กาแฟดี หรือไม่ ทำไมหลายคนบอกว่าดื่มกาแฟแล้วจึงดีต่อสุขภาพ ?
ผู้คนทั่วโลกต่างก็ดื่มกาแฟเฉลี่ยวันละ 2.25 พันล้านแก้ว โดยมีผู้คนกว่า 1,000 ล้านคนที่ดื่มกาแฟทุกวัน ส่งผลให้มูลค่าตลาดกาแฟโลกในปี 2022 สูงถึง 433,600 ล้านดอลลาร์ และอัตราการเติบโต ปี 2022-2025 เพิ่มมากขึ้นถึง +7.64% ต่อปี
นอกจากนี้ Starbuck ยังเป็นเครือร้านกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีรายได้ 26,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ตามด้วย Costa Coffee และ Dunkin Donuts ในส่วนผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูป Nescafe เป็นแบรนด์กาแฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีรายได้ 99,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
เป็นที่เห็นได้ชัดว่ากาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แต่เคยสงสัยไหมว่าการที่เราดื่มกาแฟนั้นดียังไงต่อร่างกายของเรา เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษมากกว่ากัน
เนื่องจากในอดีต กาแฟถูกมองหาเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ อีกด้วย แต่ในปัจจุบัน การวิจัยในช่วงที่ผ่านมาเผยว่า การดื่มกาแฟนั้นอาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคนเรามากกว่าที่คิด
การดื่มกาแฟส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษมากกว่ากัน
อย่างที่เป็นที่รู้กันว่า คาเฟอีนเป็นยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เพราะคนเราดื่มกาแฟ ซึ่งเป็นแหล่งคาเฟอีนตามธรรมชาติมานานหลายศตวรรษ ส่งผลให้กาแฟถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มที่ให้โทษมากกว่าประโยชน์
ซึ่ง Marc Gunter (มาร์ค กุนเทอร์) หัวหน้าแผนกโภชนาการและการเผาผลาญอาหารของสำนักงานวิจัยโรคมะเร็งระหว่างประเทศ (IARC) ได้ให้ความเห็นว่า ในช่วงทศวรรษ 1980 และ 90 การวิจัยส่วนใหญ่มักสรุปว่าผู้ที่ดื่มกาแฟจะมีความเสี่ยงสูงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่การวิจัยเหล่านี้ก็มีการพัฒนามาเรื่อยมา
เนื่องจากมีการศึกษาในวงกว้างเพิ่มมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์มีข้อมูลจำนวนมากที่น่าเชื่อถือ
แม้ในตอนแรกการวิจัยเผยว่า กาแฟมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคมะเร็ง เนื่องจากมีอะคริลาไมด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่พบในอาหาร เช่น ขนมปังปิ้ง เค้ก และมันฝรั่งทอด แต่อย่างไรก็ตาม IARC ได้สรุปในปี 2016 ว่ากาแฟไม่เป็นสารก่อมะเร็ง เว้นแต่ว่าจะดื่มที่ร้อนจัด ซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า 65C (149F)
นอกจากนี้ การวิจัยเพิ่มเติมยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มกาแฟกับการลดความรุนแรงของการกลับมาเป็นซ้ำของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย
ในปี 2017 Marc Gunter ได้เผยแพร่ผลการศึกษาที่ศึกษาพฤติกรรมการดื่มกาแฟของผู้คนครึ่งล้านทั่วยุโรปในช่วง 16 ปี แล้วพบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟมากขึ้นมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็งน้อยลง ซึ่งการวิจัยนี้สอดคล้องกับการวิจัยจากส่วนอื่นๆ ของโลก จึงสามารถกล่าวสรุปโดยย่อในงานวิจัยได้ว่า คนที่ดื่มกาแฟมากถึงสี่แก้วต่อวันอาจจะมีโรคน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มเลย
Peter Rogers (ปีเตอร์ โรเจอร์ส) ผู้ศึกษาผลกระทบของคาเฟอีนต่อพฤติกรรม อารมณ์ ความตื่นตัว และความเอาใจใส่ของมหาวิทยาลัยบริสตอล เผยว่า คนที่ดื่มกาแฟอาจมีสุขภาพที่ดีมากกว่าคนที่เลือกที่จะไม่ดื่มกาแฟ แม้ว่าพวกเขาจะมีนิสัยการใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพก็ตาม
ในขณะเดียวกันผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำมักมีความดันโลหิตสูง ซึ่งน่าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่ Peter Rogers กลับพบว่าความดันโลหิตสูงจากการดื่มกาแฟไม่มีผลและความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่สูงขึ้นต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ
นอกจากนี้ ยังมีการทดลองโดยการสังเกตผลของการดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนต่อระดับน้ำตาลในเลือดของศูนย์การออกกำลังกายทางโภชนาการและการเผาผลาญที่มหาวิทยาลัยบาธในอังกฤษอีกด้วย ซึ่งการวิจัยแตกต่างจากการวิจัยก่อนหน้า เพราะการวิจัยข้อมูลโดยตรงไม่ได้มาจากข้อมูลประชากร
โดยการวิจัยนี้พบว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟตามด้วยเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลแทนอาหารเช้า จะมีน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับตอนที่พวกเขาไม่ได้ดื่มกาแฟก่อนอาหารเช้า ซึ่งพฤติกรรมประเภทนี้จะต้องเกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นเวลานาน
การดื่มกาแฟสำหรับสตรีมีครรภ์
Esther Myers (เอสเธอร์ ไมเยอร์ส) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EF Myers Consulting ได้พบว่า ผู้ใหญ่สามารถดื่มกาแฟได้มากสุดสี่แก้วต่อวัน ในขณะที่สตรีมีครรภ์สามารถดื่มกาแฟได้มากสุดสามแก้วต่อวัน ส่วนสำนักงานมาตรฐานอาหารแนะนำให้สตรีมีครรภ์และให้นมบุตรอย่าดื่มกาแฟเกินหนึ่งถึงสองแก้วต่อวัน และทางที่ดีสตรีมีครรภ์ควรงดกาแฟทั้งหมด เพื่อลดความเสี่ยงของการแท้งบุตรและน้ำหนักแรกเกิดน้อย
ในขณะที่ Emily Oster (เอมิลี่ ออสเตอร์) นักเศรษฐศาสตร์และผู้แต่งหนังสือ Expecting Better ได้พบว่าการบริโภคคาเฟอีนเชื่อมโยงกับการแท้งบุตรโดยเฉพาะในช่วงสามเดือนแรก แต่จะดียิ่งหากไม่ดื่มกาแฟเลย
คาเฟอีนทำให้กระวนกระวายใจ?
นอกเหนือจากผลกระทบของกาแฟที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของหัวใจ มะเร็ง และการแท้งบุตร ยังมีอิทธิพลต่อสมองและระบบประสาทอีกด้วย เพราะคาเฟอีนเป็นยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซึ่งหมายความว่ามันส่งผลต่อการรับรู้ของเรา
ในกลุ่มประชากรทั่วไป บางคนสามารถดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนได้ตลอดทั้งวัน ในขณะที่บางคนอาจวิตกกังวลหลังจากดื่มกาแฟไปหนึ่งแก้ว การศึกษาพบว่าความแตกต่างในยีนของเราอาจส่งผลต่อการเผาผลาญคาเฟอีนของคนสองคนที่แตกต่างกัน
ในขณะที่ Peter Rogers (ปีเตอร์ โรเจอร์ส) แย้งว่าการบริโภคกาแฟนั้นไม่ส่งผลต่อจิตใจเราแต่อย่างใด หากเราเป็นผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ แต่สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำนั้นจะต้องระวังเวลาเลิกดื่มกาแฟ เพราะอาจมีอาการเหนื่อยล้าและปวดหัวได้ง่าย
แต่อย่างไรก็ตาม การดื่มกาแฟมากเกินไปก็อาจทำให้ปวดศีรษะ กระสับกระส่าย วิตกกังวล ได้ยินเสียงดังในหู หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ ดังนั้นถึงแม้การวิจัยจะพบว่ากาแฟประโยชน์ในแง่ของช่วยลดความเสี่ยงแต่โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็ง แต่เราก็ควรดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายของเรา เพื่อรักษาสุขภาพที่ดี และควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมออีกด้วย
กาแฟดี หรือไม่ ?
ที่มา:
https://www.bbc.com/future/article/20201028-the-benefits-of-coffee-is-coffee-good-for-health
https://straitsresearch.com/report/coffee-market
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /




