บ้านปู 2568 ตั้งเป้ารายได้ใกล้เคียงปีที่แล้วและพลิกกลับมาทำกำไร ขับเคลื่อนธุรกิจผ่านกลยุทธ์ ‘Energy Symphonics’ เน้นสร้างกระแสเงินสด ประเมินธุรกิจของบริษัทยังมีศักยภาพ เพราะเป็นธุรกิจให้พลังงานดั้งเดิม และทิศทางใช้พลังงานขยายตัว Data Center เอฟเฟกต์ใหญ่ ทั้งต้องติดตามผลกระทบจากนโยบายอย่างใกล้ชิด

คุณสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการปี 2567 บริษัทรายงานรายได้จากการขายรวม 5,148 ล้านดอลลาร์ (* ประมาณ 181,549 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 1,330 ล้านดอลลาร์ (* ประมาณ 46,970 ล้านบาท) กำไรจากการดำเนินงาน 83.3 ล้านดอลลาร์ (* ประมาณ 2,964 ล้านบาท)
และผลขาดทุนสุทธิ 23.67 ล้านดอลลาร์ (* ประมาณ 682.42 ล้านบาท) ซึ่งเป็นผลกระทบจากการด้อยค่าเงินลงทุนจากการขายสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้านาโกโซ ในประเทศญี่ปุ่น และการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินบาท
ในปี 2568 บริษัทวางแผนการดำเนินงานที่ตอกย้ำความพร้อมรับมือเทรนด์โลก เน้นสร้างกระแสเงินสด สร้างโอกาสเติบโตในแต่ละกลุ่มธุรกิจด้วยกลยุทธ์ ‘Energy Symphonics’ ผ่าน 4 แนวทาง ประกอบด้วย
1. การดำเนินงานและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ช่วยเพิ่มกระแสเงินสดและมูลค่าของธุรกิจ เช่น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI และการลดต้นทุนในธุรกิจเหมือง
2. การบริหารโครงสร้างเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรักษาระดับหนี้และทุนให้อยู่ในระดับเหมาะสมกับการเติบโตและผลประกอบการที่ดี
3. การบริหารพอร์ตโฟลิโอเชิงกลยุทธ์ โดยเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่จะมาสร้างคุณค่าให้บริษัทในระยะยาว เช่น การสร้างการเติบโตของธุรกิจที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าของก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ
4. การบริหารจัดสรรเงินทุนอย่างมีวินัย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทและผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น
นอกจาก 4 แนวทางข้างต้น ในปี 2568 แต่ละธุรกิจเรือธง บริษัทจะให้ความสำคัญต่อการดำเนินตามแผน โดยธุรกิจก๊าซธรรมชาติจะสร้างการเติบโตเชิงกลยุทธ์ทั้งธุรกิจต้นน้ำและกลางน้ำ จัดสรรเงินลงทุนอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ราคาก๊าซ
ธุรกิจเหมือง มุ่งผสาน AI และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดคาร์บอนผ่านการใช้พลังงานหมุนเวียนและระบบการจัดการอัจฉริยะ
ธุรกิจไฟฟ้า ตั้งเป้าลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมอีก 1,500 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะในประเทศยุทธศาสตร์ และ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงาน เน้นลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่จะเสริมการทำงานระหว่างระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) และซอฟต์แวร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อสนับสนุนให้พลังงานหมุนเวียนมีความต่อเนื่องยิ่งขึ้น
สำหรับงบลงทุนปี 2568 บริษัทประเมินตามกระแสการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อทิศทางด้านพลังงานของโลกอย่างรอบด้าน รวมถึงนโยบายและแผนพลังงานในประเทศยุทธศาสตร์
ในปีนี้ บริษัทมุ่งเน้นการจัดสรรเงินทุนไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและการปรับโครงสร้างอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอย่างสมดุลที่สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยตั้งงบลงทุนไว้ 500 ล้านดอลลาร์ (* ประมาณ 17,647 ล้านบาท) แบ่งเป็น 60% ลงทุนในธุรกิจก๊าซและไฟฟ้า 20% พลังงานหมุนเวียน และ 20% เป็นธุรกิจเหมืองแร่ใหม่
จากแผนการดำเนินงานปี 2568 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตหรือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และจะพลิกกลับมาทำกำไร จากการประเมินการขยายตัวของทุกธุรกิจและจะไม่ตั้งด้อยค่าสินทรัพย์อีก
บริษัทยังมองหาโอกาสลงทุนเหมืองแร่แห่งใหม่นอกเหนือจากเหมืองถ่านหิน โดยโฟกัสเหมืองแร่นิกเกิลในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นแร่สำหรับพลังงานสะอาดทั้งหมด หลังจากดีมานด์และซัปพลายสมดุล และราคานิกเกิลปรับตัวลดลงแล้ว บริษัทจึงเล็งเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน
ส่วนธุรกิจเหมืองแร่ถ่านหินในปี 2568 จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นในเหมืองที่อินโดนีเซียและออสเตรเลีย ขณะที่เหมืองในจีนยังทรงตัว โดยคาดว่ายอดขายถ่านหินปีนี้จะอยู่ 45 ล้านตัน ขณะที่ตั้งเป้าลดต้นทุนถ่านหินให้ได้ 1.5 ดอลลาร์ (* ประมาณ 52.94 ล้านบาท) ต่อตัน ผ่านการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาปรับใช้ ขณะที่ทิศทางไตรมาส 1 ปี 2568 ราคาถ่านหินลดลงเนื่องจากมีการสต๊อกถ่านหิน แต่คาดว่าจะดีขึ้นในไตรมาส 2 ปี 2568

โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ
คุณสินนท์ กล่าวปิดท้าย สถานการณ์การค้าในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ดำเนินธุรกิจสำคัญของบริษัท โดยปัจจุบันมีการลงทุนกลุ่มธุรกิจก๊าซ กำลังการผลิต 830 ล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติต่อวัน และมีปริมาณก๊าซสำรอง 5.2 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งลงทุนธุรกิจไฟฟ้า กำลังการผลิต 1,525 เมกะวัตต์เทียบเท่า ทำให้บริษัทต้องติดตามนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าธุรกิจในสหรัฐฯ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีโอกาส เพราะบริษัทอยู่ในฐานะผู้ให้บริการพลังงานดั้งเดิม ดังนั้น สิ่งสำคัญจะต้องดูผลกระทบจากนโยบายในพื้นที่ยุทธศาสตร์อย่างใกล้ชิด
ทั้งจากทิศทางการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนใน Data Center ที่ขยายตัวสูงจะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจของ บ้านปู เติบโตได้ดี ซึ่งทิศทางความต้องการใช้พลังงาน โดยเฉพาะสหรัฐฯ ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
* คำนวณโดยอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยปี 2567 ที่ USD 1: THB 35.2936
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
