เดือนมิถุนายนของทุกปีเป็นช่วงเวลาที่แบรนด์ต่าง ๆ ออกมาเล่นกับกระแสเดือนแห่ง Pride Month ผ่านกิจกรรมการตลาด สินค้า และการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่ม LGBTQ+ ไม่จำเป็นต้องช่วงเวลา Pride Month เท่านั้น เพราะตลาดนี้ถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีเม็ดเงินมหาศาล พร้อมที่จะจับจ่ายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
จากข้อมูลของ LGBT Capital ล่าสุดพบว่า
ในปี 2023 LGBTQ+ อายุ 15 ปีขึ้นไป ทั่วโลกจะมีมากถึง 388 ล้านคน พร้อมกำลังซื้อให้กับตลาดโลกมากถึง 4.7 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 172.9 ล้านล้านบาท) มีมูลค่าการเติบโตจาก 3.9 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 143.5 ล้านล้านบาท) ในปี 2019
โดยประเทศที่มี LGBTQ+ มากที่สุดคือจีน 75.2 ล้านคน ที่มาพร้อมกับกำลังซื้อ 872,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 32.1 ล้านล้านบาท)
รองลงมาได้แก่ อินเดีย 66.1 ล้านคน กำลังซื้อ 168,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.2 ล้านล้านบาท)
สหรัฐอเมริกา 17.6 ล้านคน กำลังซื้อ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 51.5 ล้านล้านบาท)
ส่วน LGBTQ+ ในประเทศไทย มี 3.7 ล้านคน กำลังซื้อ 26,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 956,000 ล้านบาท)
สิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นได้ว่าการตลาดเพื่อจับกลุ่ม LGBTQ+ รวมถึงให้ความสำคัญกับกลุ่ม LGBTQ+ ในด้านต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องสร้างกระแสหรือทำตลาดเฉพาะเพียงช่วง Pride Month เท่านั้น
เพราะการตลาดเข้าถึงกลุ่ม LGBTQ+ นอกเหนือจากได้ใจผู้บริโภคกลุ่มนี้แล้วยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั่วไปเช่นกัน

เพราะผลสำรวจ Ipsos LGBT+ Pride Report 2024 โดย Ipsos พบว่า ผู้บริโภค 23 ประเทศที่สำรวจ ได้แก่ บราซิล, กัมพูชา, สวีเดน, แอฟริกาใต้, สหรัฐอเมริกา, สเปน, เม็กซิโก, ออสเตรเลีย, ชิลี, เยอรมนี, Great Britain (อังกฤษ สกอตแลนด์ และเวลส์), ไอร์แลนด์ แคนาดา, เปรู,อาร์เจนตินา, เนเธอร์แลนด์, เบลเยียม, สิงคโปร์, อิตาลี, ฝรั่งเศส, ฮังการี, โปแลนด์, ตุรกี, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และไทย พบว่ากลุ่มตัวอย่างทั่วโลกมากถึง 44% ให้การสนับสนุนแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางเพศ
โดยกลุ่มตัวอย่างจากประเทศไทยให้การสนับสนุนแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางเพศมากถึง 77% เป็นอันดับหนึ่งจาก 23 ประเทศที่สำรวจ
รองลงมา ได้แก่
สเปน 60%
สวีเดน 57%
และถ้ามองไปที่ Generation ของกลุ่มตัวอย่าง 23 ประเทศ ถึงการให้ความสนับสนุนแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางเพศ พบว่า
Baby Boomer
กลุ่มผู้หญิง มีเปอร์เซ็นต์มากถึง 44%
กลุ่มผู้ชาย 37%
Gen X
กลุ่มผู้หญิง 47%
กลุ่มผู้ชาย 39%
Millennials
กลุ่มผู้หญิง 53%
กลุ่มผู้ชาย 42%
Gen Z
กลุ่มผู้หญิง 58%
กลุ่มผู้ชาย 37%
ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า Segment LGBTQ+ เป็นกลุ่มที่มีอำนาจการจับจ่าย และเป็น Segment ที่สามารถสร้างพลังบวกให้กับแบรนด์ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ถ้าแบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มนี้ผ่านสินค้า การตลาด การสื่อสาร รวมถึงการให้ความสำคัญกับ LGBTQ+ ในองค์กร
ในการตลาดแบรนด์ที่เข้าถึง LGBTQ+ เป็นหนึ่งในการใช้กลยุทธ์ Diversity Equity Inclusion Marketing หรือ DEI Marketing กลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย จากการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามจิตวิทยา ตามลักษณะที่ชอบ ความชอบ และรสนิยม
Marketeer ขอยกตัวอย่างแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการทำตลาด LGBTQ+ ในไทยอย่างเช่น วาโก้ แบรนด์ชุดชั้นในที่พัฒนาชุดชั้นในสำหรับ LGBTQ+ อย่างจริงจังเพื่อเข้ามาตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ และสื่อสารชุดชั้นในกลุ่มนี้ผ่านชื่อ คอลเลกชัน Freedom อิสระที่ไม่มีนิยาม เพื่อสื่อให้เห็นการให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางเพศ
และ AC Asset ที่เปิดโอกาสให้ LGBTQ+ สามารถกู้ร่วมซื้อบ้านได้ เป็นต้น
–
