ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านไทย ปี 2025 มูลค่า 70,000 ล้านบาท แบรนด์จีนโหมตั้งโรงงานใหม่ตลอดปี ดันสงครามราคากลุ่มแมส-Mid to High เดือด ลุยขยายพอร์ตแอร์, ทีวี, เครื่องซักผ้า, ตู้เย็น เค้กก้อนใหญ่ในตลาด  

แบรนด์จีนโหมหนัก 

มุ่งชิงมาร์เก็ตแชร์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านไทย 70,000 ล้านบาท

แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าข้ามชาติจีน ไฮเออร์ ทีซีแอล ไมเดีย ไฮเซ่นส์
ปีที่แบรนด์เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทยด้วยตัวเอง 2002 2004 2016 2016
เป้ายอดขาย ปี 2025 14,000 ลบ. 10,000 ลบ. 3,800 ลบ. เพิ่มขึ้น 30% เทียบกับปีที่ผ่านมา
งบลงทุนจัดตั้งโรงงานใหม่ที่จะเริ่มการผลิต ปี 2025 13,000 ลบ. (สะสมต่อเนื่องจากปี 2024) อยู่ระหว่างการพิจารณาจากบริษัทแม่ 2,260 ลบ. จัดตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่แล้ว แต่บริษัทยังไม่มีการเปิดเผยงบลงทุน
ที่มา: Marketeer รวบรวม, ม.ค. 2025

ตลาดแอร์มีหนาว แบรนด์จีนโหมตั้งโรงงานผลิต

มูลค่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านไทย ปี 2025 ประเมินอยู่ที่ 70,000 ล้านบาท เติบโต 5% เป็นส่วนแบ่งแบรนด์จีนทุกรายรวมกัน ประมาณ 50% ส่วนอีกประมาณ 50% เป็นของแบรนด์ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้รวมกัน โดยมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 จะช่วยส่งเสริมให้ตลาดเติบโต 35% เฉพาะช่วงไตรมาส 1  

โดยหากนับเฉพาะตลาดแอร์ในไทย มูลค่า 34,000 ล้านบาท ถือเป็นตลาดที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ทั้งอัตราการเข้าถึงในภาคครัวเรือนซึ่งยังอยู่ที่ประมาณไม่ถึง 50% ทำให้เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง 

ซึ่งทิศทางตลาดแอร์กำลังก้าวเข้าสู่การแข่งขันที่รุนแรนมากขึ้น จากการโหมลงทุนของแบรนด์จีนในปี 2025 ที่ทยอยประกาศแผนงานจัดตั้งโรงงาน เพื่อขยายศักยภาพกำลังการผลิต และบริหารจัดการซัปพลายเชน สำหรับทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ 

ไม่ว่าจะเป็น ‘แบรนด์ไฮเออร์ (Haier)’ ที่ใช้เงินลงทุนสะสมต่อเนื่องจากปี 2024 มาถึงปีนี้ 13,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศแห่งใหม่ นับเป็นโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในโลก เริ่มการผลิตอย่างเป็นทางการเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งจะถือเป็นโรงงานแห่งที่ 2 ในไทย จากปัจจุบันมีฐานผลิตหลักในปราจีนบุรี ซึ่งใช้เป็นฐานส่งออกแอร์และตู้เย็นไปยังตลาดยุโรป สหรัฐอเมริกา แอฟริกา 

แบรนด์ไมเดีย (Midea)’ ประกาศลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตในประเทศแห่งใหม่ มูลค่าลงทุนสะสม 2,260 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จในช่วงกลางปีนี้ เพื่อรองรับการผลิตเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ โดยปัจจุบันบริษัทมีฐานการผลิตในไทยอยู่แล้วประมาณ 7 แห่ง

แบรนด์ไฮเซ่นส์ (Hisense)’ ประกาศเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานในประเทศไทยครั้งแรก เริ่มจากการผลิตแอร์ ไตรมาส 3/2025 ก่อนขยายไปสู่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ทั้งตู้เย็นและเครื่องซักผ้า 

โดยทำเลที่แบรนด์จากประเทศจีนเลือกลงทุนตั้งโรงงานส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เนื่องจากการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยจากข้อมูลของบีโอไอ สะท้อนการลงทุนในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2024 มีสถิติการใช้วัตถุดิบในโรงงาน รวม 1.13 ล้านล้านบาท

แบ่งเป็น วัตถุดิบจากต่างประเทศ 8.57 แสนล้านบาท และใช้วัตถุดิบจากในประเทศ ประมาณ 2.80 แสนล้านบาท รวมถึงมีสถิติการใช้แรงงานในระบบประมาณ 74,000 คน ทั้งหมดสะท้อนถึงอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยกำลังขยายตัว และยังมีส่วนมาจากเอฟเฟกต์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน จึงทำให้หลายแบรนด์เลือกมาลงทุนในไทย

โดยกลุ่มผู้นำในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านไทย เปิดเผยว่าสงครามราคามีอยู่ในกลุ่ม Mid to High มานานแล้ว ไม่ใช่แค่กลุ่มแมส แบรนด์เจ้าตลาดหลายรายก็ต้องมีการใช้กลยุทธ์การทำราคาเพื่อรักษามาร์เก็ตแชร์ โดยเฉพาะใน Major appliance อย่าง แอร์, ทีวี, เครื่องซักผ้า, ตู้เย็น ซึ่งเป็นกลุ่มขับเคลื่อนหลักของตลาด เนื่องจากแบรนด์จีนรายใหญ่ที่เข้ามาขยายการลงทุนและทำตลาดในไทยต่อเนื่อง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ถึงจุดหนึ่งแบรนด์ที่จะอยู่รอดในระยะยาวก็ต้องหาตำแหน่งของตัวเองให้เจอ

ขณะที่ภาพรวมการทำการตลาดของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจีนหลายแบรนด์ ในปี 2025 ก็ยังมุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์ ผ่านทั้งสื่อทีวี สื่อนอกบ้าน สื่อออนไลน์ รวมถึงสื่อหน้าร้าน ทั้งเน้นกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ทำกิจกรรมผ่านโซเชียลมีเดีย และสนับสนุนกีฬาต่าง ๆ มุ่งมั่นวางตำแหน่งตัวเองเป็นแบรนด์โกลบอลด้วยการร่วมเป็นสปอนเซอร์กีฬาระดับโลก ตลอดจนให้ความสำคัญกับการขยายช่องทางร้านค้าดีลเลอร์และโมเดิร์นเทรด และพัฒนาการรับประกันกับบริการหลังการขายให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer