กรุงเทพ ฯ, 30 กันยายน 2024 – ศูนย์พลังงานอาเซียน (ACE) ได้ประกาศรายงานการศึกษาแนวโน้มด้านพลังงานอาเซียน ฉบับที่ 8 (AEO 8) ในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 42 (AMEM) จัดขึ้นร่วมกับ ASEAN Energy Business Forum ครั้งที่ 24 (AEBF-24) ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป. ลาว  ซึ่ง AEO8 เป็นรายงานสำคัญที่พัฒนาโดย ACE ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนและพันธมิตร

เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียน (the ASEAN Plan of Action for Energy Cooperation: APAEC) โดยให้การวิเคราะห์ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับภูมิทัศน์พลังงานในภูมิภาคอาเซียน และเสนอแนวทางสู่การบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค ไปจนถึงปี 2050

นายโพไซ ไซยะสอน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ (MEM) แห่ง สปป. ลาว เน้นย้ำถึงความสำคัญของ AEO8 ในพิธีเปิดร่วมของการประชุม AMEM ครั้งที่ 42 กับ AEBF-24 โดยกล่าวว่า “ในฐานะที่ สปป. ลาว เป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียนในปีนี้

เราตระหนักถึงความสำคัญของ AEO8 ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญสู่พลังงานแห่งอนาคตที่ยั่งยืนและยืดหยุ่น รายงานนี้ ไม่เพียงแต่สอดคล้องกับเป้าหมายระดับชาติของเรา แต่ยังเสริมสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันของอาเซียนในการพัฒนาอย่างยั่งยืน”

การพัฒนา AEO8 เกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือจากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน (AMS) รวมทั้งการปรึกษาจากคณะทำงานด้านการวางแผนและนโยบาย ในระดับภูมิภาคอาเซียน (REPP-SSN) โดยต่อยอดจากรายงาน AEO7 เมื่อปี 2022  ที่จัดขึ้นในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

ซึ่งครั้งนี้ AEO8 มีการวิเคราะห์และคาดการณ์การใช้พลังงานในแต่ละภาคส่วนของอาเซียนที่ครอบคลุมมากขึ้น ตั้งแต่เรื่องของกระแสไฟฟ้าไปจนถึงประสิทธิภาพพลังงาน ตั้งแต่ปี 2022 ถึง 2050  เพื่อสอดรับกับความมุ่งมั่นของอาเซียนในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน

นายเบนิ เซอยาดิ รักษาการผู้อำนวยการ ACE กล่าวถึงความสำคัญของ AEO8 ว่า ศูนย์พลังงานอาเซียน (ACE) เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการพัฒนาความมั่นคงทางพลังงาน การเข้าถึง ความสามารถในการจ่าย และความยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน

การเปิดตัว AEO8 มีเป้าหมายในการนำเสนอการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับภูมิทัศน์พลังงานของอาเซียน และเป็นเอกสารสำคัญสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนในการสนับสนุนการดำเนินการ

ตามแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านพลังงานของอาเซียน (APAEC) เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานทั้งระดับประเทศและภูมิภาค ภายในปี 2050 ซึ่งจากข้อมูลของ AEO8 ความต้องการพลังงานในปี 2050 สูงขึ้นถึง 2.6 เท่าจากปี 2022

การเติบโตที่รวดเร็วนี้เน้นย้ำถึงภาวะเร่งด่วนในการประสานความร่วมมือของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเปลี่ยนไปสู่การเป็นแหล่งพลังงานที่สะอาดขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจและรองรับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคไว้ได้อีกด้วย

ด้วยความตระหนักถึงความต้องการพลังงานและสถานการณ์ที่หลากหลายของแต่ละประเทศ AEO8 ได้นำเสนอ 4 สถานการณ์ที่แตกต่างกันเพื่อการวิเคราะห์ภูมิทัศน์พลังงานของอาเซียนอย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น

ได้แก่ สถานการณ์พื้นฐาน (Baseline Scenario: BAS) สำรวจการดำเนินงาน โดยยึดด้านนโยบายการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและพลังงานหมุนเวียนเป็นจุดอ้างอิง, สถานการณ์เป้าหมายของประเทศสมาชิกอาเซียน (AMS Target Scenario: ATS) ที่เน้นย้ำถึงเป้าหมายและนโยบายระดับประเทศในปัจจุบัน

และศักยภาพการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายหากยังคงดำเนินกลยุทธ์เดิมต่อไป, สถานการณ์เป้าหมายระดับภูมิภาค (Regional Aspiration Scenario: RAS) เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนที่ต่ำที่สุดในภาคส่วนพลังงานไฟฟ้า โดยยังคงเป้าหมายของ APAEC ปี 2025 และมาตรฐานระดับภูมิภาคอื่น ๆ เท่าที่จะเป็นไปได้

และยังคงผลักดันต่อไปหลังปี 2025 และสุดท้าย สถานการณ์ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Scenario: CNS) เน้นความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพของเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามเป้าหมายของ APAEC ปี 2025

ภาคอุตสาหกรรมและการขนส่งยังคงมีอิทธิพลต่อการใช้พลังงานในอาเซียน จากที่ถ่านหินและผลิตภัณฑ์น้ำมันมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งคาดการณ์ว่า ความต้องการพลังงานจะเพิ่มขึ้น 2.6 เท่าจากปี 2022 ถึงปี 2050

ตามเป้าหมายปัจจุบันของ APAEC ภายใต้สถานการณ์เป้าหมายของประเทศสมาชิกอาเซียน (ATS) ภูมิภาคอาเซียนจะมีสัดส่วนแบ่งพลังงานหมุนเวียน (RE) ในกำลังการผลิตไฟฟ้า ที่ 39.6%  (สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้) และลดการใช้พลังงาน (EI) ลง 31% ภายในปี 2025 ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้

และภายในปี 2030 สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในแหล่งพลังงานหลักทั้งหมด (TPES) จะอยู่ที่ 23.5% ขณะที่ RE ในกำลังการผลิตไฟฟ้าจะสามารถเพิ่มเป็น 44.1% และการลดใช้พลังงาน EI จะเพิ่มขึ้นถึง 40.2%

การเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีต่อสถานการณ์พลังงานในอาเซียน เช่น สถานการณ์ความเป็นกลางทางคาร์บอน (CNS) คาดการณ์ว่าจะพลังงานนิวเคลียร์ พลังงานคลื่นและพลังงานน้ำขึ้นน้ำลง จะดำเนินการผลิตตั้งแต่ปี 2032 และ 2035 ตามลำดับ นอกจากนี้

ยังมีเชื้อเพลิงรูปแบบใหม่ที่กำลังเป็นที่ต้องการ เช่น ไฮโดรเจนและเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ซึ่งจะถูกจัดอยู่ในการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย(TFEC) ของภูมิภาคภายในปี 2023 และ 2025 ตามลำดับ

AEO8 เป็นรายงานสำคัญที่เสริมสร้างศักยภาพให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียน (AMS) ในการบรรลุความมั่นคงด้านพลังงาน การเข้าถึง ความสามารถในการแจกจ่าย

และมีความยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาค จากการวิเคราะห์และการคาดการณ์อย่างละเอียด AEO8 ช่วยให้ AMS สามารถรับมือกับความซับซ้อนของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานระดับโลก ขณะเดียวกันก็สามารถรับมือกับปัญหาระดับภูมิภาคได้อย่างดี

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer