Acne Studios หนึ่งในสินค้าส่งออกแฟชั่นของสวีเดนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรองจาก H&M แต่นี่คือสินค้าแฟชั่นระดับไฮเอนด์

กำลังจะมาเปิดสโตร์ในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ณ สยามพารากอน

แบรนด์ของเหล่าคนชิค รวมสุนทรียศาสตร์แบบมินิมอลลิสต์สไตล์สแกนดิเนเวีย หรูหรา ล้ำสมัย  ให้นึกถึงความหรูหราแบบ Balenciaga หรือ Rick Owens แต่มินิมอลแบบสแกนดิเนเวียนแบบ COS มารวมกันอยู่ในแบรนด์เดียว ทำให้ Acne Studios มีเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มสูง

Acne Studios ที่มา

Acne Studios คือแบรนด์แฟชั่นของสวีเดน จากสตอกโฮล์มที่ดำเนินธุรกิจแบบสหวิทยาการ ก่อตั้งโดยนักออกแบบ Jonny Johansson ผู้หลงใหลในการถ่ายภาพ ศิลปะ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมร่วมสมัย

จอนห์นี่ โจฮันสัน คือผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แบรนด์ และก่อตั้ง Acne Studios ร่วมกับแมตส์ โจฮันสัน, เจสเปอร์ คูธูฟด์ และโทมัส สโกกิงเดิมที นับเป็นการรวมตัวของเอเจนซีโฆษณาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบกราฟิก โฆษณา ภาพยนตร์ และเทคโนโลยี  

ทั้งสี่คนทำงานควบคู่ไปกับการผลิตภาพยนตร์ เสื้อผ้า และวิดีโอเกม แต่แฟชั่นเป็นแผนกที่ประสบความสำเร็จได้สูงสุด   พวกเขาสร้างสรรค์โลกแห่งแฟชั่นที่ผสมผสานศาสตร์หลายแขนงเข้าด้วยกัน ตั้งแต่การออกแบบ ศิลปะ สถาปัตยกรรม ดนตรี ไปจนถึงการถ่ายภาพ

กลยุทธ์ในช่วงแรก Acne ไม่ได้ถูกวางตำแหน่งให้เป็นแค่ ‘แฟชั่น’ แต่เป็นตัวแทนการสร้างสรรค์ที่ผสมผสานการออกแบบ สื่อ และศิลปะเข้าด้วยกัน

Acne Studios ความหมาย

เดิมทีตัวย่อของคำว่า ACNE คือ Associated Computer Nerd Enterprises ต่อมา Johansson  ได้เปลี่ยนเป็น Acne Studios อ่านว่า “แอค-เน่ สตูดิโอ” ย่อจาก Ambition to Create Novel Expressions 

จำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องประดับ นิตยสาร หนังสือ รวมไปถึงของตกแต่งบ้าน 

ในปี 2006 Acne Studios ได้แยกตัวออกจาก Acne Film, Acne Advertising และ Acne Digital อย่างเป็นทางการ เพื่อแสดงจุดยืนในการเป็นแบรนด์แฟชั่นเต็มตัว ก่อนจะเริ่มเปิดตัวธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

โลโก้ Face อีโมจิหน้ายิ้ม

Johansson ได้สร้างโลโก้ Face ขึ้นมา แล้วจัดวางในรูปแบบแผ่นโลหะ งานปัก หรือลายพิมพ์ บนเสื้อผ้าและเครื่องประดับแฟชั่นทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งเป็นอิโมติคอนหน้าตายตามปรัชญาของชาวสแกนดิเนเวียที่ว่า “ไม่มีความสุขและยิ้มแย้มเกินไป ไม่เศร้าเกินไป” ซึ่งมันได้กลายเป็นโลโก้ที่โดดเด่นของแบรนด์ ด้วยความเรียบง่าย ขี้เล่น และจดจำได้ทันที กลายเป็นไลน์สินค้าคัลท์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ Gen Z และแฟนสตรีทแวร์

นอกจากนั้น  Acne Studios ยังมีนิตยสารเป็นของตัวเองชื่อว่า Acne Paper เป็นนิตยสารรวบรวมผลงานในวงการสิ่งพิมพ์แฟชั่น

ถ้าจะต้องให้คำนิยาม Acne Studios คงต้องเป็นคำว่า ทดลอง สร้างสรรค์ แหวกขนบ ใช้งานได้จริง แต่เรียบง่าย เฉียบคม ซึ่งเสื้อผ้าและเครื่องประดับแต่ละชิ้นสามารถสะท้อนรสนิยมของผู้สวมใส่ได้อย่างเด่นชัด

ที่เป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์อีกอย่างหนึ่งคือ เดนิม

ร่องรอยยับ หลุดรุ่ย และเปรอะเปื้อน คือเอกลักษณ์ของแบรนด์ กางเกงยีนส์เดนิมดิบเย็บตะเข็บแดงที่ผลิตออกมารุ่นแรกได้รับความสนใจจากสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีอิทธิพลอย่าง Wallpaper และ Vogue Paris ทำให้ Acne กลายเป็นดาวเด่นในวงการแฟชั่น พลอยทำให้เดนิมกลายเป็นไอเท็มที่ต้องมีติดตู้เสื้อผ้าไปด้วย ยกตัวอย่าง คอลเลกชันเดนิม Blå Konst (“Blue Art”) ที่เปิดตัวในปี 2017 เป็นที่นิยมอย่างมาก

นอกจากนั้น เครื่องประดับอย่างผ้าพันคอก็กลายเป็นแหล่งรายได้ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าพันคอรุ่น Mohair Checked Scarf ทำจากขนสัตว์โมแฮร์และอัลปาก้า สามารถนำไปมิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อผ้าได้หลากหลายสไตล์ เป็นที่ถูกใจของแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก

นับแต่นั้น Acne Studios ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีงานแฟชั่นโชว์เป็นของตน Paris Fashion Week และมีแฟล็กชิปสโตร์ในเมืองใหญ่ อาทิ สตอกโฮล์ม ปารีส ลอนดอน นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส โตเกียว เซี่ยงไฮ้

ในปี 2018 บริษัท IDG Capital ของจีน ได้เข้าถือหุ้น 30.1% ขณะที่กลุ่มไอทีของฮ่องกงได้เข้าถือหุ้น 10.9% ของบริษัท อย่างไรก็ตาม จอนนี่ โจฮันส์สัน และมิคาเอล ชิลเลอร์ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยยังคงรักษาความเป็นอิสระในการสร้างสรรค์แบรนด์ไว้

Photo: Charlotte Wales

จากกลุ่มครีเอทีฟขนาดเล็กในสตอกโฮล์ม ปัจจุบัน Acne Studios เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นอิสระไม่กี่แบรนด์ที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในกลุ่ม New Generation ด้วยสไตล์ในปัจจุบันที่มีความย่อยง่าย แต่ยังคงล้ำสมัย และแฝงเอกลักษณ์โดดเด่นเช่นเคย ถูกใจเด็กรุ่นใหม่ที่มองหาแบรนด์ที่สะท้อนตัวตนยูนีคของพวกเขาในแบบไม่ซ้ำใคร

Acne Studios เป็นบริษัทเอกชน มีรายได้ต่อปีอยู่ที่ประมาณ 300-350 ล้านยูโร ราว 13,000 ล้านบาท ตั้งเป้าบรรลุรายได้ 500 ล้านยูโรต่อปีในเร็ววัน (ประมาณ 19,000 ล้านบาท)

 

 

 

 

ที่มา : Acnestudios, Voguebusiness, L’officiel

Photo : interviewmagazine, Highxtar


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer