Trend / ผลกระทบจากนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจและปกป้องอุตสาหกรรมหลัก ๆ ของประเทศ ด้วยการขึ้นกำแพงภาษีนำเข้ากำลังเป็นประเด็นใหญ่ที่ทั่วโลกจับตามองหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทว่านโยบายดังกล่าวกลับส่งผลดีกับธุรกิจใหญ่ที่เป็นหนึ่งในหัวหอก Soft Power ของเกาหลีใต้ สวนทางกับขาลงของอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องพึ่งพาสหรัฐฯ
12 กุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ JYP และ HYBE สองในสี่ค่ายเพลงใหญ่ของเกาหลีใต้ ซึ่งยังเป็นเบอร์ต้น ๆ ในการพาเพลง K-pop ตีตลาดโลก ในการซื้อ-ขายที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ พุ่งขึ้นไป 6.09% และ 3.15% ตามลำดับ ถือเป็นราคาที่เพิ่มขึ้นมากสุดของสองบริษัทช่วง 52 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่ราคาหุ้นของ SM และ YG อีกสองค่ายเพลง K-pop ใหญ่ที่เหลือ ก็เพิ่มขึ้นมากสุดในรอบหลายสัปดาห์เช่นกัน
ขาขึ้นดังกล่าวมีที่มาน่าสนใจ โดยสื่อเกาหลีใต้วิเคราะห์ว่า เกิดจากหลายปัจจัยประกอบกัน
ปัจจัยแรกคือ บรรดานักลงทุนเห็นว่า ปี 2025 ค่ายเพลงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยสุดในยุคที่อุตสาหกรรมเหล็กเกาหลีใต้น่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก และการส่งออกเหล็กไปสหรัฐฯ คงจะลดลงอย่างมาก จากการเพิ่มกำแพงภาษีนำเข้าเหล็กของสหรัฐฯ เป็น 25%
จนทำให้ Posco หนึ่งในบริษัทเหล็กรายใหญ่ของเกาหลีใต้ต้องจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมแผนฝ่าวิกฤต ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้ที่นำโดยรักษาการประธานาธิบดี ชอย ซัง-ม็อก กำลังหาทางรับมือ และเตรียมมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ
ปัจจัยต่อมาคือเพลง K-pop ยังคงได้รับความนิยมในตลาดโลก คู่ขนานไป Soft Power ของเกาหลีใต้ด้านอื่น ๆ เช่น K-content อย่างหนังและซีรีส์ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าปี 2025 วงการ K-pop น่าจะกลับมาคึกคัก

เพราะวงดัง ๆ อย่าง BTS ก็ทยอยออกเพลงใหม่ ๆ หลังสมาชิกในวงเสร็จสิ้นการเกณฑ์ทหาร ส่วน BlackPink นอกจากสมาชิกทั้ง 4 ออกผลงานเดี่ยว ทั้งเพลงและซีรีส์ในเวลาไล่เลี่ยกันแล้ว ช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ก็จะกลับมารวมวงเพื่อทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกอีกด้วย
อีกปัจจัยที่ส่งให้สถานการณ์วงการเพลง K-pop ตลอดปี 2025 กลับมาสดใส อันจะส่งผลดีต่อหุ้นค่ายเพลง K-pop ด้วย คือ การฟื้นตัวของเพลง K-pop ในจีน ซึ่งประกอบไปด้วย ยอดสตรีมเพลง ซีดี ของที่ระลึกต่าง ๆ ไปจนถึงคอนเสิร์ต หลังรัฐบาลจีนลดมาตรการปิดกั้นกับเพลง K-pop มาตั้งแต่ปี 2023 ควบคู่ไปการอนุญาตให้ชาวเกาหลีใต้เข้าประเทศได้แบบฟรีวีซ่า
หากไม่มีปัจจัยลบอะไรมาฉุดวงการเพลง K-pop นี่จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ เพราะตัวเลขเมื่อปี 2023 ระบุว่า K-pop ทำเงินเข้าประเทศให้เกาหลีใต้สูงถึง 900 ล้านดอลลาร์ (ราว 30,000 ล้านบาท)
สำหรับเกาหลีใต้ ถือเป็นแหล่งนำเข้าเหล็กสำคัญของสหรัฐฯ โดยใหญ่เป็นอันดับ 4 รองจาก แคนาดา บราซิล และเม็กซิโก ซึ่งการที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีเหล็กนอกจากเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศแล้ว สหรัฐฯ ยังมีจุดประสงค์เพื่อบีบให้เกาหลีใต้มาเจรจาการค้าในประเด็นที่ฝ่ายตนเสียเปรียบอยู่ด้วย
ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามต่อจากนี้คือ วงการเพลง K-pop จะคึกคักอีกมากน้อยแค่ไหน มาตรการตอบโต้ที่เกาหลีใต้จะนำมาใช้กับสหรัฐฯ และสหรัฐฯ จะกดดันเกาหลีใต้ต่อด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าประเภทอื่นอีกหรือไม่
ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า รถยนต์และเซมิคอนดักเตอร์ อาจเป็นสินค้าเกาหลีใต้อย่างต่อไปที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งหากเป็นจริง จะส่งผลพอสมควรกับเศรษฐกิจเกาหลีใต้ เพราะเมื่อรวมกันแล้ว รถยนต์กับเซมิคอนดักเตอร์คิดเป็น 40% ของสัดส่วนการส่งออกของเกาหลีใต้ไปยังสหรัฐฯ
ขณะที่รักษาการประธานาธิบดี ชอย ซัง-ม็อก ก็ยอมรับว่า ความผันผวนของการค้าโลกกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการส่งออกของเกาหลีใต้/ theguardian, koreaherald
–
