OATSIDE อยู่มา 2 ปี เพิ่งมีไซซ์เล็กลงเล่นตลาด ท่ามกลางการแข่งขันแบรนด์นมโอ๊ตผู้เล่นหลากแบรนด์
ตลาดนมข้าวโอ๊ต ถือเป็นตลาดนมทางเลือกที่ OATSIDE มองว่ามีการเติบโตมากที่สุดในตลาด Plant-Based Milk ทั้งหมด มูลค่า 1,399 ล้านบาท เติบโต 41% (มูลค่าตลาดอ้างอิงจาก 137ดีกรี)
และเป็นตลาดที่มีการแข่งขันจากคู่แข่งแบรนด์ต่าง ๆ มากกว่า 10 แบรนด์ โดยมีแบรนด์ใหญ่ได้แก่ OATLY, So Good, Good Mate, UFC Velvet, Milk Lab, Minor Figures, Alpro , ทิปโก้ เนเจอร์อัพ พลัส และอื่น ๆ
โดยในหลาย ๆ แบรนด์เริ่มทำตลาดนมไซซ์เล็กเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการดื่มนมขนาดพอดีอิ่ม
เช่น ในปีที่ผ่านมา Good Mate สร้างการเข้าถึงและ Awareness เพิ่มไลน์อัปสินค้านำขนาด 180 มล. เพื่อเข้าแข่งขันในตลาดที่มีคู่แข่งนมโอ๊ตไซซ์เล็กอื่น ๆ เช่น OATLY, Alpro, UFC Velvet, ทิปโก้ เนเจอร์อัพ พลัส พร้อมสื่อสารผ่านพรีเซนเตอร์ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์สุขภาพที่เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ เป็นต้น
เมื่อตลาดนมโอ๊ตไซซ์เล็กมีโอกาสการเติบโต ล่าสุดOATSIDEได้เปิดตัวลงมาแข่งขันในตลาดนมโอ๊ตไซซ์ขนาด 200 มล. 3 รสชาติ ได้แก่ รสออริจินอล รสกาแฟ และรสช็อกโกแลต เข้ามาร่วมแข่งขันในตลาดเพิ่มอีกราย
ซึ่งซินดี้ ลิน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดOATSIDEให้ข้อมูลว่าเหตุผลที่นำขนาด 200 มล.มาทำตลาดผ่านช่องทางจำหน่ายร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต และอื่น ๆ
เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทแม่ที่สิงคโปร์มีการขยายไลน์อัปสู่ขนาด 200 มล. จำหน่ายในประเทศต่างๆ ทำให้กลุ่มลูกค้าชาวไทยที่เห็นสินค้าไซซ์นี้ในต่างประเทศ และกลุ่มลูกค้าที่ดื่มOATSIDEเป็นประจำ Direct Message ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียถึงความต้องการOATSIDEที่มีขนาดเล็กเพื่อความสะดวกในการบริโภค จากเดิมที่เข้ามาทำตลาดไทยตั้งแต่ปี 2565 OATSIDE มีขนาด 1 ลิตรเพียงขนาดเดียว และเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มร้านคาเฟ่ต่าง ๆ เพื่อนำไปเป็นส่วนผสมของเมนูเครื่องดื่มในเมนูมากถึง 90% อย่างเช่น คาเฟ่ อเมซอน, ทรูคอฟฟี่, กาก้า ชาตรามือ และอื่น ๆ
แม้จะประสบความสำเร็จกับตลาดร้านคาเฟ่ต่าง ๆ แต่การลงเล่นในตลาดนมไซซ์เล็กของOATSIDEถือเป็นตลาดที่มีความท้าทาย จากการแข่งขันของตลาดที่เน้นแข่งเรื่องรสชาติ ราคา และแบรนดิ้งเป็นหลัก
การเปิดไซซ์ 200 มล. ของOATSIDEจึงใช้กลยุทธ์สร้างการรับรู้ถึงกลุ่ม GEN Z และกลุ่ม Millennial ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก และเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ผู้บริหาร OAT SIDE มองว่าแตกต่างจากแบรนด์นมโอ๊ตอื่น ๆ ที่เน้นสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้ารักสุขภาพ
ผ่านกิจกรรม OAT SIDE ปล่อยใจมาจอยกันที่เซ็นเตอร์พอยต์ในวันที่ 7-9 มิถุนายน 2567 จากเดิมที่ผ่านมาได้สร้างแบรนดิ้งผ่านร้านคาเฟ่ ด้วยการติดป้ายบอกลูกค้าในร้านคาเฟ่ถึงเมนูที่มีส่วนผสมของนมโอ๊ตเป็นของแบรนด์OATSIDE
การลงเล่นในตลาด 200 มล. ในวันนี้ผู้บริหารเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ 1 เท่า ซึ่งเป็นการเติบโตเช่นเดียวกับตลาดOATSIDEในสิงคโปร์หลังจากที่มีไซซ์เล็กวางจำหน่าย
และคาดการณ์ว่าภายใน 3 ปี นมโอ๊ตไซซ์เล็กจะเป็นเครื่องจักรสำคัญที่สามารถสร้างสัดส่วนรายได้ในตลาดค้าปลีกถึง 60% ของรายได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ดี ในปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่าธุรกิจของOATSIDEยังคงอยู่ในภาวะขาดทุน 3.65 ล้านบาท จากรายได้ 14.36 ล้านบาท
และจากนี้เราคงต้องดูกันต่อไปว่า OATSIDE จะเติบโตได้แค่ไหน และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ บนการแข่งขันในตลาดนมโอ๊ตที่มีคู่แข่งมากราย
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
