แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเจ้าดังเปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 พร้อมประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ปี 2025 อีก 500 ล้านดอลลาร์ เนื่องมาจากปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจมีแนวโน้มดีขึ้น

Netflix เผยรายได้รวมและกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 4 บริษัทมียอดสมาชิกที่ชำระเงินทะลุ 300 ล้านบัญชีในไตรมาสนี้ ซึ่งเพิ่มมา 19 ล้านราย และหากรวมบัญชีสมาชิกทั้งหมดคาดว่าผู้ชมทั่วโลกจะเกิน 700 ล้านคนไปแล้ว

อีกทั้งหุ้นของ Netflix ยังพุ่งขึ้น 14% เน็ตฟลิกซ์เผยว่าการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากรายการคอนเทนต์ที่ปล่อยออกมาในไตรมาสสี่ ซึ่งได้รับผลตอบรับอย่างล้นหลาม ทั้งภาคต่อซีรีส์ Squid Game2, ภาพยนตร์ Carry On, การชกมวยระหว่าง Jake Paul กับ Mike Tyson ที่ทำลายสถิติ และการแข่งขัน National Football League ในวันคริสต์มาสที่มีการสตรีมสูงสุด 2 เกมในประวัติศาสตร์ ทำให้ยอดรับชมและยอดสมาชิกพุ่งถึงขีดสุด

ปิดจบปี 2024 ด้วยรายได้รวม 1.3 ล้านล้าน

ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 เน็ตฟลิกซ์มีรายได้รวมมากกว่า 10,250 ล้านดอลลาร์ หรือราว 347,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากประมาณ 8,800 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 16% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 10,100 ล้านดอลลาร์

ทำให้รายได้รวมประจำปีของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 39,000 ล้านดอลลาร์  ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท เป็นการเติบโตที่น่าประทับใจเมื่อเทียบเป็นรายปีตลอดทศวรรษที่ผ่านมา

ด้านกำไรเพิ่มขึ้น 102%  ในไตรมาสสุดท้ายมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามา 19 ล้านคน ทำให้ในปี 2024 เน็ตฟลิกซ์มีสมาชิกที่ชำระเงินทั่วโลก 302 ล้านคน

ภายหลังการแถลงผลประกอบการราคาหุ้นของเน็ตฟลิกซ์ยังพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์  หุ้นของบริษัทซื้อขายสูงขึ้นถึง 14% อยู่ที่ 999 ดอลลาร์ในการซื้อขายเมื่อวานนี้ (22 มกราคม 2025) แซงหน้าสถิติเดิมของหุ้นที่ราคา 941.75 ดอลลาร์ และราคาปิดตลาดปัจจุบันที่ 936.56 ดอลลาร์ (ทั้งสองรายการเป็นสถิติเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2024)

ในไตรมาสแรกเน็ตฟลิกซ์คาดว่าจะมีกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 5.7% ที่ 5.58 ดอลลาร์ต่อหุ้นจากยอดขาย 10,420 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน Netflix มีกำไร 5.28 ดอลลาร์ต่อหุ้นจากยอดขาย 9,400 ล้านดอลลาร์

สำหรับทั้งปี 2568 Netflix ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้เป็นช่วง 43,500-44,500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ครั้งก่อนประมาณ 500 ล้านดอลลาร์

รายได้ที่เพิ่มขึ้นของ Netflix มาจากฐานสมาชิกทั่วโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในแง่จำนวนสมาชิกหลักยังคงเป็นแถบยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ที่แซงหน้าสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

แม้ว่านักลงทุนจะกังวลเรื่องกระแสเงินสดที่เน็ตฟลิกซ์นำไปใช้ผลิต Original Content ตลอดหลายปีมานี้  แต่แผนการของ Netflix ที่จะตัดจำหน่ายคอนเทนต์ในระยะยาว ควบคู่ไปกับการสร้างรายได้จากแหล่งอื่น ๆ เช่น License จะช่วยรับประกันความสามารถในการทำกำไรในอนาคตของบริษัทได้

Original Content แหล่งรายได้ชั้นดีของเน็ตฟลิกซ์

คอนเทนต์ต้นฉบับของเน็ตฟลิกซ์หลายเรื่องได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชมทั่วโลก อาทิ Orange is the New Black, Black Mirror และ House of Cards ที่ครองใจสมาชิกมาอย่างยาวนาน แต่คอนเทนต์ใหม่ เช่น ซีรีส์ Bridgerton, Wednesday และ Stranger Things ก็ขึ้นมาเป็นพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนแพลตฟอร์มให้เป็นที่นิยมยิ่งขึ้นอีก

ไม่เพียงเท่านั้นซีรีส์โลคอลจจากฝั่งเกาหลีก็ยังเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงผู้ชมให้เข้ามาบนแพลตฟอร์ม ซึ่งในไตรมาสสี่ Squid Game2 ที่เป็นภาคต่อของซีรีส์ที่มีผู้รับชมมากที่สุดในโลก ได้ปล่อยซีซั่นสองออกมา ก็กวาดคำวิจารณ์เชิงบวกไปได้อย่างล้นหลามอีก

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมนำซีรีส์เรื่อง “Strangers Things” และ “Wednesday” สองเรื่องดังกลับมาฉายในปี 2025 นอกจากนี้ ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งยังเตรียมปล่อยคอลเลกชันภาพยนตร์ใหม่จากผู้กำกับและนักแสดงชั้นนำ อาทิ ภาพยนตร์เรื่อง “Knives Out” เรื่องที่ 3 ของ Daniel Craig และ Rian Johnson, โปรเจกต์ของ Russo Brothers ชื่อว่า “The Electric State” นำแสดงโดย Millie Bobby Brown, “Happy Gilmore 2” นำแสดงโดย Adam Sandler และ “Frankenstein” เวอร์ชันใหม่ของ Guillermo del Toro

ทั้งนี้ เน็ตฟลิกซ์ประกาศเตรียมปรับขึ้นราคาแพ็กเกจบริการสตรีมมิ่งบางรายการประมาณ 1-2 ดอลลาร์ต่อเดือน


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer