Trend/ย้อนไปเมื่อปี 2018 พระราชพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮรี่ ยุคใหม่ทางการเมืองการปกครองในคิวบา การคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 2 ของทีมชาติฝรั่งเศส การช่วยเหลือเด็ก “ทีมหมูป่า” ออกจากถ้ำในไทย

คือข่าวใหญ่ลำดับต้น ๆ ที่เรียกความสนใจจากคนทั่วโลก และข่าวใหญ่ในวงการท่องเที่ยวในปีนั้นคือ นักท่องเที่ยวล้นเกินจนเมืองช้ำ (Overtourism) จนเริ่มเป็นปัญหาถึงขนาดเป็นประเด็นหลักในการประชุมการท่องเที่ยวนานาชาติในเยอรมนี

2-3 ปีหลังจากนั้นทางแก้ปัญหานี้ถูกพับเก็บไป เพราะบริษัทอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่างสายการบินและโรงแรม ต้องพยายามประคองตัวให้พ้นภาวะซบเซาอย่างหนักจากมาตรการล็อกดาวน์ให้ได้เสียก่อน

ทว่าปัจจุบันที่โลกคืนสู่ภาวะปกติแล้ว สถานการณ์กลับเป็นตรงกันข้าม เพราะแหล่งท่องเที่ยวดัง ๆ ในประเทศต่าง ๆ เช่น บาหลีของอินโดนีเซีย และเวนิส ของอิตาลี กำลังหาทางรับมือกับ Overtourism อย่างจริงจัง

แต่กับญี่ปุ่น Overtourism คือข่าวใหญ่ระดับประเทศ เพราะ Overtousism กำลังเป็นปัญหาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งสำคัญต่อภาคเศรษฐกิจ และดูเหมือนว่ายังไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างอยู่หมัดสักที

ดังจะเห็นได้จากการตั้งรั้วติดสแลนสีดำกันนักท่องเที่ยวถ่ายรูปร้านสะดวกซื้อ Lawson สาขาดังในเมืองฟูจิคาวาคูจิ ซึ่งฉากหลังคือภูเขาไฟฟูจิ หลังชาวเมืองทนไม่ไหวที่การถ่ายรูปสร้างทั้งความวุ่นวายและทำให้การจราจรติดขัด

มาตรการนี้ถูกนำมาใช้เมื่อต้นพฤษภาคมที่ผ่านมา ทว่าพอปลายเดือน นายกเทศมนตรีเมืองฟูจิคาวาคูจิ ต้องสั่งเปลี่ยนเป็นวัสดุกั้นที่แข็งแรงกว่าเดิม เพราะสแลนดำที่ติดตั้งไปได้ไม่นานถูกเจาะจนเป็นรูหลายจุด

สำหรับปัญหา Overtourism ญี่ปุ่นมาจากหลายสาเหตุ เริ่มจากนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางเข้าได้ง่ายขึ้น จากเที่ยวบินที่มีให้เลือกหลายราคา เมื่อเข้าไปแล้วก็สามารถเที่ยวเองได้สะดวกขึ้นกว่าอดีต

ทั้งด้วยหนังสือท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่มีอยู่มากมาย และหาข้อมูลผ่านสมาร์ตโฟนระหว่างท่องเที่ยวเลย

นอกจากนี้ ปัจจุบันยังเป็นยุคที่ค่าเงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าหากเทียบกับเงินสกุลอื่น ๆ ค่าใช้จ่ายถูกลง การท่องเที่ยวญี่ปุ่นจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคนทั่วโลกอีกต่อไป

ท่ามกลางการรายงานว่าหนึ่งในนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่ไปญี่ปุ่นมาจากประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เพิ่มแบบก้าวกระโดด

จากเพียง 2 แสนคนเมื่อปี 2021 เป็น 3.8 ล้านคนในปีต่อมา และพุ่งพรวดเป็น 30 ล้านคนในปี 2023

อีกสาเหตุที่ทำให้ Overtourism เป็นปัญหาในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวญี่ปุ่น คือในจำนวนนักท่องเที่ยวมากมายที่เข้ามานี้มีกลุ่มที่พฤติกรรมแย่ (Bad Tourist) รวมอยู่ด้วย

ซึ่ง Bad Tourist ก็ไม่ถูกโรคกับญี่ปุ่น ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องกฎระเบียบและความเงียบสงบอย่างมาก

ปัญหา Overtourism ญี่ปุ่น ต้องแก้อย่างเป็นระบบ มีมาตรการป้องปราม และไม่ใช่แค่เกิดทีก็แก้ไขทีแบบวัวหายล้อมคอก อย่างในกรณีการตั้งสแลนบังวิวถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิ

คนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวญี่ปุ่นเสนอทางแก้ไขปัญหานี้ไว้หลายวิธี เช่น การโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวกลุ่มเมืองรองที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวรู้จัก และขายแพ็กเกจทัวร์แบบรายปีที่นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวตามสะดวก

เพื่อลดการมาช่วง High Season ระหว่างธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ที่นักท่องเที่ยวมีเป็นจำนวนมากจนแออัด  

นอกจากนี้ ยังควรมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ พร้อมปรับทัศนคติคนตามแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ให้พร้อมรับนักท่องเที่ยว ซึ่งบางช่วงอาจมีเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกันก็ควรมีจัดตั้งศูนย์หรือแหล่งข้อมูลการท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รู้และศึกษากฎ ระเบียบ มารยาท และธรรมเนียมปฏิบัติต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ก่อนมาท่องเที่ยวซึ่งจะสามารถช่วยลดกลุ่ม Bad Tourist ลงไปได้บ้าง  

โดยแนวทางเหล่านี้ที่คนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวญี่ปุ่นเสนอมาควรเร่งดำเนินการ เพราะถ้ายังแก้ไขปัญหาแบบวัวหายล้อมคอกไปเรื่อย ๆ ปัญหา Overtourism อาจรุนแรงยิ่งขึ้น ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปี 2030 จะเพิ่มเป็น 60 ล้านคน ♦/japanrtoday, bbc, asiasustainabletravel


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer