Maison De Auri แบรนด์กระเป๋าที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่สาว ๆ ที่รักแฟชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยและเอเชีย
ด้วยจุดเด่นอย่างลวดลายดีไซน์ที่สวยงามและมีให้เลือกหลากหลาย ประกอบกับงานถักคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้ กระเป๋าจาก Maison De Auri จึงกลายเป็นแฟชั่นที่ผู้ใช้สนุกในการ Mix & Match ให้เข้ากับการแต่งตัวในแต่ละวันได้ง่าย และเป็น Must Have Item ของสาว ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ
Marketeer มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณออรี่ อิทธิโรจนกุล CEO & Founder ผู้ปลุกปั้นแบรนด์ Maison De Auri กับโจทย์ที่เป็นไอเดียจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจที่ว่า อยากได้กระเป๋าที่ใช้งานง่าย เข้ากับทุกชุด และเปลี่ยนได้ทุกวัน กระทั่งต่อยอดมาเป็นกระเป๋าผ้านิต (Knit Bag) ภายใต้แบรนด์ Maison De Auri อย่างที่เห็นกัน

Maison De Auri กระเป๋านิตที่แตกต่างด้วยคุณภาพ ดีไซน์ และราคา
ก่อนที่จะมาลุยสร้างแบรนด์ Maison De Auri ก่อนหน้านี้คุณออรี่ทำงานในวงการ Advertising Agency ด้วยความที่เติบโตมาในสาย Branding Communication ทำให้เธอคุ้นชินกับการสร้างแบรนด์ไม่น้อย
ประกอบกับเบื้องหลังครอบครัวที่ทำธุรกิจอุตสาหกรรมสิ่งทอ (Garment) เธอจึงมีความรู้เกี่ยวประเภทของผ้า เส้นไหม หรือวัสดุถักทอต่าง ๆ กลายเป็นที่มาของการเลือก นิต (Knit) ผ้าถักหรือที่เรียกว่าผ้ายืด ที่มีคุณสมบัติคือความยืดหยุ่นและทนทานมาใช้เป็นวัสดุหลักในการทำกระเป๋า
“ความโดดเด่นของนิตคือ น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นคงทน แต่คืนทรงได้เร็ว ทำให้กระเป๋าแข็งแรงทนทานและใช้งานได้นาน ขณะที่สีหรือลวดลายของกระเป๋าล้วนมาจากสีของเส้นใย ไม่มีการสกรีน แต่อย่างใด ซึ่งมีข้อดีคือสามารถอุ้มสีได้เข้ม สีไม่ซีด ไม่ตก สามารถซักทำความสะอาดได้ตามต้องการ และตรงนี้คือจุดที่ทำให้กระเป๋านิตจาก Maison De Auri โดดเด่นและแตกต่างจากท้องตลาด”
ด้านดีไซน์ นอกจากจุดแข็งเรื่องคุณภาพของเส้นใยและสีแล้ว การออกแบบลวดลาย คอลเลกชั่นต่าง ๆ ล้วนมีเอกลักษณ์สะท้อนไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ ที่น่าสนใจคือ คุณออรี่บอกกับเราว่ากระเป๋าจาก Maison De Auri กว่า 500 ลาย ลูกค้าของแบรนด์มีส่วนช่วยในการออกแบบไปแล้วกว่า 499 ลาย
“แนวคิดในการพัฒนาธุรกิจของMaison De Auriคือการใช้หลัก Customer Centric เราพูดคุยสื่อสารและฟังความต้องการของผู้บริโภคเสมอ ที่แบรนด์เราเติบโตมาได้ขนาดนี้ต้องขอบคุณลูกค้าที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาสินค้า
ตั้งแต่ดีเทลต่าง ๆ ของกระเป๋า ขนาด หรือการออกแบบลวดลาย เรานำคำแนะนำหรือรีเควสจากลูกค้ามาต่อยอดและพัฒนาสินค้าทั้งหมด ให้ตอบโจทย์ใน Function ที่ลูกค้า กระทั่ง Accessory ต่าง ๆ อย่าง สายสะพาย Cross Body พวงกุญแจสายห้อยต่าง ๆ ก็มาจากความต้องการของลูกค้าเราทั้งสิ้น”
ส่วนด้านราคา ตามความตั้งใจแรกที่อยากให้ Maison De Auri เป็น Everyday Bag ที่หยิบเปลี่ยนลวดลายต่าง ๆ ให้ Match กับการแต่งตัวในแต่ละวันได้ ทำให้แบรนด์ตั้งราคาที่จับต้องได้ คือตั้งแต่ 590-1,980บาท
“เราตั้งใจอยากให้ราคากระเป๋าเทียบเท่ากับเสื้อผ้า 1 ตัว ถ้าคุณมีเสื้อผ้าหลายตัวได้ ก็มีกระเป๋าMaison De Auriหลายใบได้ เรามองว่าตัวกระเป๋าจะเป็นสิ่งที่ช่วยสะท้อนตัวตนผู้ใช้ (Reflect User Imagery) ไม่ต่างจากเสื้อผ้าที่สวมใส่
ปัจจุบันมีกระเป๋าทั้งหมด 5 รุ่น คือ Auri Bag, Poche, Sac, Campus และ Milan ที่ตอบโจทย์การใช้งานทั้งด้านฟังก์ชันและแฟชั่น”

กระเป๋านิต ที่ฮิตทั่วเอเชีย
ด้วยคุณภาพและลวดลายที่หลากหลายอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้Maison De Auriเข้าถึงสายแฟชั่นทั้งคนไทยและต่างประเทศ ซึ่งในตอนนี้มีการส่งออกทั่วเอเชีย ตั้งแต่ เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง โดยส่วนใหญ่ของการซื้อขายจะเป็นช่องทางออนไลน์ทั้งหมด มีเพียงไต้หวันที่มี Pop Up Store ที่ปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่
“เราเริ่มต้นทำธุรกิจในช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะเราเชื่อว่าเป็นช่องทางหลักสำหรับสินค้าในกลุ่ม Fast Moving Fashion ลูกค้าต้องการเห็นแบบ และทางเลือกที่หลากหลาย การช้อปปิ้งในเวลาว่างหรือก่อนนอน ถือเป็นการผ่อนคลาย และสร้างความบันเทิงอย่างดี เราจึงใช้เวลาในการเตรียมการก่อนที่จะเปิดตัว โดยทั้งแต่วันแรกที่เราเริ่มลงสินค้า เรามีสินค้าเตรียมไว้แล้วกว่า 100 แบบ
สำหรับตลาดต่างประเทศ เราเริ่มเจาะโซนเอเชียก่อน เพราะมี culture และ lifestyle ที่ใกล้เคียงกัน แฟชั่น สีสัน ความชอบต่างๆก็ใกล้เคียงกันมาก เราเรียกสไตล์นี้ว่า Asian Metropolitan ไม่ใช่เฉพาะการออกแบบเท่านั้น เราลงรายละเอียดกระทั่งการตั้งชื่อของแต่ละรุ่น ต้องเป็นชื่อที่สาวๆเอเชียเข้าใจร่วมกัน
โดยในส่วนของยอดขาย 60% คือการส่งออก 40% คือภายในประเทศ
เมื่อถามในตลาดแฟชั่นที่มีแต่ Me Too Brand ที่กระแสแฟชั่นไหนกำลังจะเห็นแบรนด์ต่าง ๆ ทำตามมากมาย ตรงนี้Maison De Auriรับมืออย่างไร
สิ่งแรกที่คุณออรี่บอกคือ “เราเร็วกว่า” เนื่องจากการมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองทำให้การขับเคลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้งทำได้ง่ายและมีความยืดหยุ่นสูง และความเร็วนี้ยังช่วยส่งเสริม Motto ของแบรนด์ที่ว่า “ตรงใจ ถูกใจ ทันใจ” ได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทำให้Maison De Auriเติบโตและเป็นที่รู้จักในวงกว้างได้อย่างรวดเร็วคือ การ Collaboration กับ Community ต่าง ๆ เช่น ร้านกาแฟ คาเฟ่แมว หรือชมรมต่าง ๆ
“เราพยายามที่จะพาแบรนด์เข้าไปอยู่ในทุก ๆ วันของกลุ่มเป้าหมาย จึงพยายาม Collaboration กับ Community เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงแบรนด์เราง่ายขึ้น เราอยากให้Maison de Auriไม่ใช่แค่แบรนด์กระเป๋า แต่เป็นตัวเชื่อมไปยังคนที่มีไลฟ์สไตล์หรือความชอบคล้าย ๆ กัน”

จนถึงวันนี้ Maison De Auri ยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในมุมของสินค้าและตัวแบรนด์เอง
ล่าสุดกับการคว้ารางวัล “Hall Of Fame in Singapore Awards 2024 (HOFS AWARDS 2024)” ในสาขา “Fashion Hall of Fame” รางวัลอันทรงเกียรติยศระดับเอเชีย ณ The Ritz-Carlton Millenia ประเทศสิงคโปร์ อีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์และตอกย้ำความเป็น “กระเป๋าแฟชั่นในระดับมาตรฐานสากล”
สำหรับงานประกาศรางวัล HOFS AWARDS 2024 จัดขึ้นโดย บริษัท วิน วิน พีอาร์พลัส สิงคโปร์ จำกัด (Win Win PRPlus Singapore) ที่ร่วมมือกับตัวแทนจาก Thai Association Singapore, ตัวแทนจาก Royal Thai Embassy Singapore
และตัวแทนจาก SME Centre @ASME โดยเป็นงานประกาศรางวัลแห่งเกียรติยศ

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
