Trend : คนเราลองถ้าได้ชอบได้รักอะไรถึงขั้นสุดตัวแล้วก็พร้อมทุ่มไม่อั้น และไม่สนเรื่องราคา แม้คนอื่นที่ไม่เข้าใจจะมองอย่างไรหรือถึงขั้นค่อนขอดว่าไร้สาระและเปลืองเงินโดยใช่เหตุ

ดังจะได้เห็นเงินก้อนใหญ่ที่คอของสะสมเปย์ไปเพื่อให้ได้ของเก่าหายากปีลึกมา การทุ่มเป็นตัวเลขหลายหลักของเซียนพระ ผู้ที่ชอบเครื่องรางของขลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์

หรือของอิงกับความเชื่อต่าง ๆ คว้าของที่ต้องการมาอยู่ในครอบครอง เพื่อเสริมบารมี เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ หรือกระทั่งเก็งกำไร    

พฤติกรรมทุ่มไม่อั้นนี้ยังปรากฏในตลาดสินค้าเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่ต้องการดูแลใส่ใจไปจนถึงขั้นปรนเปรอ ซึ่งช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาดันตลาดให้โตอย่างต่อเนื่อง ผ่านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ

ตลาดที่ว่านี้คืออาหารสัตว์เลี้ยงในบ้าน ที่เฉพาะในไทยเมื่อปี 2023 มีมูลค่าสูงถึง 36,600 ล้านบาท และในเวลาไล่เลี่ยกันกลุ่มประเทศสหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ไปไกลกว่านั้น ด้วยตัวเลขมูลค่าตลาด 4,800 ล้านดอลลาร์ (ราว 170,000 ล้านบาท) และ 58,100 ล้านดอลลาร์ (ราว 2 ล้านล้านบาท) ตามลำดับ

ความน่าสนใจของตลาดนี้ยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะล่าสุดเกิดเทรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบที่ใกล้เคียงกับอาหารคน (Human-grade pet food) ขึ้นมา

อาหารสัตว์เลี้ยงแบบ Human-grade มีให้เลือกหลากหลาย ไล่ตั้งแต่สารพัดเนื้อ และส่วนผสมกับสารอาหารหรือแร่ธาตุที่มีประโยชน์ ต่อเนื่องไปจนถึงโปรตีนพืช (Plant-based) ทำจากเนื้อไก่เลี้ยงแบบปล่อย (Free range chicken) ที่เชื่อกันว่าคุณภาพเนื้อดีกว่าไก่เลี้ยงในฟาร์ม  

กระบวนการผลิตใส่ใจสิ่งแวดล้อมหรือแม้กระทั่งวิธีการนำไปปรุงแบบเดียวกับอาหารหรู ๆ ของคน และเมื่อไปออกงานแฟร์สินค้าประเภทนี้ก็นำเชฟมาปรุงให้เห็นเพื่อให้ดูหรูแบบเดียวกับมื้อแพงของคนเลยทีเดียว

ไม่ว่ารายละเอียดปลีกย่อยจะแตกต่างหรือซับซ้อนแค่ไหน แต่อาหารสัตว์เลี้ยงแบบ Human-grade ก็มีสองอย่างร่วมกัน เริ่มจากเป็นสินค้าหรู (Premium) ที่ต่อเนื่องมาสู่อย่างที่สอง นั่นคือราคาแพงกว่าอาหารสัตว์เลี้ยงปกติทั่วไปตามท้องตลาด  

สำนักข่าว BBC ของอังกฤษที่ทำเรื่องนี้มาตีแผ่ ระบุว่า สาววัย 23 ปียอมจ่ายถึง 114 ดอลลาร์ (ราว 4,000 บาท) ต่อเดือน ไปกับอาหาร Wednesday หมาพันธุ์ German-Shepherd Husky ยอมจ่ายถึง 114 ดอลลาร์ (ราว 4,000 บาท) ต่อเดือนที่เลี้ยงไว้

ซึ่งแพงกว่าอาหารหมาปกติอย่างมาก พร้อมกันนี้ตัวเธอเองยังยอมทั้งลดรายจ่ายของตัวเองและสละพื้นที่ในห้องเป็นที่เก็บอาหารให้เจ้า  Wednesday อีกด้วย

BBC วิเคราะห์ผ่านทัศนะของนักวิชาการว่า เรื่องนี้มองได้หลายแง่มุม ทั้งพัฒนาการล่าสุดของอาหารสัตว์เลี้ยงที่เริ่มจากอาหารเหลือของคน การทำให้เป็นรูปแบบก้อนช่วงปี 1920 ต่อด้วยอาหารเม็ดในช่วงปี 1950

ขยับสู่การหันมาใส่ใจมากขึ้นหลังเกิดกรณีเรียกเก็บอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดทั่วโลกครั้งใหญ่ในปี 2007 เมื่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ พบกลูเตนปนเปื้อนเมลามีนและกรดไซยานูริกเชื่อมโยงการตายของหมาและแมว

ต่อด้วยการเลี้ยงดูหรือปฏิบัติกับสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่มีและไม่มีชีวิตให้เหมือนคน (Humanisation) จึงไม่แปลกที่ตลาดอาหารสัตว์ที่ใกล้เคียงหรือคล้ายกับของคน ไม่ว่าด้วยกระบวนการทำหรือปรุงจะโตขึ้นมา

ขณะเดียวกันในภาพใหญ่นี่คือการยืนยันว่าตลาดสินค้าของสัตว์เลี้ยงทั่วโลกกำลังโตอย่างต่อเนื่อง หลังนับจากสถานการณ์โควิด คนทั่วโลกหันมาเลี้ยงสัตว์เพื่อคลายเหงา กันมากขึ้น

ซึ่งในจำนวนนี้มีสินค้าหรู อย่างชุดคล้ายเสื้อคลุม การปรับแต่งบ้านหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์สำหรับสัตว์เลี้ยง (Barkitecture) และอาหารสัตว์เลี้ยงแบบ Human-grade รวมอยู่ด้วย

BBC ทิ้งท้ายบทความนี้แบบเตือนสติไว้ว่า อาหารสัตว์เลี้ยงแบบ Human-grade ยังเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยราคาแพง และเจ้าของสัตว์เลี้ยงควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนซื้อ

เพราะนอกราคาสูงกว่าอาหารสัตว์เลี้ยงที่วางขายอยู่ทั่วไปแล้ว ส่วนผสมต่าง ๆ นานาที่ช่วยให้ดันราคาภายใต้ป้ายสุดพรีเมียมนั้น ยังไม่มีมาตรฐานกลาง อาจไม่จำเป็นตามที่กล่าวอ้างโฆษณา และอาจมีอันตรายกับสัตว์เลี้ยงแสนรักก็เป็นได้/bbc


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer