จบไปแล้วกับงาน Singapore Fintech Festival (SFF) 2023 ซึ่งจัดขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่วันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2566 โดย Marketeer บินตรงไปถึงสนามบินชางงีเพื่อพบปะกับเหล่าผู้คนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของระบบชำระเงินมากกว่า 65,000 ชีวิตและ 500 บริษัท เพื่อพูดคุยและดูว่างานระดับ World-Class ที่เหล่านัก FinTech นั้นต้องมามันเป็นอย่างไร

โดยงานนั้นจัดขึ้นที่ Singapore Expo ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ โดยในงาน SFF นั้นแบ่งเป็น 6 Hall ด้วยกัน Hall ที่ 1 เรียกว่า Festival Stage ซึ่งใน Hall นี้จะจัดให้ speaker ขึ้นไปพูดในหัวข้อต่าง ๆ Hall ที่ 2 เรียกว่า Insight Stage ซึ่งเป็นที่รวมเหล่า Big Tech อย่าง Visa, MasterCard, Ant Group, Amazon และ Microsoft โดยในทุก ๆ บูธจะมีการจัดเสวนาย่อยรวมถึงมีการให้ทำกิจกรรมเพื่อแลกของที่ระลึก Hall ที่ 3 ใช้ชื่อว่า Tech Zone ใน Hall นี้จะเน้นบูธที่กำเนิดนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงหัวข้อเสวนาที่เกี่ยวกับ Technology Hall ที่ 4 ใช้ชื่อว่า Founders Zone ซึ่งเป็น Hall ที่เกี่ยวกับผู้ก่อตั้ง ไม่ว่าจะเป็น Start-up หรือบริษัท Fintech ต่าง ๆ ก็จะมาพูดใน Hall นี้ Hall ที่ 5 เป็น Regulation Zone และ Environmental, Social and Governance ซึ่งจะเป็นในเรื่องของความยั่งยืนและมีประโยชน์ให้กับสังคม ซึ่งเป็นที่แสดงผลงานของเหล่าหน่วยงานกำกับดูแลมาแสดงผลงานรวมถึงโปรโมตให้นักลงทุนมาลงทุนใน Start-up ของประเทศนั้น ๆ Hall 6 ใช้ชื่อว่า Talent Zone ซึ่งเป็น Hall ที่ให้ Start-up ใหม่มาแสดงฝีมือ ประกวดเพื่อชิงรางวัลต่าง ๆ

โดยทั้งวันนอกจากผู้เข้าชมจะได้ทำการ Networking แล้ว เยี่ยมชมดูบูธต่าง ๆ ก็ยังมีงานเสวนาทั้งวันให้เหล่านักพัฒนานวัตกรรมได้เข้าไปฟังแลกเปลี่ยน และมีบุคคลสำคัญทางการเงินต่างมาเป็น Speaker ของงาน SFF เช่น Kristalina Georgieva ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการให้กับ International Monetary Fund (IMF) ซึ่งคุณ Kristalina Georgieva ได้พูดถึงเรื่องการเดินทางของเงินและการเงินดิจิทัล และกรณีการมีส่วนร่วมของภาครัฐ

ภายในงานมีการพูดถึงโปรเจกต์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำร่วมกับประเทศต่าง ๆ ใน Asean ภายใต้ชื่อว่า QR Cross-Border Payment ซึ่งเป็นโครงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะในปัจจุบันคนไทยสามารถรับและใช้จ่ายโดยใช้ Mobile Banking ของตัวเองไป Scan ยัง QR ของต่างประเทศได้เลยโดยที่ไม่ต้องแลกเงินแต่อย่างใด และร้านค้าของคนไทยก็สามารถรับเงินจากชาวต่างชาติได้โดยที่ไม่ต้องรับเงินสด เพียงแค่ Scan QR Code ก็สามารถที่จะชำระเงินได้ สำหรับประเทศที่สามารถใช้งานได้สามารถไปดูได้ในเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย https://www.bot.or.th/en/financial-innovation/digital-finance/digital-payment/cross-border-payment.html

และภายในงานก็มีบูธบริษัทจากประเทศไทยมาเปิดด้วย ซึ่งมีอยู่ด้วยกันสองบูธได้แก่ Quarix Blockchain ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม KBANK ซึ่ง Quarix Blockchain จะให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีบล็อกเชนของประเทศ (Blockchain Infrastructure) เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยและพันธมิตร และบริษัท Prior Solution ซึ่งให้บริการในด้านเทคโนโลยี, Outsourcing แบบ Full-Loop โดยมีลูกค้าตั้งแต่ภาครัฐไปจนถึงภาคธนาคาร

ในงานยังมีการให้ผู้ร่วมงานทำการ Business Matching โดยสามารถทำนัดเพื่อคุยเรื่องธุรกิจ Collarboration กันภายในงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญของงานนี้เช่นกัน

ในงานก็ไม่ได้ปล่อยให้ผู้ร่วมงานท้องร้อง เพราะงานนั้นเริ่มตั้งแต่ 8 โมงเช้าไปจนถึงค่ำ โดยภายในงานมี Food Zone ให้ผู้ร่วมงานได้รับประทานและเยี่ยมชมงานกันต่อ

สำหรับ Marketeer งานนี้ถือว่าเป็นงานระดับโลกที่เป็นมากกว่า FinTech เพราะงานนั้นมีทั้งเรื่องของ Sustainable, เรื่องของมาตรการ เรื่องการท่องเที่ยว เรื่อง Cryptocurrency ซึ่งทำให้งาน Singapore Fintech Festival เป็นงานที่ดึงดูดนักนวัตกรรมจากทั่วโลกให้มารวมตัวที่ประเทศสิงคโปร์



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online