ได้เงิน Digital Wallet มาเราจะซื้ออะไร และตรงตามที่ EIC สำรวจไหม
SCB EIC สำรวจผู้ได้รับสิทธิ์ Digital Wallet ในช่วง 12 พฤศจิกายน – 12 ธันวาคม 2023 พบรูปแบบในการใช้เงิน Gen ต่าง ๆ ดังนี้
Gen Z อายุน้อยกว่า 24 ปี
รูปแบบการใช้เงิน
13% จะใช้เงินเต็มจำนวน 10,000 บาท ในครั้งเดียว
69% ทยอยใช้ครบ 10,000 บาท
19% ทยอยใช้จนถึงเดือนเมษายน 2027 วันสิ้นสุดโครงการ
กลุ่มสินค้า 5 อันดับแรกที่ใช้ผ่าน Digital Wallet
Grocery 35%
อาหารเสริม/วิตามิน 14%
โทรศัพท์มือถือ 14%
ร้านอาหาร 11%
เครื่องสำอาง/สกินแคร์ 8%
Gen Y อายุ 24-43 ปี
รูปแบบการใช้เงิน
13% จะใช้เงินเต็มจำนวน 10,000 บาท ในครั้งเดียว
58% ทยอยใช้ครบ 10,000 บาท
29% ทยอยใช้จนถึงเดือนเมษายน 2027 วันสิ้นสุดโครงการ
กลุ่มสินค้า 5 อันดับแรกที่ใช้ผ่าน Digital Wallet
Grocery 37%
ร้านอาหาร 14%
อาหารเสริม/วิตามิน 13%
เครื่องสำอาง/สกินแคร์ 9%
เครื่องใช้ไฟฟ้า 8%
Gen X อายุ 44-58 ปี
รูปแบบการใช้เงิน
9% จะใช้เงินเต็มจำนวน 10,000 บาท ในครั้งเดียว
59% ทยอยใช้ครบ 10,000 บาท
32% ทยอยใช้จนถึงเดือนเมษายน 2027 วันสิ้นสุดโครงการ
กลุ่มสินค้า 5 อันดับแรกที่ใช้ผ่าน Digital Wallet
Grocery 39%
ร้านอาหาร 15%
อาหารเสริม/วิตามิน 12%
เครื่องใช้ไฟฟ้า 7%
เครื่องแต่งกาย 6%
Baby Boomer อายุ 59 ปีขึ้นไป
รูปแบบการใช้เงิน
5% จะใช้เงินเต็มจำนวน 10,000 บาท ในครั้งเดียว
53% ทยอยใช้ครบ 10,000 บาท
42% ทยอยใช้จนถึงเดือนเมษายน 2027 วันสิ้นสุดโครงการ
กลุ่มสินค้า 5 อันดับแรกที่ใช้ผ่าน Digital Wallet
Grocery 42%
ร้านอาหาร 16%
อาหารเสริม/วิตามิน 16%
ของแต่งบ้าน/ของซ่อมบ้าน 8%
เครื่องใช้ไฟฟ้า 8%

แต่ถ้ามองไปที่ฐานเงินเดือนผู้ที่ได้รับ Digital Wallet พบว่า
เงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท
รูปแบบการใช้เงิน
8% จะใช้เงินเต็มจำนวน 10,000 บาท ในครั้งเดียว
54% ทยอยใช้ครบ 10,000 บาท
38% ทยอยใช้จนถึงเดือนเมษายน 2027 วันสิ้นสุดโครงการ
กลุ่มสินค้า 5 อันดับแรกที่ใช้ผ่าน Digital Wallet
Grocery 40%
อาหารเสริม/วิตามิน 12%
ร้านอาหาร 11%
เครื่องใช้ไฟฟ้า 8%
ของแต่งบ้าน ของซ่อมแซมบ้าน 7%
ร้านที่เข้าไปใช้ Digital Wallet
ร้านค้าท้องถิ่น 41%
ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ เช่น 7-Eleven, CJ 23%
ร้านอาหาร 12%
ร้านขายยา 11%
ร้านอุปกรณ์การเกษตร 5%
เงินเดือน 15,000 – 40,000 บาท
รูปแบบการใช้เงิน
10% จะใช้เงินเต็มจำนวน 10,000 บาท ในครั้งเดียว
59% ทยอยใช้ครบ 10,000 บาท
31% ทยอยใช้จนถึงเดือนเมษายน 2027 วันสิ้นสุดโครงการ
กลุ่มสินค้า 5 อันดับแรกที่ใช้ผ่าน Digital Wallet
Grocery 38%
ร้านอาหาร 15%
อาหารเสริม/วิตามิน 13%
เครื่องใช้ไฟฟ้า 7%
ของแต่งบ้าน ของซ่อมแซมบ้าน 7%
ร้านที่เข้าไปใช้ Digital Wallet 5 อันดับแรก
ร้านค้าท้องถิ่น 41%
ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ เช่น 7-Eleven, CJ 27%
ร้านอาหาร 15%
ร้านขายยา 9%
ร้านอุปกรณ์ยานยนต์ 5%
เงินเดือน 40,000 – 70,000 บาท
รูปแบบการใช้เงิน
11% จะใช้เงินเต็มจำนวน 10,000 บาท ในครั้งเดียว
58% ทยอยใช้ครบ 10,000 บาท
30% ทยอยใช้จนถึงเดือนเมษายน 2027 วันสิ้นสุดโครงการ
กลุ่มสินค้า 5 อันดับแรกที่ใช้ผ่าน Digital Wallet
Grocery 37%
ร้านอาหาร 17%
อาหารเสริม/วิตามิน 12%
เครื่องใช้ไฟฟ้า 8%
ของแต่งบ้าน ของซ่อมแซมบ้าน 7%
ร้านที่เข้าไปใช้ Digital Wallet 5 อันดับแรก
ร้านค้าท้องถิ่น 37%
ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ เช่น 7-Eleven, CJ 26%
ร้านอาหาร 17%
ร้านขายยา 9%
ร้านอุปกรณ์ยานยนต์ 8%
และในกลุ่มที่ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
กลุ่มสินค้า 5 อันดับแรกที่ใช้ผ่าน Digital Wallet
Grocery 40%
อาหารเสริม/วิตามิน 13%
ร้านอาหาร 9%
ของแต่งบ้าน ของซ่อมแซมบ้าน 8%
เครื่องสำอาง/สกินแคร์ 7%
ร้านที่เข้าไปใช้ Digital Wallet 5 อันดับแรก
ร้านค้าท้องถิ่น 41%
ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ เช่น 7-Eleven, CJ 27%
ร้านอาหาร 13%
ร้านขายยา 11%
ร้านอุปกรณ์การเกษตร 3%
เมื่อมองไปที่การใช้จ่ายในร้านค้า 5 อันดับแรกในแต่ละพื้นที่พบว่า
เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ร้านค้าท้องถิ่น 39%
ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ เช่น 7-Eleven, CJ 28%
ร้านอาหาร 16%
ร้านขายยา 9%
ร้านอุปกรณ์ยานยนต์ 5%
หัวเมืองใหญ่ (ขอนแก่น, เชียงใหม่, โคราช, ภูเก็ต)
ร้านค้าท้องถิ่น 42%
ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ เช่น 7-Eleven, CJ 23%
ร้านขายยา 11%
ร้านอาหาร 11%
ร้านอุปกรณ์ยานยนต์ 6%
จังหวัดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่
ร้านค้าท้องถิ่น 43%
ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ เช่น 7-Eleven, CJ 21%
ร้านอาหาร 13%
ร้านขายยา 10%
อย่างไรก็ดี SCB EIC ได้สำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคที่คาดว่าจะได้รับสิทธิ์ Digital Wallet ที่เป็นผลการสำรวจที่น่าสนใจที่มีผลต่อเศรษฐกิจและธุรกิจค้าปลีก ดังนี้
1. เม็ดเงินโดยส่วนใหญ่จากโครงการ Digital Wallet จะหมุนเข้าระบบภายใน 6 เดือน
แม้ว่าก่อนหน้านี้ภาครัฐจะกำหนดระยะเวลาการใช้จ่ายมากกว่า 6 เดือนก็ตาม โดยผู้ตอบแบบสอบ 58% จะทยอยใช้เงินโครงการ 10,000 บาทครบภายใน 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้มีรายได้น้อยกว่า 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน หรือกลุ่มผู้สูงอายุมีแนวโน้มจะทยอยใช้จ่ายเงิน 10,000 บาทไปจนถึงวันสิ้นสุดโครงการในเดือนเมษายน 2027 (ตามเงื่อนไขการใช้จ่ายที่ทางการประกาศเมื่อเดือน พ.ย. 2023)
ทั้งนี้จากการเปิดเผยของรัฐบาลเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2024 ยังไม่ได้ระบุระยะเวลาในการใช้จ่ายเงินของโครงการ ซึ่งหากภาครัฐต้องการให้เงินหมุนเวียนเร็วอย่างเต็มประสิทธิภาพ อาจต้องกำหนดระยะเวลาการใช้จ่ายให้สั้น
เช่น ไม่เกิน 6 เดือน เพื่อกระตุ้นให้ผู้มีสิทธิ์ใช้จ่ายในระยะเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุ
2. กว่า 80% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ระบุว่าจะลดการใช้จ่ายเงินส่วนตัวของตัวเองลง หากได้รับเงิน 10,000 บาทจากโครงการ Digital Wallet มาใช้จ่าย

อย่างไรก็ตาม ผู้มีสิทธิ์ฯ ที่ลดการใช้จ่ายเงินส่วนตัว บางส่วนนำเงินที่ลดลงดังกล่าวกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านการให้ญาติใช้จ่าย/นำไปลงทุนธุรกิจต่อ ทั้งนี้หากรวมเงินที่เข้าสู่ระบบฯ ข้างต้น จะพบว่า 30% ของผู้มีสิทธิ์ฯ ทั้งกลุ่ม เงินเดือน 40,000-70,000 บาท กลุ่มเงินเดือน 15,000-40,000 บาท และกลุ่มเงินเดือนน้อยกว่า 15,000 บาท (<) มีการใช้จ่ายเงินส่วนเพิ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 10,000 บาทต่อราย

นอกจากนี้ ผู้มีสิทธิ์ฯ โดยส่วนใหญ่จะลดการใช้จ่ายเงินส่วนตัวลง และนำเงินที่ลดลงดังกล่าวไปเก็บออม/ชำระคืนเงินกู้ (คิดเป็นสัดส่วนราว 80% ของผู้มีสิทธิ์ที่ลดการใช้จ่ายเงินส่วนตัว) ซึ่งช่วยลดภาระหนี้ของผู้มีสิทธิ์ฯ หรือทำให้ผู้มีสิทธิ์ฯ มีเงินออมเพื่อใช้จ่ายในยามจำเป็นมากขึ้น
3. Grocery เป็นสินค้าหลักที่จะได้ประโยชน์จากโครงการฯ โดยผู้ตอบแบบสอบถามเลือกใช้จ่ายเงินโครงการในสินค้า Grocery เกือบ 40% ของประเภทสินค้าที่เลือกซื้อทั้งหมด ขณะที่สินค้าหมวดสุขภาพและร้านอาหารเป็นสินค้ารองลงมาที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากโครงการฯ ยกเว้นในกลุ่มผู้มีสิทธิ์ที่เป็น Gen Z มีแนวโน้มนำไปซื้อโทรศัพท์มือถือ
ขณะที่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุ มีแนวโน้มนำเงินบางส่วนจากโครงการไปซื้อสินค้าเพื่อแต่ง/ซ่อมบ้านเพิ่มเติมด้วย

กลุ่มสินค้าคงทน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ของแต่งบ้าน และมือถือ คาดว่าได้รับอานิสงส์จากโครงการ Digital Wallet บ้าง จากกลุ่มผู้มีสิทธิ์ฯ 10-17% ที่เลือกใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนติด Top 3 โดยกลุ่มผู้มีสิทธิฯ เหล่านั้นเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มใช้จ่ายเงิน 10,000 บาทในครั้งเดียว หรือเป็นกลุ่มที่ไม่ลดการใช้จ่าย/เพิ่มการใช้จ่ายเงินส่วนตัว ซึ่งค่อนข้างกระจุกอยู่ในผู้มีสิทธิ์ฯ กลุ่ม Gen Y และ Gen Z รวมถึงผู้มีรายได้มากกว่า 15,000 บาท
4. ร้านค้าท้องถิ่นและร้านสะดวกซื้อจะเป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่ได้ประโยชน์จากโครงการ Digital Wallet โดยผู้ตอบแบบสอบถามเลือกใช้จ่ายเงินโครงการในร้านค้าท้องถิ่นราว 40% และร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ และ 7-Eleven 26% ของประเภทร้านค้าที่เลือกใช้จ่ายทั้งหมด
ขณะที่กลุ่มร้านอาหารและร้านขายยาเป็นกลุ่มรองที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการฯ ด้วย
นอกจากนี้ ร้านอุปกรณ์ยานยนต์และร้านอุปกรณ์การเกษตร คาดว่าจะได้อานิสงส์อยู่บ้าง โดยผู้ตอบแบบสอบถามเลือกใช้จ่ายในร้านค้าเหล่านี้เป็นอันดับที่ 5 โดยผู้มีสิทธิ์ฯ ที่รายได้สูงหรืออยู่ในกรุงเทพฯ/หัวเมืองใหญ่จะนำไปใช้จ่ายในร้านอุปกรณ์ยานยนต์ ขณะที่ผู้มีสิทธิ์ฯ อยู่ต่างจังหวัด/รายได้น้อยจะเลือกใช้จ่ายในร้านอุปกรณ์การเกษตร
อย่างไรก็ดี ในส่วนของร้านค้าส่ง/ค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น ห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น แม้จะไม่ได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายของผู้มีสิทธิ์ในโครงการฯ แต่คาดว่าจะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากร้านค้าท้องถิ่นขนาดเล็กที่ต้องนำเงินรายได้จากการขายสินค้าให้ผู้มีสิทธิ์ฯ มาใช้จ่ายต่อไปยังร้านค้าอื่น ๆ เช่น การซื้อสินค้าเพื่อสต๊อกสินค้าในร้านค้า เป็นต้น

5. การกำหนดพื้นที่ใช้จ่ายเงินโครงการฯ ในร้านค้าตามที่อยู่ทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิ์ฯ อาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้จ่ายเงินโครงการฯ ทั้งนี้ผู้ตอบแบบสำรวจที่คาดว่ามีสิทธิ์ในโครงการ มองว่า การกำหนดพื้นที่ใช้จ่ายเงินโครงการฯ เป็นข้อจำกัดต่อการใช้จ่ายเงินของโครงการฯ โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงาน/อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จังหวัดหัวเมืองใหญ่ รวมถึงกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการ ซึ่ง 70% ของกลุ่มเหล่านั้น มองว่าการกำหนดพื้นที่ใช้จ่ายเป็นอุปสรรค โดยปัญหาหลักของการใช้จ่ายมาจากการไม่มีร้านค้าที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการในพื้นที่ที่กำหนด
–
