ดับบลิวเอชเอ เปิดรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ ปี 2566 กว่า 1.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 11% ทุ่มงบลงทุน 2567-2571 กว่า 7.8 หมื่นล้านบาท สานมิชชั่นรายได้รวมฯ 5 ปีดังกล่าว 100,000 ล้านบาท งัดกลยุทธ์ดึงแม็กเน็ตค่ายข้ามชาติลงทุน เอฟเฟกต์ซัปพลายย้ายมาตามกระตุ้นภาคอุตฯ ในประเทศตลอดห่วงโซ่
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า 4 พอร์ตธุรกิจของบริษัท แจกแจงภาพรวมการดำเนินงานปี 2566 ตามสัดส่วนรายได้ปีดังกล่าว และโรดแมปปี 2567 ในแต่ละหน่วยธุรกิจ
ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ส่วนแบ่งรายได้ 53% ปี 2566 บริษัทมียอดขายที่ดินรวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2,767 ไร่ แบ่งเป็นประเทศไทย 1,986 ไร่ และเวียดนาม 781 ไร่ ไฮไลต์สำคัญคือการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย หนึ่งในกลุ่มยานยนต์ชั้นนำ 4 กลุ่มของจีน จำนวน 250 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4
การดึงค่ายยานยนต์ข้ามชาติระดับแม็กเน็ตของจีนอย่าง ฉางอาน ออโตโมบิล เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในไทยสำเร็จในปีที่ผ่านมาจะช่วยให้เกิดกลุ่มซัปพลายเชนตามมาลงทุนในภาคอุตฯ ของประเทศได้อีกหลังจากนี้
อ่าน: ฉางอานฯ ทุ่ม 8.8 พันล้าน เฟสแรกโรงงานนิคมดับบลิวเอชเอ เขตอีอีซี
และการลงนามในสัญญาเช่าที่ดินในเวียดนามกับฟู่ วิง อินเตอร์คอนเนค เทคโนโลยี (เหงะอาน) ในเครือฟ็อกซ์คอนน์ อินเตอร์คอนเนค เทคโนโลยี ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก จำนวน 300 ไร่
ปี 2567 บริษัทมีโครงการพัฒนานิคมฯ ใหม่และขยายนิคมฯ ในประเทศไทยรวม 7 โครงการ บนพื้นที่รวมเกือบ 10,000 ไร่ ในช่วง 4 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้มีพื้นที่นิคมฯ รวมกว่า 52,000 ไร่ ในปี 2570
และตั้งเป้ายอดขายที่ดินทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ปี 2567 รวม 2,275 ไร่ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายในปี 2566 ที่ตั้งไว้ 1,750 ไร่ ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทสามารถทำยอดขายที่ดินสูงกว่าเป้าหมายถึง 58% อยู่ที่ 2,767 ไร่
ธุรกิจสาธารณูปโภค ส่วนแบ่งรายได้ 24% แบ่งเป็น ธุรกิจน้ำ มีการเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยมีปริมาณยอดขายน้ำและบำบัดน้ำเสียในประเทศไทยรวม 121 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นการเติบโต 4% ปริมาณยอดขายน้ำดิบ 32 ล้านลูกบาศก์เมตร และปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม 6 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในเวียดนาม อยู่ที่ 34 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 18%
ปี 2567 ตั้งเป้ายอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำรวมที่ 178 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นภายในประเทศ 142 ล้านลูกบาศก์เมตร และในเวียดนาม 36 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 14% จากการขยายการให้บริการน้ำทุกประเภทในโครงการนิคมใหม่ ๆ ของ WHA และนอกนิคมของ WHA
ธุรกิจไฟฟ้า ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในการพัฒนาโซลูชันด้านพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียน โดยในปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทมีการเซ็นสัญญาโครงการโซลาร์รูฟท็อปเพิ่ม 42 สัญญา หรือเท่ากับ 50 เมกะวัตต์
ปี 2567 บริษัทจะเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันพลังงาน ได้แก่ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า แพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานไฟฟ้า (Peer-to-Peer Energy Trading) และการซื้อขายใบรับรองเครดิต การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (I-REC) รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve
ธุรกิจโลจิสติกส์ ส่วนแบ่งรายได้ 22% ปี 2566 ลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 242,000 ตร.ม. ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมด 2,945,000 ตร.ม.
นอกจากนี้ ยังมีการขายสิทธิการเช่า ทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART จำนวน 142,900 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่ารวม 3,566 ล้านบาท
การเข้าซื้อหุ้นของบริษัท จีซี โลจิสติกส์ โซลูชันส์ จำกัด (GCL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ในสัดส่วน 50% มูลค่า 2,640 ล้านบาท เป็นอีกความสำเร็จหนึ่งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา
บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเดินหน้าขยายธุรกิจในการพัฒนาโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ การเสริมศักยภาพด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี
และการส่งเสริมแนวปฏิบัติเพื่อความยั่งยืน โดยมีโครงการ Green Logistics ที่พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนและเร่งการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในภาคขนส่งของประเทศ ซึ่งกลุ่มบริษัทจะมีการให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า สถานีชาร์จ และพัฒนาแอปพลิเคชันที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการยานยนต์ไฟฟ้ารวมถึงแบตเตอรี่ ทั้งนี้
ปี 2566 มีลูกค้าเซ็นสัญญาเช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้า จำนวน 25 คัน และตั้งเป้าหมายที่จะเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 1,000 คัน ในปี 2567 สอดรับดีมานด์เรื่องความยั่งยืนซึ่งเป็นพันธกิจหลักของลูกค้าของบริษัทซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาคโกลบอล
การเติบโต ปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายส่งมอบโครงการและสัญญาใหม่เพิ่มขึ้น 200,000 ตร.ม. แบ่งเป็นประเทศไทย 165,000 ตร.ม. และเวียดนาม 35,000 ตร.ม. และคาดว่าสินทรัพย์รวมภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารจะเพิ่มถึงระดับ 3,145,000 ตร.ม.
นอกจากนี้ ยังมีแผนการขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART และ WHAIR รวมทั้งสิ้นประมาณ 213,000 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,290 ล้านบาท
ธุรกิจดิจิทัล ส่วนแบ่งรายได้ 1% ยกระดับองค์กรในทุกมิติเพื่อบรรลุเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 นี้ ภายใต้ภารกิจ “Mission To The Sun” ตั้งแต่โครงการทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลต่าง ๆ ที่มีอยู่กว่า 38 โครงการ ตลอดจนการสร้างผลิตภัณฑ์ และมูลค่าเพิ่มใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า เสริมศักยภาพของระบบนิเวศทางธุรกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับโครงการ
ภาพรวมปี 2566 เป็นปีแรกที่ผลประกอบการทุกหน่วยเติบโตทั้งหมด จากที่ปกติจะสลับกันไปตามกลไกของตลาด และทุบสถิตินิวไฮอีกครั้งเช่นเดียวกับปี 2565 ด้วยการปิดดีลสัญญาซื้อขายที่ดินรวมทั้งหมด 2,767 ไร่ และพื้นที่เช่าโครงการโรงงานและคลังสินค้าสุทธิที่ 242,000 ตร.ม. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดการณ์ว่ามีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 17,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 11% และสามารถรักษาระดับอัตรากำไร EBITDA ที่มากกว่า 40%
แผนระยะยาว 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2567-2571 ลงทุนรวมอยู่ที่ 78,700 ล้านบาท เพื่อผลักดันรายได้รวมตลอดปีดังกล่าวสู่ระดับ 100,000 ล้านบาท จัดสรรเงินลงทุนเป็นธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 33,000 ล้านบาท, สาธารณูปโภค 21,200 ล้านบาท, โลจิสติกส์ 21,000 ล้านบาท, ดิจิทัล 3,500 ล้านบาท
และนับเฉพาะรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ ปี 2571 ขยายตัวอยู่ที่ 27,900 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 43%, สาธารณูปโภค 30%, โลจิสติกส์ 26%, ดิจิทัล 1%
–



