เซ็นทรัลพัฒนา เวทีเทรนด์ระดับโลกแห่งปี กรณีศึกษา Purpose-driven business model
ภายในงาน Global Trend Summit 2024 งานสัมมนาที่อัปเดตเทรนด์ผู้บริโภค ตั้งแต่กระแสโลกไปจนถึงเทรนด์ล่าสุดที่จำเป็นแห่งยุคเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
นอกจากภาพรวมการเปลี่ยนของธุรกิจ เทรนด์ของผู้บริโภคที่ใส่ใจโลกมากขึ้น หนึ่งใน Session ที่สำคัญและน่าสนใจคือ Purpose-Driven Business Model หรือโมเดลการขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจด้วยการกำหนดเป้าหมายหรือเจตจำนงที่ชัดเจน ว่าองค์กรนั้น ๆ สร้างคุณค่าและความหมายต่อลูกค้า สังคม และโลกอย่างไรที่นอกจากจะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนแล้วยังตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคที่มีแนวโน้มในการเลือกซื้อหรือใช้บริการแบรนด์ที่ใส่ใจโลกมากขึ้นด้วย
โดยเซ็นทรัลพัฒนาได้ร่วมแชร์วิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำในการบริหารองค์กรด้วย Purpose-Driven Business Model ในหัวข้อ How Central Pattana Lives the “Purpose”
ทุกคนรู้จักเซ็นทรัลพัฒนาในฐานะเจ้าของศูนย์การค้าที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 42 ปี นอกจากรายได้ผลประกอบการที่สร้างการเติบโตแล้ว หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรแห่งนี้เติบโตอย่างยั่งยืน นั่นคือ การให้ความสำคัญกับผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม กับเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ ‘Imagining better futures for all’ ตอกย้ำจุดมุ่งหมายที่ต้องการสร้าง ‘The Ecosystem for All’
ที่น่าสนใจคือคำว่า All ของเซ็นทรัลพัฒนานั้นประกอบไปด้วย 3 แกนหลัก คือผู้คน, สถานที่ และโลก (PEOPLE, PLACE and PLANET) ซึ่งจะขยายความให้เห็นภาพมากขึ้น ผ่านการสรุปประเด็นที่ ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานสัมมนาครั้งนี้
ทุกคนรู้จักเซ็นทรัลพัฒนาในฐานะเจ้าของศูนย์การค้าที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 42 ปี นอกจากรายได้ผลประกอบการที่สร้างการเติบโตแล้ว หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรแห่งนี้เติบโตอย่างยั่งยืน นั่นคือ การให้ความสำคัญกับผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม กับเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ ‘Imagining better futures for all’ ตอกย้ำจุดมุ่งหมายที่ต้องการสร้าง ‘The Ecosystem for All’
ที่น่าสนใจคือคำว่า All ของเซ็นทรัลพัฒนานั้นประกอบไปด้วย 3 แกนหลัก คือผู้คน, สถานที่ และโลก (PEOPLE, PLACE and PLANET) ซึ่งจะขยายความให้เห็นภาพมากขึ้น ผ่านการสรุปประเด็นที่ ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานสัมมนาครั้งนี้
Imagining better futures for all เจตจำนงที่ชัดเจน ช่วยก้าวข้ามทุกความท้าทาย
โลกธุรกิจในปัจจุบันเต็มไปด้วย “เทรนด์” ใหม่ ๆ ที่ช่วยสร้างการเติบโตหรือเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับองค์กรต่าง ๆ แต่การหยิบจับเทรนด์เหล่านั้นมาปรับใช้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปัจจุบันมี “ความท้าทาย” ที่หลากหลาย เช่น เรื่องความไม่เท่าเทียม ภาวะโลกเดือด (Global Boiling) หรือการมีปฏิสัมพันธ์ที่น้อยลงของผู้คนในยุคดิจิทัล
คำถามคือ แบรนด์หรือองค์กรจะเอาชนะความท้าทายเหล่านั้นได้อย่างไร?
มาถึงตรงนี้ ดร. ณัฐกิตติ์ แชร์ว่า ที่เซ็นทรัลพัฒนา “We breathe the same purpose.” ดังนั้น ทุกคนจึงเดินไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือเพื่อสร้าง The Ecosystem for all ผ่านการ Synergy ธุรกิจหลัก ได้แก่ Retail ที่เป็นหัวใจหลักในการสร้างความแข็งแกร่งของระบบทั้งหมด เชื่อมโยงกับธุรกิจที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรม พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนทั้ง Online & Offline ครบทั้ง 360 องศา และขยายไปสู่ธุรกิจ New Assets อื่น ๆ ที่จะสร้างอนาคตแห่งการใช้ชีวิต ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
PEOPLE
ในเรื่องของคน เซ็นทรัลพัฒนาเชื่อว่า ยังมีคนไทยที่มีความสามารถ ศักยภาพ และพรสวรรค์ซ่อนอยู่ เพียงแค่ต้องหาให้เจอ และเมื่อเจอแล้วสิ่งที่ต้องทำคือ สนับสนุน เพิ่มศักยภาพ และแบ่งปันทรัพยากรความรู้ มอบเครื่องมือและโอกาส ยกระดับคุณภาพชีวิตเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม นำไปสู่การสร้าง Local Wealth ที่ยั่งยืน
เป็นที่มาว่าทำไม เซ็นทรัลพัฒนาถึงขยายโครงการต่าง ๆ ไปทั่วประเทศ เพื่อสร้างเมือง สร้างโอกาสให้กับผู้คนในชุมชน รวมถึง SMEs
ดร. ณัฐกิตติ์ยกตัวอย่างให้เห็นภาพกับความสำเร็จของงาน Thailand Coffee Hub 2023 ที่ Central World ที่จัดขึ้นเพียง 7 วันสามารถสร้างรายได้กระแสเงินสดได้มากกว่า 20 ล้านบาท งานนี้เกิดจาก Passion ในเรื่องกาแฟของพนักงานของเราที่ผลักดันให้เกิดงานนี้ขึ้นได้ โดยเขาได้ค้นพบ Seed Of Siam แบรนด์กาแฟจาก จ. จันทบุรี หนึ่งในผู้ผลักดันเมล็ดกาแฟที่ปลูกในภาคตะวันออกของไทยให้เป็นที่รู้จัก โดยเซ็นทรัลพัฒนาร่วมกับสมาคมกาแฟพิเศษไทย หรือ SCATH ในการสร้าง Coffee Hub กระตุ้นวงการกาแฟไทย และต่อยอดไปที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล จันทบุรี สร้างพื้นที่ให้กาแฟพิเศษจากท้องถิ่นจันทบุรีและกาแฟพิเศษจากทั่วประเทศได้โชว์ศักยภาพ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการ และยกระดับระบบนิเวศธุรกิจกาแฟในประเทศไทย
“เราสามารถสนับสนุนทุกคนได้อย่างครบวงจร ใน Ecosystem นี้ ตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ คนแปรรูป ไปจนถึงคนคั่วกาแฟและคนรักกาแฟ”
PLACE
ในแง่สถานที่ เซ็นทรัลพัฒนาไม่ได้สร้างแค่พื้นที่เชิงพาณิชย์ แต่เราคือหมุดหมายหลักที่จะนำ Urbanization มาให้กับทุกย่าน ทุกเมือง ทั่วประเทศ และทำหน้าที่เชื่อมโยงผู้คนและโลกเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ผ่านการเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่มอบประสบการณ์ครบวงจร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์แบบ 360 องศา
“เราสร้างสรรค์งานต่าง ๆ เช่น งานเคานต์ดาวน์กรุงเทพ งาน Pride for All หรือเทศกาลสงกรานต์ ฯลฯ กิจกรรมที่ให้ผู้คนได้
กิจกรรมที่ให้ผู้คนได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขร่วมกัน มีอิสระในการเป็นตัวของตัวเองเพื่อแสดงความเท่าเทียมและการไม่แบ่งแยก ตลอดจนการเป็นเวทีเผยแพร่วัฒนธรรมที่สวยงามของไทยให้โลกได้รับรู้
“การบริหารพื้นที่ในแบบเซ็นทรัลพัฒนาประสบความสำเร็จในการยกระดับประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลกและกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ”
นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนายังเป็นพื้นที่สำหรับการทำสาธารณะกุศลเพื่อประเทศชาติและเพื่อนมนุษย์
“ที่ผ่านมาเราเปิดพื้นที่บริการสาธารณประโยชน์ทุกครั้งที่มีวิกฤตเกิดขึ้น เช่น ช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เราได้ร่วมมือกับผู้เช่าและพันธมิตรในการจัดส่งอาหารกล่องให้กับแพทย์ พยาบาล และอาสาสมัครที่เสียสละในช่วงวิกฤต นอกจากนี้ เรายังเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นสถานที่ที่ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันกว่า 2.6 ล้านโดส พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ, เกษตรกร และอาชีพต่าง ๆ ได้มีพื้นที่ขาย โดยรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 40,000 ตร.ม. หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาทต่อปี
“นอกจากนี้ เรายังเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกที่ให้การสนับสนุนพื้นที่รับบริจาคโลหิตมาตลอด 34 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2565 ที่ผ่านมาเราได้ส่งมอบโลหิตให้แก่สภากาชาดฯ ไปแล้วมากกว่า 10 ล้านซีซี”
PLANET
ในวันที่โลกกำลังเข้าสู่ ภาวะโลกเดือด (Global Boiling) ความท้าทายที่ยากที่สุดคือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คน ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ขององค์กรขนาดใหญ่ที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีได้เร็วขึ้น
“ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย เราพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับและสนับสนุนลูกค้ากลุ่ม Ecosumer อีกทั้งแผนงานในการเดินหน้าสู่การเป็นองค์กร Net Zero ในปี 2050 ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และมลพิษจากธุรกิจสุทธิเป็นศูนย์
“โดยเราได้เริ่มภารกิจติดตั้ง SOLAR PANEL ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จครบทุกสาขาภายในปี 2567 เราเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกที่ให้บริการสถานีชาร์จ EV ทั่วประเทศ ขณะเดียวกันในปีนี้เราจะเปิดตัว CENTRAL WESTVILLE ศูนย์การค้า โลว์คาร์บอน ต้นแบบแห่งแรกในไทย”
เมื่อค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับ Net Zero 2050 อย่างเป็นรูปธรรมของของ เซ็นทรัลพัฒนา เพิ่มเติมก็พบว่า มีตั้งแต่
- Renewable Energy: ผลิตกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ 19 เมกะวัตต์ จากการติดตั้ง Solar Rooftop, Solar Carpo และ Solar Street Light ตั้งเป้าภายในปี 2024 ผลิตได้ 39 เมกะวัตต์
- Green Space & Forestation: ปลูกป่าซับคาร์บอนไปแล้ว 200,000 ต้น จากเป้าหมายปลูกป่าให้ประเทศไทย 1,000,000 ต้นในปี 2050
- Water Saving: รีไซเคิลน้ำได้มากกว่า 500 ล้านลิตรต่อปี หรือเทียบเท่าสระว่ายน้ำโอลิมปิก 220 แห่ง
- Waste Segregation: คัดแยกขยะได้ร่วม 20,000 ตันต่อปี จากโครงการ Journey to zero และการติดตั้ง Recycle Station เป็นจุดรับขยะแยก ตอบรับทั้งช้อปเปอร์ และร้านค้า พร้อมขยายจุดติดตั้งรวมกว่า 15 สาขาภายในปีนี้ มากที่สุด และเบอร์ 1 ในกลุ่มศูนย์การค้าไทย
- EV Charging Station: ติดตั้งแล้ว 495 ช่องจอด นับเป็นจำนวนมากที่สุดและเป็นเบอร์ 1 ในกลุ่มศูนย์การค้าของไทย
ก่อนจบ Session ดร. ณัฐกิตติ์กล่าวทิ้งท้ายว่า
“ธุรกิจอาจดำเนินไปได้ด้วยผลกำไรที่ดี แต่ในระยะยาวคงอยู่ไม่ได้หากองค์กรธุรกิจนั้น ๆ ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนต่อ Key Stakeholders …แบรนด์หรือองค์กรต้องถามตัวเองว่า ‘เราหรือบริษัทของเรามีเป้าหมายอะไรต่อผู้ถือหุ้น ต่อสังคม ต่อผู้คน หรือต่อโลกอย่างไร?’ และไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร ขอให้เราเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น
เซ็นทรัลพัฒนาดำเนินตามวัตถุประสงค์ของเราผ่านบุคลากรด้วยการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งจะกลายเป็นการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในท้ายที่สุด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน Imagining Better Futures for All”
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ