เวลารายงานรายได้หนังจะเห็นรายงานเพียงรายได้จากกรุงเทพฯ และปริมณฑล เท่านั้น
ส่วนรายได้จากการจำหน่ายบัตรในจังหวัดอื่นๆ แทบจะไม่มีการรายงาน
สิ่งที่รายได้หนังรายงานกรุงเทพฯ และปริมณฑล มาจากโมเดลรายได้ที่ผู้ผลิตหนังได้จากการเข้าฉายในโรงหนังไม่เหมือนกัน
ในกรุงเทพ และปริมณฑล เป็นโมเดลในรูปแบบการแบ่งสัดส่วนรายได้จากตั๋วหนังที่จำหน่ายได้ทั้งหมด ระหว่างโรงหนังและผู้ผลิต ตามสัดส่วนแล้วแต่ตกลง
ส่วนจังหวัดอื่นๆ เป็นการขายสิทธิ์ให้กับผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ หรือสายหนัง เพื่อนำหนังไปกระจายฉายในโรงหนังจังหวัดต่างๆ อีกต่อหนึ่ง ทำให้ผู้ผลิตหนังไม่รับรู้ถึงจำนวนตั๋วหนังที่จำหน่ายได้ เพราะรับเงินจากการขายสิทธิ์แบบเหมาจ่ายไปก่อนหน้านั้น
สำหรับสายหนังเป็นโมเดลธุรกิจที่มีอยู่มาอย่างยาวนาน จากในอดีตการส่งหนังไปกระจายฉายตามโรงหนังต่างจังหวัดมีความลำบากจากการเดินทางขนส่ง การติดต่อโรงหนังที่เป็น Stand Alone อยู่แต่ละพื้นที่ ทำให้เกิดพ่อค้าคนกลางที่เรียกว่าสายหนัง ที่ส่วนใหญ่เป็นบุคคลในพื้นที่รับซื้อสิทธิ์หนังจากผู้ผลิตหนังที่ระบุเป็นระยะเวลาไปฉายตามโรงในเครือข่ายของตัวเองอีกต่อหนึ่ง
และสายหนังจะหารายได้จากการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากตั๋วที่จำหน่ายได้ทั้งหมด โดยสายหนังแต่ละผู้ประกอบการจะไม่ทับซ้อนกันและกัน
ในปีที่ผ่านมาอ้างอิงข้อมูลจากเมเจอร์พบว่าตลาดหนังมูลค่า 5,500 ล้านบาท
เป็นตลาดที่มีรายได้มาจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล 57%
และต่างจังหวัด 43% จากมูลค่าตลาดผ่านระบบสายหนัง
และเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้นตลาดหนังจากระบบสายหนังมีสัดส่วนที่ลดลง
ปี 2565 มูลค่าตลาดหนัง 4,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล 52%
และสายหนังในต่างจังหวัด 48%
ปี 2564 มูลค่าตลาดหนัง 2,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล 51%
และสายหนังในต่างจังหวัด 49%
อย่างไรก็ดีสำหรับตลาดหนังในประเทศไทย ถือเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสการเติบโตอีกมากจากหนังไทยและหนังเทศที่เข้ามาร่วมแข่งขันแย่งชิงคนดูให้ออกจากบ้านไปดูหนังตามโรง แทนการดูสตรีมมิ่งในบ้าน ประกอบกับการขยายตัวของโรงหนังจากการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ที่ในวันนี้เมเจอร์ให้ข้อมูลว่าประเทศไทยยังมีโรงหนังเฉลี่ยเพียง 1 โรงต่อประชากร 54,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นค่าเฉลี่ยที่ต่ำเมื่อเทียบกับเกาหลีที่มีจำนวนโรงหนัง 1 โรงต่อประชากร 17,000 คน ทำให้รอบฉายหนังในโรงภาพยนตร์มีระยะเวลาที่จำกัดเฉลี่ยเพียงเรื่องละ 2-3 สัปดาห์เท่านั้น ยกเว้นหนังทำเงินที่มีรอบฉายนานกว่านั้น
