26 ล้านบาท

ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

โดยรวิศตั้งเป้าปี 2566 จะสามารถมีตัวเลขอยู่ในหลักพันล้านได้ อ้างอิงจากสถานการณ์ที่กลับมาเป็นปกติ เศรษฐกิจฟื้นตัว กำลังซื้อของคนกลับมา

อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงไม่นิ่งนอนใจ หลังได้รับบทเรียนช่วงโควิด  ศรีจันทร์จึงพยายามขยายขาธุรกิจสู่ตลาดใหม่ ๆ กระจายพอร์ตโฟลิโอบาลานซ์ความเสี่ยง ไม่พึ่งพิงรายได้จากเเหล่งเดียว เป็นที่มาของการกระโดดลงเล่นในตลาด Health & Wellness เเละวาง Brand Position ใหม่ สู่การเป็นแบรนด์ Beauty Solution

โควิดรายได้ลด ปรับเวลาเข้าตลาดฯ

มูลค่าตลาดความงามในไทยก่อนโควิดอยู่ที่ราว 170,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565 มีมูลค่าราว 149,000 ล้านบาท สกินแคร์ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดในอันดับแรก

ช่วงโควิดตลาด Personal Care ไม่ได้รับผลกระทบ เเละมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับเครื่องสำอาง เพราะคนยังมีดีมานด์ต่อการดูเเลผิว ดังนั้น การพึ่งพารายได้จากธุรกิจเพียงกลุ่มเดียว จึงไม่สามารถตอบโจทย์ได้อีก

ซึ่งทำให้ช่วงที่ผ่านมาศรีจันทร์นำร่องขยายสู่สกินแคร์ เพื่อต่อยอดสู่การเป็น Beauty Solution รวมถึงออกสินค้า Pack Size ขนาดเล็ก ทั้งแบบซอง เเละตลับเล็ก เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

นอกจากรุกตลาดสกินแคร์เพิ่มแล้ว ยังขยับธุรกิจสู่การเป็น Health Beauty & Wellness โดยวางเป้าหมายให้สัดส่วนรายได้อยู่ที่ครึ่งต่อครึ่งกับเครื่องสำอางและสกินแคร์

รายได้ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 730 ล้านบาท สำหรับปีนี้ตั้งเป้าเติบโตต่อ 25% จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่กลับมาสดใส กำลังซื้อดีขึ้น ประกอบกับการออกสินค้าใหม่ที่กำลังกลายเป็นกระเเส สามารถแตะ 1,000 ล้านบาทได้ในปีนี้ พร้อมดันเเผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้งในปี 2568

ปัจจุบันมีสินค้ารวมทั้งสิ้น 250 SKU ประกอบด้วยเเบรนด์ศรีจันทร์ ของลูกค้ากลุ่มคนวัยทำงาน, Sasi แบรนด์เครื่องสำอางสำหรับลูกค้า Young Generation และ SELENE แบรนด์สบู่น้ำหอม เเต่สัดส่วนรายได้ยังคงอยู่ที่ศรีจันทร์มากกว่าครึ่ง

ช่องทางการจำหน่ายจากเดิมที่อยู่ใน Modern Trade 65% ต่อ Traditional Trade 35% ในปีนี้จึงจะโฟกัสไปใน Traditional Trade มากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่ม Local เพื่อเรียนรู้ดีมานด์ของคนในพื้นที่ ต่อยอด Brand Strategy ช่องทางนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการทำตลาด Local

นอกจากนั้น ยังคงต้องให้ความสำคัญกับช่องทางการจำหน่ายออนไลน์เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากสัดส่วนการขายออนไลน์อยู่เพียงเเค่ 5% ซึ่งปัจจุบันช่องทางนี้ทำการตลาดยากขึ้นอีก

คนไทยใช้ของไทย มี Soft Power เป็นกุญเเจสำคัญ

ตามมุมมองของคุณรวิศ มองว่า ปัจจุบันไม่เพียงเเต่เเบรนด์ made in Korea ที่คนให้การยอมรับ เเบรนด์ไทยเองก็มี Position ที่ดีขึ้น  เนื่องจากคุณภาพที่ยกระดับสู้เเบรนด์ต่างชาติได้สมน้ำสมเนื้อ อีกทั้งเเบรนด์ดังสัญชาติเกาหลีหลายเจ้าก็เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในไทย

ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการช่วยผลักดันสินค้า made in Thailand สู่ระดับสากล คือคอนเทนต์ไทย ที่ชาวต่างชาติเองก็คลั่งไคล้ ศรีจันทร์จึงหมายมั่นอาศัย soft power ในการต่อยอดเเบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก ซึ่งในอนาคตอาจได้เห็นสินค้าของศรีจันทร์ Tie-in ในซีรีส์ ภาพยนตร์ของไทย เหมือนที่ผู้ชมเห็นจากคอนเทนต์เกาหลี”

ปัจจุบันศรีจันทร์มีสินค้าในกลุ่ม Base Make Up จำหน่ายในประเทศต่าง ๆ อาทิ ญี่ปุ่น จีน และ CLMV

บทเรียนตลอดการเดินทางบนเส้นทางความงาม ในฐานะผู้ชุบชีวิต ศรีจันทร์

คุณรวิศกล่าวสรุปในตอนท้ายว่า “ผมว่าการทำธุรกิจมันยาก เเล้วก็ช่วงนี้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างรวดเร็วเเละเข้มข้นมาก สิ่งที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งคือเรื่องบริหารคน อีกทั้งความผันผวนก็เกิดขึ้นเร็วมาก จนเราต้องหาความรู้อยู่ตลอด

ยกตัวอย่าง สมัยก่อนการจะทำหนึ่งเเคมเปญคิดกันเป็นเดือน ต้องจองช่วงเวลาโฆษณาที่ดีที่สุด วางสินค้าให้เยอะที่สุด เเล้วออนแอร์แคมเปญออกไป ในระหว่างนั้นสองสามเดือนทำได้เเค่รอดูผลตอบรับ เเต่สมัยนี้คอนเทนต์ทุกอย่างแก้ไขกันได้รายชั่วโมง มีเวอร์ชันโฆษณาเป็นร้อย  องค์กรจึงต้องออกแบบให้รองรับกับความเปลี่ยนเเปลง พร้อมปรับตัวอยู่เสมอ

มากกว่านั้น ในยุคนี้ถ้าจะทำธุรกิจให้ดี ต้องเก่งเรื่องคุมต้นทุนเเละความเสี่ยง เพราะการคุมต้นทุนต้องใช้เเรงมหาศาล เเละสุดท้ายต้องเข้าใจลูกค้า ต้องเข้าใจว่าความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนไปตลอด การพูดคุยกับลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

สำหรับปีนี้ ผู้บริโภคจะได้เห็นสินค้าใหม่ทั้งหมวดสกินเเคร์ที่จะลอนช์ปลายปี เเละเครื่องสำอาง รวมมากกว่า 30 SKU เเต่ความพิเศษของปีนี้ที่ครบรอบ 75 ปี บริษัทอาจมีสินค้าย้อนหวนรำลึกถึงศรีจันทร์ในช่วงเริ่มต้น เพื่อระลึกถึงผู้ก่อตั้งศรีจันทร์ใน Generation แรกให้แฟน ๆ ของศรีจันทร์ได้สะสม

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online