โลกในปี 2013 ยังคงหมุนไปตามปกติ โดยข่าวใหญ่ระดับโลก มี ปาร์ก กึนเฮ ได้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลีใต้ แผ่นดินไหวครั้งใหญ่มณฑลเสฉวนของจีน
เหตุระเบิดที่งาน Boston Marathon ในสหรัฐฯ และได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกของญี่ปุ่น
ส่วนในวงการบันเทิงนับรวมมาถึงวงการเพลงด้วย คือ การคว้าแชมป์หนังทำเงินของ Frozen ด้วยตัวเลขรายได้สูงถึง 1,285 ล้านดอลลาร์ (ราว 45,100 ล้านบาท) พร้อมส่งให้ Let it Go เป็นเพลงดังมาถึงปัจจุบัน
ความสำเร็จของ Animation เรื่องนี้ ทำเงินให้ Disney มหาศาล และต่อยอดสู่อีกหลายโปรเจกต์ รวมไปถึงโซนใหม่ใน Disneyland แต่เชื่อหรือไม่ นี่คือโปรเจกต์ที่ถูกแช่แข็งอยู่นานหลายสิบปีมาก่อน
ปี 1937 Disney วางแผนที่จะดัดแปลง Snow Queen เทพนิยายจากการแต่งของ Hans Cristian Anderson ที่คนยุโรปรู้จักดี มาทำ Animation
แต่จากปัญหามากมาย ทั้งเงินทุนและศักยภาพของ Disney เอง ณ ขณะนั้น รวมไปถึงเห็นว่าเป็นเรื่องราวที่มืดหม่นเกินไป โปรเจกต์นี้ก็ถูกแช่แข็งและไม่ได้สร้างเสียที แม้ Disney ได้พัฒนาขึ้นเป็นบริษัทคอนเทนต์บันเทิงระดับโลกแล้วก็ตาม
Jennifer Lee
ปี 2012 โปรเจกต์นี้ก็ได้ละลายน้ำแข็งออกไป หลัง Chris Buck ที่เคยกำกับ Tarzan ในรูปแบบ Animation และ Jennifer Lee มือเขียนบทจาก Wreck-It Ralph มากุมบังเหียนร่วมกัน
แม้เข้าฉายท้ายปี 2013 ในปีที่เต็มไปด้วยหนังฟอร์มใหญ่ ทั้งภาคต่อของหนังซูเปอร์ฮีโร่ Marvel หนังภาคต่อรถซิ่งอย่าง Fast & Furious 6 ภาคแยกของหนังมหากาพย์ผจญภัย อย่าง The Hobbit : The Desolation of Smug รวมไปถึง Hunger Game : Catching Fire
แต่ปรากฏว่า Frozen แรงกว่าทุกเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมด จนคว้าแชมป์หนังทำเงินมากสุดของปีนั้น และยังส่งให้ Let It Go เป็นหนึ่งในเพลงดังสุดของปีในหลายภาษา รวมถึงภาษาไทยที่ แก้ม วิชญาณี ร้องอีกด้วย
ปรากฏการณ์ Frozen ยังส่งผลต่อเนื่องให้ในปีต่อมาคนทั่วโลกเห็นเด็ก ๆ พากันใส่ชุด Elsa หนึ่งในนางเอกของเรื่องกลายเป็นหนึ่งในชื่อเด็กหญิงเกิดใหม่ยอดฮิต และส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวนอร์เวย์ เพราะแฟน ๆ Frozen พากันมาเที่ยวตามรอย โบสถ์ หมู่บ้านหิมะ จากใน Animation
ความสำเร็จดังกล่าว Disney จึงทำคอนเทนต์ของ Frozen ออกมาอีก ทั้งหนังสั้น ซีรีส์การ์ตูน สารคดี และนำตัวละครดังไปร่วมแสดงในโชว์ Disney On Ice
ปี 2019 Frozen ก็ออกฉายทั่วโลก โดยปรากฏว่าทำเงินแซงหน้าภาคแรก ด้วยตัวเลขรายได้ทั่วโลก 1,453 ล้านดอลลาร์ (ราว 51,000 ล้านบาท) ท่ามกลางการคาดหมายว่าคงมีคอนเทนต์หรือโปรเจกต์ที่เกี่ยวกับ Frozen ออกมาอีก
คาดการณ์ดังกล่าวถูกต้อง โดยเมื่อ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Disney ได้เปิดโซน Frozen ที่สวนสนุก Disneyland ในฮ่องกง ซึ่งประกอบไปด้วยฉากดัง ๆ จาก Animation เรื่องนี้ เช่น ปราสาทน้ำแข็งของ Elsa ภูเขา North Mountain และ หอนาฬิกา
พร้อมกันนี้ ยังมีนักแสดงในชุด Anna และ เจ้าชาย Hans ร้องเพลงต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย และที่ขาดไม่ได้คือตัวละครดัง ๆ จากเรื่องเดียวกันอย่าง Olaf
มีการวิเคราะห์กันว่า โซน Frozen ของ Disneyland ในฮ่องกง เป็นการประเดิมแผนทุ่มงบพัฒนาสวนสนุก 60,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.1 ล้านล้านบาท) ในอีก 10 ปีจากนี้ของ Disney เพื่อให้ปีกธุรกิจดังกล่าวกลับมาเป็นหัวหอกสร้างรายได้หลังพ้นช่วงซบเซาจากสถานการณ์โควิดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา
ส่วนแฟน ๆ Frozen จากนี้จะไม่ได้ไปเที่ยวโซน Frozen ของ Disneyland ในฮ่องกง เพียงอย่างเดียว เพราะภาค 3 และ 4 ได้เริ่มพัฒนาบทแล้ว/cnn, theguardain, wikipedia, thehollywoodreporter
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ