อาหารเพื่อสุขภาพ ส่วนใหญ่ทำไมราคามักจะแพงกว่าอาหารปกติ (วิเคราะห์)
แน่นอนว่าการประทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นเรื่องที่ดี เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย แต่เคยสงสัยไหมว่าทำไมอาหารเพื่อสุขภาพถึงมีราคาสูงกว่าอาหารประเภทอื่น
จากรายงานของ Broken Plate โดย The Food Foundation ในปี 2023 พบว่าอาหารเพื่อสุขภาพมักจะมีราคาแพงกว่าอาหารทั่วไปถึง 2-3 เท่า เมื่อเปรียบเทียบตามปริมาณแคลอรี
นอกจากนี้ วัตถุดิบหลักสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพอย่างผลไม้และผักอาจต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคต้องการเข้าถึงผักและผลไม้เขตร้อนหรือนอกฤดูกาลตลอดทั้งปี
อย่างในสหรัฐอเมริกา หนึ่งในผู้นำเข้าผักและผลไม้สดรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีการนำเข้าผลไม้เพิ่มขึ้น 129% ส่วนการนำเข้าผักก็เพิ่มขึ้น 155% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันจำเป็นต้องจ่ายเงินค่าผักและผลไม้เพิ่มขึ้น 40% ตลอดระยะเวลา 10 ปี
ในทางกลับกัน อาหารแปรรูปและอาหารที่ไม่เน่าเสียง่ายเหมือนผักผลไม้สดมีราคาถูกกว่า เพราะสามารถเก็บรักษาได้เป็นเวลานาน อีกทั้งยังสามารถผลิตได้ในปริมาณมาก
ดังนั้น นอกจากอาหารเพื่อสุขภาพจะต้องมีกระบวนเก็บรักษาหลายขั้นตอนแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานอีกด้วย เนื่องจากแรงงานภาคเกษตรกรรมกำลังลดลงในประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ตามข้อมูลขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO)
เกษตรกรรมไม่ใช่อาชีพที่หลายคนปรารถนาอีกต่อไป อีกทั้งจำนวนแรงงานในแต่ละประเทศต่างก็ลดลงและมีอายุมากขึ้น ดังนั้น การขาดแคลนแรงงานจึงส่งผลต่อเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานอาหารโดยรวม
การสำรวจโดยสหภาพเกษตรกรแห่งชาติ (NFU) ของสหราชอาณาจักร พบว่าผักและผลไม้มูลค่า 22 ล้านปอนด์ (28 ล้านดอลลาร์) สูญเปล่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 เนื่องจากการขาดแคลนแรงงาน
ด้วยเหตุนี้ บางประเทศจึงเน้นใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในอุตสาหกรรมการเกษตรมากขึ้น อย่างญี่ปุ่นที่มีการลงทุนในเทคโนโลยีการเกษตรแบบอัตโนมัติ แต่ระบบอัตโนมัติหมายถึงการลงทุนที่มากขึ้นในอุปกรณ์สำหรับนักพัฒนา ซึ่งอาจส่งผลให้ผลผลิตต่าง ๆ มีราคาเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญอย่างสภาพอากาศอีกด้วย เพราะบางครั้งสภาพอากาศไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเป็นอย่างไร อย่างในประเทศจีน อินเดีย บราซิล ตุรกี และเม็กซิโก ประเทศผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ที่สุดของโลกต่างก็ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วในช่วงห้าปีที่ผ่านมา
ในปี 2023 เม็กซิโกเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงจนขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการเพาะเมฆเพื่อเพิ่มปริมาณฝนเทียม หรือจีนที่เผชิญทั้งน้ำท่วมครั้งใหญ่และความร้อนจัดในฤดูกาลเดียวกัน ส่งผลให้พืชผลถูกทำลายเป็นจำนวนมาก
การวิเคราะห์โดยหน่วยข่าวกรองพลังงานและสภาพภูมิอากาศพบว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบของต้นทุนพลังงานได้เพิ่มค่าใช้จ่ายในครัวเรือนโดยเฉลี่ย 605 ปอนด์ (770 ดอลลาร์) ในสหราชอาณาจักร
และถ้าอิงตามข้อมูลของธนาคารโลก พบว่าผู้คน 3.14 พันล้านคนทั่วโลกหรือประมาณ 42% ของประชากรโลกไม่สามารถซื้ออาหารเพื่อสุขภาพได้จากความเหลื่อมล้ำทางสังคม
อย่างในสหรัฐอเมริกาพบว่า ราคาอาหารขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11.4% ในช่วงปี 2022 และเพิ่มขึ้น 3.4% จากราคาดังกล่าวในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และในสหราชอาณาจักรผู้บริโภคโดยเฉลี่ยจ่ายค่าอาหารเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับเมื่อสองปีที่แล้ว
แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว อาหารเพื่อสุขภาพ ไม่ได้มีแค่ผักและผลไม้อย่างเดียว แต่เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบ 5 หมู่ และด้วยความที่อาหารเพื่อสุขภาพเน้นใช้วัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ อย่างพวกน้ำมันที่ใช้ทำอาหารก็จะเป็นน้ำมันมะกอก คาโนล่า มะพร้าว หรือรำข้าว ซึ่งราคาก็จะสูงกว่าน้ำมันพืชทั่วไป
อีกทั้งยังต้องมีการกำหนดคุณค่าทางอาหาร และใช้กระบวนการผลิตที่มีการแปรรูปน้อยที่สุด เรียกได้ว่แทบจะไม่ได้ปรุงแต่งอาหารเพิ่มเลย ทำให้พวกผักผลไม้ที่ใช้เป็นผักออร์แกนิก ส่วนพวกเนื้อสัตว์ก็เป็นแบบที่ไม่ใช้สารเร่ง ไม่มีสารกันบูด และไม่ผ่านกระบวนการใด ๆ เลยทำให้ราคาสูงกว่านั่นเอง
รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ก็เป็นอีกหนึ่งที่เป็นปัจจัยในการเพิ่มต้นทุนอาหาร เพราะอาหารเพื่อสุขภาพส่วนใหญ่จะใช้กล่องใส่อาหารที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ หรืออาจจะเป็นภาชนะแบบย่อยสลายได้
ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมอาหารเพื่อสุขภาพถึงมีราคาสูงกว่าอาหารทั่วไปนั่นเอง
ที่มา:
Website : Marketeeronline.co /




