ทุกประเทศที่มีอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในรายได้หลัก ล้วนต้องมีย่านดังของเมืองหลวงที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จัก และเมื่อมีเทศกาลใหญ่ ๆ ระดับโลกย่านดังเหล่านี้ก็มักเข้าร่วมด้วย เพราะช่วยส่งช่วยหนุนให้เป็นที่รู้จักและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากันมากขึ้น

ปลายตุลาคมของทุกปี ย่านดัง ๆ ของประเทศฝั่งตะวันตกต่างจัดเทศกาลฮาโลวีน เพื่อร่วมฉลองและสร้างสีสัน แต่เทศกาลดังกล่าวยังมาดังในฝั่งเอเชียด้วย โดย ชิบูย่า ของญี่ปุ่น เป็นที่หมายอันดับหนึ่งฝั่งเอเชียที่ทั้งคนในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติไปร่วมตัวกันร่วมฉลอง “วันปล่อยผี” กันมากสุด

ภาพคนแต่งชุดผี ปีศาจ รวมไปถึงตัวละครจากหนัง การ์ตูนและเกมดัง ๆ ในชิบูย่า เป็นภาพที่ปรากฏตามข่าวไปทั่วโลกเมื่อถึงวันฮาโลวีนมากว่า 20 ปี จนกล่าวได้เลยว่า เป็นเทศกาลนำเข้าจากประเทศตะวันตกที่ผสมเข้ากับ ‘ความญี่ปุ่น’ ได้อย่างลงตัว แถมยังสร้างสีสันใหม่ ๆ จนเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้อีกด้วย

เทศกาลฮาโลวีนเข้ามาในญี่ปุ่น ผ่านทหารสหรัฐฯ ช่วงเข้ามายึดครองญี่ปุ่น หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งย่านแรกที่ได้สัมผัสเทศกาลนี้คือชิยูย่า ในกรุงโตเกียว เพราะอยู่ใกล้กับบ้านพักครอบครัวทหารเหล่านี้นั่นเอง

จากที่จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มครอบครัวทหารสหรัฐฯ ยุค 80 ฮาโลวีน เริ่มเป็นที่รู้มากขึ้นในญี่ปุ่น ด้วยการนำชุดผีปีศาจและฟักทอง ตัวมาสคอตของเทศกาล เพื่อรองรับความต้องการชาวต่างชาติโดยเฉพาะประเทศฝั่งตะวันตกที่มาเที่ยวหรือพักอาศัยในญี่ปุ่น

ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจจากรถยนต์และสินค้าเทคโนโลยี จนญี่ปุ่นเจริญก้าวหน้าอย่างมากและกลับสู่เวทีโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ ตรงข้ามกับประเทศที่ย่อยยับจากสงครามและถูกสหรัฐฯ เข้ามายึดครองเมื่อหลายทศวรรษก่อน

ข้ามมาปี 2000 เทศกาลฮาโลวีนในญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศจากการที่ Disney Land ในกรุงโตเกียว จัดขบวนพาเหรด ที่มีทั้งคาแรกเตอร์ดัง ๆ ของ Disney เอง และคาแรกเตอร์การ์ตูนของญี่ปุ่นด้วย จนสวนสนุกคู่แข่งอย่าง Universal ยอมไม่ได้ ต้องจัดตามบ้างในปีต่อมา  

กลับมาที่ ชิบูย่า ประตูบานแรกของญี่ปุ่นที่ได้เปิดรับเทศกาลฮาโลวีน โดยข้ามมาปี 2010 ร้านรวงในพื้นที่ 15 ตารางกิโลเมตร เริ่มแต่งร้านเพื่อรับเทศกาลนี้ ขณะที่ผู้คนและนักท่องเที่ยวก็เอาด้วย พากันแต่งเป็นผี ปีศาจ และแม่มดกันอย่างสนุกสนาน

แต่ยังมีปัจจัยเสริมที่ทำให้ฮาโลวีนที่ชิบูย่าดังไปทั่วโลก นั่นคือ ชุดจากคาแรกเตอร์การ์ตูนดัง ๆ ของญี่ปุ่น ประกอบกับชาวญี่ปุ่นเองที่ถนัดแต่งคอสเพลย์กันอยู่แล้ว ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ร่วมสนุกไปด้วย

เมื่อภาพเหล่านี้โดยเฉพาะบริเวณกลางแยกที่ถนนหลายสายมาบรรจบกัน กระจายไปทั่วโลกผ่านสื่อโซเชียลของคนหลายหมื่นในชุดแฟนซี ฮาโลวีน ชิบูย่า ก็ยิ่งดังขึ้นไปอีก ทำให้ชิบูย่าเป็นที่หมายหลัก ๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกทุกปีนับจากนั้น

ความโด่งดังของ ฮาโลวีน ที่ชิบูย่ากลายเป็นต้นแบบให้ย่านดัง ๆ ของประเทศอื่น ๆ จัดตาม ๆ กันมา โดยแน่นอนว่าบรรดาร้านค้า ผับบาร์ ในชิบูย่าเองเฝ้ารอคอยให้มาถึง เพราะเป็นคืนที่มีเงินสะพัดมหาศาล และชาวญี่ปุ่นเองก็สนุกไปกับวันนี้ด้วย

ณ จุดนี้จึงกล่าวได้ว่าวันฮาโลวีนกลมกลืนไปกับย่านชิบูย่า ชาวญี่ปุ่นเองก็ยอมรับเทศกาลนี้ ทำเอาลืมไปเลยว่าเมื่อปี 2009 เคยเกิดเหตุกลุ่มชาวต่างชาติในชุดแฟนซีที่ไปสร้างความวุ่นวายที่รถไฟใต้ดินสถานีชินจูกุ จนมีกระแสต่อต้านเทศกาลนี้ในหมู่ชาวญี่ปุ่นกันยกใหญ่

แต่เหรียญมีสองด้านเสมอ และเมื่อมีคนหมู่มากปัญหาย่อมตามมา โดยเขตชิบูย่าต้องเหนื่อยกับการควบคุมฝูงชน ดูแลจัดการคนเมากับการจราจรตลอดคืน และรุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้นฝ่ายเทศบาลก็ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการเก็บกวาดขยะอีกด้วย ซึ่งหนักข้อขึ้นทุกปี ๆ

ปี 2019 แม้โควิดเริ่มระบาด ทว่าจำนวนผู้มาร่วมเทศกาลฮาโลวีนในชิบูย่าก็มีมากถึง 40,000 คน อย่างไรก็ตามสถานการณ์โควิดทำให้ปี 2020 ฮาโลวีนในชิบูย่าถูกสั่งงด

จากนั้นในปี 2021 “วันปล่อยผี” ในชิบูย่า กลับกลายเป็นฝันร้าย โดยมีชายจิตป่วยในชุดโจ๊กเกอร์ไล่แทงคนในรถไฟใต้ดินจนมีผู้บาดเจ็บไป 17 คน

แถมยังเกือบเกิดเหตุเพลิงไหม้ เพราะชายคนนี้พกไฟแช็กเข้าไปด้วย จนคลิปวิดีโอชาวญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่วิ่งหนีตายออกจากรถไฟใต้ดินวันฮาโลวีน เป็นหนึ่งในข่าวดังแห่งปี

ปี 2022 ฮาโลวีนในชิบูย่า ยังถูกงด แต่ก็ฝันร้ายในเทศกาลนี้ย้ายไปเกิดที่แหล่งท่องราตรียอดฮิตของประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้เกิดเหตุเบียดเสียดเหยียบกันตายที่ย่าน อีแทวอน ของกรุงโซลในเกาหลีใต้ มีผู้เสียชีวิตไป 150 คน

มาปีนี้ (2023) ฮาโลวีนในชิบูย่ายังคงเงียบเหงาต่อไป โดยผู้อำนวยการเขตชิบูย่าได้ขอร้องชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวอย่ามาเขตชิบูย่าในวันฮาโลวีน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่านี่คือประกาศห้ามจัดฮาโลวีน เพื่อสกัดไม่ให้มีเหตุเบียดเสียดกันจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมแบบอีแทวอน

ประกาศดังกล่าวเป็นเรื่องที่บรรดาร้านรวงและผับบาร์ในชิบูย่าไม่ชอบนัก เพราะหมายถึงโอกาสทำเงินที่หายไปแต่ก็ต้องยอมรับ เนื่องจากคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุสลดแบบอีแทวอน

การสั่งห้ามจัดฮาโลวีนที่ชิบูย่าปีนี้ ยังมีอีกประเด็นน่าสนใจ เพราะเป็นการย้ำอีกครั้งว่าฝ่ายปกครองหรือหน่วยงานในญี่ปุ่นต่างต้องออกมาตรการใดมาตรการหนึ่ง เพื่อรับมือกับปัญหาจำนวนท่องเที่ยวล้นเกิน (Overtourism)

เหมือนที่เกิดขึ้นกับภูเขาไฟฟูจิ และซุ้มศักด์สิทธิ์ หรือโทเรอิ ในเมือง ฮัตสุไกชิ อันโด่งดัง จนต้องสั่งห้ามเข้าไปหลายวันและเก็บค่าเข้าชม ตามลำดับ

นี่ยังเป็นการสื่อให้เห็นว่า สถานที่ท่องเที่ยวดัง ๆ ต้องมีการบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืน แม้ต้องแลกกับจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ที่ลดลงไปบ้าง ทั้งที่เป็นช่วงที่ผู้คนแห่ไปตามสถานที่ท่องเที่ยวหลังพ้นวิกฤตโควิด และญี่ปุ่นเองก็เป็นประเทศที่พึ่งพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างมากก็ตาม/theguardian, wikipedia, cnn, kotaku


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer