ตลาดพิซซ่า 2567 เปิดศึกใหม่ The Pizza Company VS Pizza Hut ใครจะชนะเกมแห่งศักดิ์ศรีนี้
หลังจากที่ The Pizza Company สร้างปรากฏการณ์ร้านแตก จากแคมเปญพิซซ่าถาดกลาง 99 บาท เปิดขายพิซซ่าถาดกลางในราคาพิเศษเพียงวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 เพียงวันเดียว ที่สามารถกระตุ้นความต้องการของลูกค้าให้อยากรับประทานพิซซ่าเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนเราได้เห็นภาพคนยืนต่อแถวซื้อพิซซ่าหน้าร้านจำนวนมาก รวมถึงประเด็นดราม่าต่าง ๆ ทั้งดราม่าและการออกแคมเปญ เกิดการพูดคุยที่เล่นไปกับกระแสพิซซ่าถาดกลาง 99 บาทของแบรนด์ต่าง ๆ
และยังดึงให้คู่แข่งอย่าง Pizza Hut ต้องดึงกระแสด้วยการออกแคมเปญ พิซซ่าถาดกลาง 98 บาท ออกมาแข่งขันบ้างในวันถัดมา
ส่วน Domino’s Pizza ออกมาแจ้งว่าไม่ได้ลงเล่นแคมเปญ 98-99 บาทกับคู่แข่งทั้งสองราย
การแข่งขันในตลาดพิซซ่ามูลค่า 10,0000-11,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา เป็นตลาดที่มีการแข่งขันระหว่างคู่แข่งหลัก 2 ราย ได้แก่
The Pizza Company มีสาขา 587 สาขา, Pizza Hut มี 185 สาขา
และมีคู่แข่งรอง อย่าง Donimo’s Pizza มี 28 สาขา นายรายณ์พิซซาเรีย 16 สาขา เป็นต้น

การแข่งขันในตลาดพิซซ่าของคู่แข่งหลัก 2 รายเป็นการแข่งขันที่มีมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ปี 2544 หลังจากที่ Yum! Brand Inc. (เดิมชื่อ Tricon Global Restaurants) เจ้าของแบรนด์ Pizza Hut ทั่วโลก ต้องการทำธุรกิจ Pizza Hut ด้วยตัวเอง ด้วยการไม่ต่อสัญญาแบรนด์ Pizza Hut ที่จะหมดสัญญาในปี 2543 กับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) แฟรนไชซี ที่นำ Pizza Hut เข้ามาบุกตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2523 จนเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากคนไทย
และการไม่ต่อสัญญานี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นการแข่งขันของธุรกิจพิซซ่าทั้งสองแบรนด์
เพราะถ้าไม่นับการแพ้พ่ายที่ ไมเนอร์ฯ ฟ้องกับ Tricon Global Restaurant ซึ่งเป็นชื่อของบริษัท Yum! Brands Inc. ในเวลานั้น
หลังจากไมเนอร์ฯ ไม่ได้รับสิทธิ์ในแบรนด์ Pizza Hut ต่อ ได้เปิด The Pizza Company ออกมาแข่งขัน ด้วยพลังของสาขาที่มีอยู่เดิมของ Pizza Hut ที่มีอยู่ 80 สาขาในเวลานั้น เปลี่ยนเป็น Pizza Company ในเวลารวดเร็ว พร้อมกับขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จนสิ้นไตรมาส 1/2567 มีสาขามากถึง 587 สาขา
และวางแคมเปญการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 ได้สร้างการเติบโตด้วยการแข่งขันเพิ่มโอกาสในการรับประทาน The Pizza Company มากขึ้น เพราะผู้บริหาร The Pizza Company เคยให้ข้อมูลว่าปัจจุบันคนไทยรับประทานพิซซ่าเฉลี่ย 3 ครั้งต่อเดือน และเป็นคนรุ่นใหม่ 20% คนทำงาน 25% และกลุ่มครอบครัวที่มีเด็ก 55%
เช่น การเปิดตัว บิวกิ้น – พุฒิพงศ์ และ พีพี – กฤษฏ์ เป็นพรีเซนเตอร์ เป็นครั้งแรก เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ความสำคัญกับแคมเปญโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการรับประทาน เช่น แคมเปญซื้อ 1 แถม 1 ซึ่งเป็นแคมเปญที่ The Pizza Company เป็นผู้บุกเบิกในตลาดพิซซ่าไทย รวมถึงแคมเปญพิซซ่าถาดกลาง 99 บาท ที่กลายเป็นกระแส จน Pizza Hut ต้องออกมาตอบโต้ด้วยแคมเปญพิซซ่าถาดกลาง 98 บาท ถูกกว่า The Pizza Company เพียง 1 บาท

ส่วน Pizza Hut หลัง Yum! Brands Inc. (Tricon Global Restaurant) ได้แจ้งข่าวล่วงหน้าเพื่อตัดความสัมพันธ์แฟรนไชซีกับไมเนอร์ฯ ในปี 2542 ก่อนสัญญาแฟรนไชซีจะหมดลงในปี 2544
ในปี 2543 Yum! Brands Inc. ได้เปิด Pizza Hut ของตัวเองผ่านบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของ Yum! Brands Inc. ในประเทศไทยที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ในอดีตเพื่อทำตลาดและขยายสาขาร้านอาหารในเครือในประเทศไทย จากความคาดหวังว่าชื่อแบรนด์ Pizza Hut จะขายด้วยตัวเองได้ เพราะเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคไทยและต่างชาติรู้จักดี
แต่เกมการขยายสาขาของ Pizza Hut ก็ยังเป็นรองไมเนอร์ฯ เสมอ จนในปี 2560 Pizza Hut มีสาขา 92 สาขา และ Yum! Brands Inc. ได้ขายแฟรนไชส์ให้กับบริษัท พีเอช แคปปิตอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีเอ็ม แคปปิตอล จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริหารงานโดยตระกูลมหากิจศิริ เป็นแฟรนไชซีบริหาร Pizza Hut ต่อ
การขายแฟรนไชส์ Pizza Hut ให้กับ บริษัท พีเอช แคปปิตอล จำกัด เป็นการขายหลังจากที่ Yum! Brands Inc. ปรับทิศทางดำเนินธุรกิจจากการบริหารแบรนด์ ขายแฟรนไชส์ และการลงทุนเปิดร้านเองบางส่วน เป็นการยกเลิกการลงทุนเปิดร้านเอง และให้มาสร้างธุรกิจจากการขายแฟรนไชส์ ผ่านการสร้างแบรนด์ และดูแลแฟรนไชซีทั้งหมด
ในปัจจุบัน Pizza Hut ภายใต้แฟรนไชซี บริษัท พีเอช แคปปิตอล จำกัด มีสาขาสิ้นปี 2566 จำนวน 185 สาขา พร้อมกับการแข่งขันในตลาดพิซซ่าผ่านแคมเปญต่าง ๆ เช่น แคมเปญอีเวนต์ Melts โคตรชีสสสอีสโคตรฟิน ที่ Center Point สยามสแควร์ รวมถึงการออกรบในแคมเปญพิซซ่าถาดกลาง 98 บาท แข่งกับ The Pizza Company ในวันต่อมา

อย่างไรก็ดี สำหรับ ตลาดพิซซ่า ในไทย นอกจาก The Pizza Company และ Pizza Hut ยังมี Domino’s Pizza ที่มีทั้งหมด 28 สาขา นารายณ์พิซเซอเรีย ที่มี 16 สาขา และแบรนด์ย่อยอื่น ๆ ที่ทำตลาดผ่านกลยุทธ์ในแบบฉบับของตัวเองเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและยอดขายอีกด้วย
และจากนี้ต่อไปเรามาดูกันว่า The Pizza Company และ Pizza Hut จะรบกันในสงครามราคาผ่านแคมเปญพิซซ่าแบบเดือด ๆ เหมือนแคมเปญ ถาดกลาง 98-99 บาท อีกหรือไม่
แต่ที่แน่ ๆ ลูกค้าได้ประโยชน์จากราคาที่ถูกกว่าราคาปกติหลายเท่า แม้แคมเปญนี้จะมีดราม่าและระยะการรอที่ยาวนานก็ตาม ♦
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
