เถ้าแก่น้อย สยายปีกลุย 5 ตลาดต่างประเทศ ปูทางแบรนด์ไทยสู่ระดับโกลบอล

บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN สยายปีกสร้างการเติบโตในต่างประเทศ เปิดตัว PT SukandaDjaya เป็น Distributor ในอินโดนีเซีย ตั้งเป้าโต 15%

ตลาดขนมขบเคี้ยว (Savoury Snacks) มูลค่า 47,207 ล้านบาท คาดการณ์อัตราการเติบโตในปี 2567 ไม่ต่ำกว่า 7.9% ประกอบด้วยเซกเมนต์ใหญ่ ๆ คือ มันฝรั่งอบกรอบ ขนมขึ้นรูป และสาหร่าย

คุณอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา TKN สร้างการเติบโต 22% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของตลาดขนมขบเคี้ยว และไตรมาสแรกของปี 2567 กำไรเติบโต 77.4%

โดยมีปัจจัยสำคัญมาจาก 1) ดีมานด์สาหร่ายที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มประเทศหลักอย่าง จีน, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เถ้าแก่น้อยจึงเข้าไปทำกิจกรรมการตลาดอย่างเข้มข้นเพื่อให้สอดรับกับการบริโภคของตลาดที่เกิดขึ้น

2) การขยายช่องทางตลาดที่สำคัญอย่างสหรัฐอเมริกา โดยสามารถเจาะเข้าสู่ช่องทาง Modern Trade (MT) เป็นหลัก เช่น ห้าง Costco และห้าง Wholefood

และ 3) กระแสการบริโภคสาหร่ายตามเทรนด์เพิ่มขึ้น ดังจะเห็นได้จากคอนเทนต์ในโซเชียลที่กระตุ้นการรับประทานสาหร่ายพร้อมข้าว ทำให้การบริโภคเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาวัตถุดิบไม่สู้ดีนัก ปรับตัวสูงถึง 50% จากเหตุ supply shortage แต่เป็นปกติที่ในรอบ 4-6 ปี จะเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นมาครั้งหนึ่ง บริษัทรับมือด้วยการปรับบรรจุภัณฑ์ บางสินค้าที่ขาดทุนต้องเอาออก โดยเรียนรู้จากอินไซต์ความชอบของลูกค้า

สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% น้อยกว่าในปีที่ผ่านมา

แม้ปัจจุบันคู่แข่งในตลาดจะเพิ่มขึ้น แต่ “เถ้าแก่น้อย” ยังเป็นตัวเลือกแรกของกลุ่มผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายในตลาดต่างประเทศในไตรมาสแรกเติบโต 13.5% และคิดเป็นสัดส่วนรายได้กว่า 65% ของยอดขายรวมเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ทำยอดขายสูงสุดมาจากจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และแคนาดา  ขณะที่ในประเทศอยู่ที่ 35%

 

กลยุทธ์ “GO Broad”

ยึดหลักกลยุทธ์ “GO Broad” ขยายธุรกิจให้กว้างขึ้น โดยไม่ได้จำกัดการผลิตและจำหน่ายสินค้าในรูปแบบเดียว แต่จะพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ ๆ เพื่อขยายพอร์ตสินค้า พร้อมมุ่งเน้นบริหารจัดการยอดขาย (Revenue Management) ด้วยการบริหารสินค้าและช่องทางการขายที่มีกำไรดี (Product Mix and Channel Mix) ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างน้อย 15% ผ่านช่องทางทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีศักยภาพ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าโฟกัสตลาดใน 5 ตลาดหลัก ได้แก่ ตลาดในประเทศ ตลาดสหรัฐอเมริกา ตลาดอินโดนีเซีย ตลาดมาเลเซีย และตลาดจีน

 

ตลาดขนมขบเคี้ยวอินโดนีเซียใหญ่กว่าไทย 3 เท่า

ทั้งนี้ หนึ่งในโอกาสใน 3 ประเทศหลัก คือ การขยายตลาดในอินโดนีเซีย  คุณวชิระ ญาณทัศนกิจ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานการค้าต่างประเทศ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN กล่าวว่า อินโดนีเซียเป็นตลาดมุสลิมที่นิยมการบริโภคสาหร่ายเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาและมีศักยภาพการเติบโตสูง อีกทั้งมูลค่าตลาดขนมขบเคี้ยวในอินโดนีเซียใหญ่กว่าไทยถึง 3 เท่า

จากการปรับเปลี่ยนตัวแทนจัดจำหน่ายรายใหม่เมื่อปลายปี 2566 บริษัทได้เปลี่ยนพาร์ตเนอร์มาร่วมมือกับ PT Sukanda Djaya เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่าย (Distributor Partner) สินค้าของบริษัทฯ ในประเทศอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ รุกช่องทางจำหน่ายทั้ง Modern Trade (MT), ช่องทาง Traditional Trade (TT) และ Horeca รวมถึงช่องทาง E-commerce ซึ่งเป็นส่วนที่พันธมิตรมีความเชี่ยวชาญ

เพื่อเปลี่ยนมามุ่งเน้นการขยายช่องทางการขายที่กว้างขึ้น โฟกัสการทำตลาดในกลุ่มผู้บริโภคชาวมุสลิม โดยเน้นการสื่อสารผ่าน Key Opinion Leader (KOLs) หรือ Influencer ที่เป็นชาวมุสลิม และเพื่อขยายตลาดสินค้ากลุ่มสาหร่ายอบ ที่จับกลุ่มผู้บริโภคที่รับประทานเป็นอาหารหรือรับประทานคู่กับอาหาร นับเป็นฐานผู้บริโภคกลุ่มใหม่ นอกเหนือจากกลุ่มตลาดขนมขบเคี้ยว

ซึ่งปัจจุบันเถ้าแก่น้อยมีสินค้าอยู่บนชั้นวางสินค้าครอบคลุม Modern Trade ในอินโดนีเซียกว่า 80% และยังสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะช่องทาง Traditional Trade และ E-Commerce

บริษัทฯ มีสัดส่วนยอดขายจากอินโดนีเซีย 15% และคาดว่ายอดขายจะเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% ในปีนี้

นอกจากนั้น ยังวางแผนจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ กิจกรรม Food Truck จัดบูธชงชิม แจกสินค้าตัวอย่าง เป็นต้น ล่าสุด ในช่วงเทศกาลรอมฎอน (ถือศีลอด) ได้ร่วมกับพันธมิตรออกบูธในงาน Jakarta Lebaran Fair ที่กรุงจาการ์ตา ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค

 

Next chapter พาแบรนด์ไทยไประดับโลก

การสร้างแบรนด์ไทยให้เติบโตและมีชื่อเสียงในระดับโลก ต้องเริ่มจากการสร้างรากฐานของแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เถ้าแก่น้อยจึงให้ความสำคัญกับการรุกสร้างการเติบโตในตลาดต่างประเทศ โดยที่แต่ละประเทศมีทิศทางและการทำงานที่ต้องปรับให้เข้ากับพฤติกรรมการบริโภค วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ ความเป็นอยู่ของผู้บริโภคในประเทศนั้น ๆ

ปัจจุบันบริษัทส่งออก 50 ประเทศทั่วโลก ในการจะไประดับโลกได้ บริษัทจะต้องมี resource ที่เพียงพอ และอาศัยเวลา เป็นที่มาให้โฟกัสใน 5 ประเทศหลัก คือ จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และแคนาดาก่อน เนื่องจากมีศักยภาพและทรัพยากรที่เพียงพอ ตั้งเป้าส่งออกให้ถึง 100 ประเทศ

“จากยอดขาย 1 ล้าน มาวันนี้คือ 1 พันล้าน Key success ของเถ้าแก่น้อยมีแค่คำเดียว คือ โฟกัส พนักงานทุกคนมีโฟกัส บริษัทต้องประเมินศักยภาพความเชี่ยวชาญของตนเองให้ถูกต้อง Next Chapter คือพา TKN ก้าวไปสู่ระดับโลก จากที่ปัจจุบันประสบความสำเร็จในระดับเอเชียแล้ว” คุณอิทธิพัทธ์กล่าว

 

เถ้าแก่น้อย สาหร่าย 5 พันล้าน แบรนด์ไทยที่ดังในต่างแดน

มูลค่า ตลาดขนมขบเคี้ยว 47,207 ล้านบาท
คาดการณ์อัตราการเติบโตในปี 2567 ที่ 7.9%
บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN
รายได้ (ล้านบาท) กำไร (ล้านบาท)
2564 3,999 182
2565 4,400 435
2566 5,354 743
สัดส่วนยอดขาย ต่างประเทศ 65%

Top5

1. จีน

2. อินโดนีเซีย

3. มาเลเซีย

4. สหรัฐอเมริกา

5. แคนาดา

ในประเทศไทย 35%

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer