ASUS จากผู้ขายนวัตกรรม สู่ ผู้นำประสบการณ์ชีวิตยุคใหม่ ด้วยวิสัยทัศน์ Ubiquitous AI

ในโลกที่เทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่งแม้เพียงเสี้ยววินาที ASUS” (เอซุส) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ IT ของโลก ไม่ได้มุ่งแค่การพัฒนานวัตกรรมที่แรงที่สุดหรือสเปกที่ดีที่สุดเพื่อประชันกันในสมรภูมิฮาร์ดแวร์

แต่กำลังขยับบทบาทจาก “ผู้ผลิต” สู่ “ผู้มอบประสบการณ์” ที่ทำให้เทคโนโลยีเป็นเรื่องใกล้ตัว และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนอย่างแท้จริง ภายใต้กรอบความเชื่อที่ว่า “เทคโนโลยีจะทรงพลังที่สุดก็ต่อเมื่อมันสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงของผู้คนได้อย่างกลมกลืน”

ล่าสุด ASUS เดินหน้านำเสนอนวัตกรรมในงาน Computex 2025 โดยชูกลยุทธ์ Ubiquitous AI. Incredible Possibilities” หรือ AI ที่มีอยู่ทุกที่” พร้อมนำเสนอโซลูชัน AI ครบวงจรสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มความสะดวกสบาย โดยใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อปรับกระบวนการทำงานประจำวันให้มีประสิทธิภาพ ปรับไลฟ์สไตล์ให้สมาร์ทยิ่งกว่าเดิม

กลยุทธ์นี้ไม่ใช่เพียงธีมประจำปี แต่คือทิศทางระยะยาวที่ASUSมุ่งมั่นจะเดินหน้าอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าให้เทคโนโลยี AI ไม่เพียงเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ แต่กลายเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ของไลฟ์สไตล์ผู้คนที่จับต้องได้จริง และเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างกลมกลืน และเข้าใจผู้ใช้ในระดับลึกซึ้ง

“เราต้องการให้ AI เป็นผู้ช่วยที่อยู่ใกล้ชิด ไม่ใช่เทคโนโลยีที่ซับซ้อนหรือห่างไกลอีกต่อไป” คุณวิจิตรา หิรัญญการ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจคอนซูเมอร์ บริษัท เอซุส (ประเทศไทย) จำกัด ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ผ่านบทสัมภาษณ์พิเศษกับ Marketeer พร้อมเล่าถึงเบื้องหลังการพัฒนาASUS AI PC ที่มายกระดับประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ทุกคนในทุกมิติ

Ubiquitous AI” วิสัยทัศน์ใหญ่ ที่เริ่มจากจุดเล็กใกล้ตัว

“Ubiquitous AI” ในมุมมองของASUSไม่ได้หมายถึง AI ที่มีอยู่ทุกที่ในแง่เทคนิค แต่คือ AI ที่มีอยู่ทุกที่ในทุกจังหวะของชีวิต ตั้งแต่การตื่นเช้าเพื่อทำงาน ประชุมออนไลน์ เรียนรู้สิ่งใหม่ งานสร้างสรรค์ ไปจนถึงการพักผ่อน และเกิดขึ้น “อย่างแนบเนียน” ในวิถีชีวิตปกติ ไม่ใช่เพียงแค่เป็นฟีเจอร์ล้ำ ๆ ที่ซ่อนอยู่ในเมนูคอมพิวเตอร์

ASUSไม่หยุดแค่การพัฒนาฮาร์ดแวร์ที่แรงและเร็ว แต่กลับไปเริ่มต้นจากการตั้งคำถามว่า AI จะเข้ามาช่วยชีวิตผู้ใช้อย่างไรได้จริงและนำมาต่อยอดพัฒนานวัตกรรมที่เข้ามาเสริมพลังให้กับผู้คนในทุกมิติการใช้ชีวิต นำไปสู่โซลูชัน AI ที่ครอบคลุม ตั้งแต่โน้ตบุ๊ก AI PC อย่าง Zenbook และ Vivobook ที่มาพร้อม Copilot+ PCs และชิปประมวลผลจาก AMD, Intel และ Qualcomm เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์ AI ได้จริง ผ่านฟีเจอร์ต่าง ๆ

อาทิ Recall ระบบค้นหาไฟล์แบบย้อนอดีต ที่เพียงพิมพ์สิ่งที่จำได้คร่าว ๆ เช่น ‘สรุปประชุมสัปดาห์ก่อน’ ระบบก็จะดึงไฟล์หรือหน้าจอที่เกี่ยวข้องกลับมาให้เห็นชัดแบบเรียลไทม์ หรือการใช้ Generative Fill & Erase เพื่อเพิ่มหรือลบองค์ประกอบของภาพได้ทันที หรือผู้ช่วยอย่าง OMNI ที่สรุปเอกสาร ถอดเสียง และประมวลผลข้อมูลได้แม้ในโหมดออฟไลน์”

คุณวิจิตรา ยังเสริมอีกว่า ASUS ยังได้จับมือกับพาร์ตเนอร์อย่าง Intel สร้างแพลตฟอร์ม AI Playground” และแอปพลิเคชันใหม่ ๆ เพื่อให้ AI กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้จริง ทั้งในระดับผู้เรียน มืออาชีพ หรือองค์กรขนาดใหญ่ นี่คือความตั้งใจของ ASUS ที่จะเปลี่ยน “เทคโนโลยีแห่งอนาคต” ให้กลายเป็น “ไลฟ์สไตล์แห่งปัจจุบัน”


จากผู้ขายนวัตกรรม สู่ “ผู้แนะนำไลฟ์สไตล์ใหม่”
เปลี่ยน Pain Point เป็น Smart Experience ด้วย AI

เบื้องหลังนวัตกรรมของ ASUS ไม่ได้เกิดจากแค่แนวคิดในห้องแล็บ แต่เริ่มจากการเก็บ Insight ของผู้ใช้งานจริงอย่างต่อเนื่อง เพราะ ASUS เชื่อว่าจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีที่ดี ไม่ใช่ที่ห้องประชุม แต่คือ “ความต้องการของผู้ใช้”

“อย่างที่กล่าวไปว่า ASUS เชื่อว่าเทคโนโลยีจะทรงพลังที่สุดก็ต่อเมื่อมันสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงของผู้คนได้อย่างกลมกลืน นั่นคือเหตุผลที่เรานำแนวคิด ‘AI as a lifestyle’ มาต่อยอดอย่างครบวงจร ดังนั้นการคิดค้นนวัตกรรมทุกอย่างของ ASUS ล้วนเริ่มต้นจากชีวิตจริงและเชื่อมโยงด้วย Insight ของผู้ใช้จริง ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่รองรับ AI แต่คือ ‘เปิดประตูให้ทุกคนได้ใช้งาน AI จริงในทุกวัน แม้ในขณะออฟไลน์ก็ตาม เพื่อให้ผู้ใช้ทุกกลุ่มสัมผัสประสบการณ์ AI ได้จริง โดยไม่ต้องเข้าใจศัพท์เทคนิคใด ๆ

หลายคนอาจยังสงสัยว่า AI PC ต่างจากคอมพิวเตอร์ที่เราใช้อยู่ทุกวันตรงไหน คำตอบคือ อยู่ที่หัวใจของเครื่องหรือที่เรียกว่า ‘NPU’ (Neural Processing Unit) ซึ่งทำให้เครื่องสามารถประมวลผล AI ได้แบบออฟไลน์ ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คือการที่คุณสั่งให้เครื่องช่วยประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูล หรือสรุปประชุมได้ทันที โดยไม่ต้องส่งข้อมูลขึ้น Cloud ก่อน ทำให้ทั้งปลอดภัยและรวดเร็วยิ่งขึ้นมาก ๆ”

ยกตัวอย่าง Pain Point ที่ชัดเจนคือ “ข้อมูลล้นเกิน เวลาไม่พอ และความไม่แน่นอน” ASUS จึงพัฒนาฟีเจอร์ AI ที่เปลี่ยนความยุ่งยากเหล่านี้ให้กลายเป็นประสบการณ์ที่ชาญฉลาดขึ้น เช่น Recall ที่ช่วยค้นหาสิ่งที่เคยเปิดใช้ StoryCube ที่จัดการคลังภาพอย่างอัจฉริยะ AI Noise Cancelling ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนรอบด้าน รองรับการทำงานแบบ Hybrid ที่กลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ในปัจจุบัน หรือ AI Camera ที่จัดเฟรมอัตโนมัติและช่วยสร้าง eye contact ในการประชุมออนไลน์

นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์อย่าง ASUS Intelligent Cooling และ Intelligent Power Management ที่ AI จะเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานเพื่อปรับพัดลมและพลังงานอัตโนมัติ ทำให้เครื่องเงียบ เย็น และใช้งานได้ยาวนานขึ้น ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การเพิ่มลูกเล่น แต่คือการ “แก้ปัญหาที่ผู้ใช้เผชิญอยู่จริง”

ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้สำคัญมากในยุคที่ความเร็วและความเป็นส่วนตัวกลายเป็นปัจจัยหลักของการทำงาน ทั้งกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป นักธุรกิจ ครีเอเตอร์ ไปจนถึงเกมเมอร์ ล้วนได้รับประโยชน์จากความสามารถของ AI PC ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ ความประหยัดพลังงาน ความปลอดภัย และประสบการณ์การใช้งานที่ “สมาร์ทขึ้น” ในทุกมิติ

นี่คือการสะท้อนทิศทางการขับเคลื่อนของ ASUS ว่ากำลังเดินหน้าเปลี่ยนบทบาทจากผู้ขายนวัตกรรมมาเป็น “ผู้แนะนำไลฟ์สไตล์ใหม่” อย่างสมบูรณ์ ผ่านการนำแนวคิด AI as a lifestyle” มาต่อยอดทั้งในมุมของผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การตลาด เพื่อสื่อสารว่าผลิตภัณฑ์ ASUS ช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้เร็วขึ้น ใช้ชีวิตได้ฉลาดขึ้น และมีสมดุลมากขึ้น เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานอย่างต่อเนื่อง

Product Development ของ ASUS จะคำนึงถึงประสบการณ์การใช้งานโดยรวมเป็นที่ตั้ง โดยเริ่มจากคำถามว่า ‘ผู้ใช้ต้องการอะไร’ มากกว่าการเริ่มจากคำว่า ‘สเปกแรงแค่ไหน’ ซึ่งนอกจากนวัตกรรม AI อย่าง Copilot+ ที่อยู่ในเครื่องแล้ว

เรายังให้ความสำคัญกับเรื่องของน้ำหนักที่เบา พกพาสะดวก การเลือกใช้วัสดุ Ceraluminum™ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนต่อรอยขีดข่วน และน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ช่วยให้ผู้ใช้พกพาอุปกรณ์ได้สะดวกในทุกสถานการณ์ เพราะเราต้องการให้ผู้ใช้รู้สึกว่า โน้ตบุ๊ก ASUS เป็นทั้งเครื่องมือทำงาน และเป็นส่วนหนึ่งของทุกจังหวะชีวิต”

พร้อมสื่อสารง่ายให้คน “เข้าใจ” ไม่ใช่แค่ “ว้าว”

“AI ที่ดี ไม่ใช่ AI ที่พูดให้ตื่นเต้น แต่ต้องเป็น AI ที่คนใช้ได้เลยตั้งแต่วันแรก นี่ไม่ใช่แค่เรื่องผลิตภัณฑ์ ดังนั้นเราต้องเล่าให้คนเข้าใจง่าย ละเอียด และชัดเจน” คุณวิจิตรา กล่าวถึงแนวทางการสื่อสารถึงเทคโนโลยี AI ไปสู่ผู้บริโภค ที่ ASUS เลือกใช้ “วิถีที่เข้าใจง่าย” มากกว่าการขายด้วยศัพท์เทคนิค ผ่านการนำเสนอจากพฤติกรรมการใช้งานจริง

“เราพยายามให้ข้อมูล Educate ผู้ใช้งานถึงความสำคัญและประโยชน์ของ AI PC ทั้งในแง่ของการประหยัดพลังงาน ประมวลผล AI ได้รวดเร็วขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น ตลอดจนประโยชน์ของ AI ในการทำงานที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบเรียลไทม์และมอบความเป็นส่วนตัวที่เหนือกว่า และปลอดภัยยิ่งขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น ยังจัดการงานซับซ้อนได้ง่ายขึ้น เสริมสร้างการทำงาน วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว คาดเดาแนวโน้มตลาด ให้ข้อมูลเชิงลึก เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเราจึงอยากให้ลูกค้ามีพื้นที่ทดลองด้วยตัวเอง เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง จึงเป็นที่มาของการเดินหน้าเปิด ASUS Exclusive Store ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

ASUS Exclusive Store” ไม่ใช่แค่หน้าร้านขายสินค้า แต่คืออีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของ ASUS ที่จะมอบ “ประสบการณ์การใช้งานจริง” ให้กับผู้บริโภคได้ลองสัมผัสนวัตกรรมจาก ASUS อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ในระดับ Entry ไปจนถึงรุ่น Hi-End ที่ไม่ได้มีไว้ให้มอง แต่สามารถทดลองได้จริง

“เพราะเรามองว่า เทคโนโลยีจะเข้าถึงคนได้ดีที่สุด ก็ต่อเมื่อเขาได้สัมผัสมันจริง ๆ ได้ลองจับ ได้ลองใช้งาน ได้เปิด AI ฟีเจอร์ด้วยตัวเอง ได้เห็นว่าสิ่งที่เรียกว่า AI มันไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นแบบจับต้องได้ และทั้งหมดนี้ก็คือหัวใจของASUS Exclusive Store ที่เราอยากให้เป็นพื้นที่ของ ‘ประสบการณ์’ มากกว่าการขาย

ในปีนี้เราตั้งเป้าเปิดร้านASUS Exclusive Store ให้ครบ 16 สาขาทั่วประเทศ ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทุกภูมิภาค เราอยากให้ผู้บริโภคทุกคน เราอยากให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีที่ ASUS ตั้งใจพัฒนาออกมาในทุกเซกเมนต์ ทุกไลฟ์สไตล์

โดยเฉพาะกลุ่ม AI PC ที่เราจะจัดโซนพิเศษให้ลูกค้าได้ทดลองใช้งานอย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อว่า พอเขาได้เห็น ได้ลองจริง จะรู้ว่า เทคโนโลยีเหล่านี้ มันจับต้องได้ มันอยู่ใกล้กว่าที่คิด และพร้อมเป็นผู้ช่วยที่ใช้งานได้จริงในทุกวัน”

First Mover “กล้านำ ไม่รอตาม”

หากมีสิ่งใดที่นิยามตัวตนของASUSได้อย่างชัดเจนในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงทุกวัน นั่นคือ “ความกล้านำ” ไม่ใช่แค่การผลิตสินค้าไอที แต่คือการกล้าพาเทคโนโลยีใหม่เข้าสู่ตลาดไทยเป็นรายแรกเสมอ

“ที่ผ่านมา เราเป็นแบรนด์แรกที่นำเทคโนโลยีอย่างจอ OLED, ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุด หรือแม้แต่ AI PC อย่าง Copilot+ เข้ามาทำตลาดในไทย เราไม่ได้รอให้ตลาดเรียกร้องก่อน แล้วค่อยตอบสนอง แต่เรากล้าที่จะเป็นคนเริ่ม เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสเทคโนโลยีใหม่ก่อนใคร”

แนวทางนี้ ไม่ได้สะท้อนแค่ความเป็น First Mover แต่ยังตอกย้ำบทบาทของASUSในฐานะแบรนด์ที่ “เชื่อมั่นในศักยภาพของผู้บริโภคไทย” ว่าพร้อมเปิดรับสิ่งใหม่มากกว่าที่หลายคนคาด สิ่งที่นำเสนอจึงไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่ล้ำ แต่คือ “ความหลากหลายที่มีความหมาย” เพราะทุกกลุ่มผู้ใช้ล้วนมีความต้องการที่ต่างกัน และเชื่อว่าทุกคนควรได้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในแบบของตัวเอง

“เราพร้อมตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาด AI PC อย่างเต็มรูปแบบ โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่ม ตั้งแต่เครื่องใช้งานประจำวันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่มองหาความคุ้มค่า โน้ตบุ๊ก Vivobook ที่พร้อมรองรับทั้งเรื่องเรียนและบันเทิงเพื่อไลฟ์สไตล์นักเรียน-นักศึกษา

Zenbook สำหรับสายพรีเมียมที่ต้องการดีไซน์หรูหราและบางเบา และสำหรับเกมเมอร์ตัวจริง เรามีทั้ง TUF ที่เน้นความคุ้มค่า และ ROG ที่เป็นที่สุดของนวัตกรรม

ขณะที่กลุ่ม Creator และมืออาชีพ เราก็มี ProArt ที่ออกแบบมาเพื่อการสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ตลอดจน Desktop และ AiO สำหรับครอบครัวและสำนักงาน ทุกผลิตภัณฑ์ของASUSจึงไม่ได้สร้างมาเพื่อโชว์นวัตกรรมเท่านั้น แต่เพื่อตอบโจทย์ในชีวิตจริงของคนทุกกลุ่ม”

คุณวิจิตรายังเสริมอีกว่า เร็ว ๆ นี้ผู้บริโภคจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ใช่แค่แรงขึ้น แต่ยัง “ฉลาดขึ้น ใช้ง่ายขึ้น และเข้าใจผู้ใช้มากขึ้น” โดยเฉพาะในเรื่องของ AI Experience ที่ฉลาดและลึกยิ่งขึ้น พร้อมดีไซน์ที่ใช้งานง่าย และวัสดุที่พรีเมียม ซึ่งทั้งสวยงาม แข็งแรง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางของASUSในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างมีเป้าหมาย เพื่อให้เทคโนโลยีล้ำหน้า กลายเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนเข้าถึงได้จริง

Service ที่ไม่ใช่แค่บริการ แต่คือคำสัญญาจากแบรนด์

ประสบการณ์ใช้งานที่ดี เริ่มต้นตั้งแต่ “ก่อนซื้อ” และไม่ควรจบลงที่ “หลังซื้อ” นั่นคือเหตุผลที่ASUSยก “บริการหลังการขาย” ให้เป็นอีกหนึ่งเสาหลักของกลยุทธ์แบรนด์

ASUSถือเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่ให้บริการ Onsite Service นานถึง 3 ปี โดยเฉพาะในกลุ่มโน้ตบุ๊กพรีเมียมและ Desktop, AiO ที่ผู้ใช้ไม่สะดวกขนเครื่องไปที่ศูนย์บริการ พร้อมประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปี และสามารถซื้อเพิ่มได้ในราคาพิเศษ ถือเป็นการตอบโจทย์ Insight ของผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และครอบคลุมจากต้นจนจบ

“เพราะเราเข้าใจดีว่าอุบัติเหตุไม่ได้เลือกเวลาเกิด บางทีลูกค้าทำเครื่องตกแค่สัปดาห์เดียวหลังซื้อ แต่มูลค่าความเสียหายอาจสูงถึงหลักหมื่น การมีประกันไว้จึงช่วยให้ลูกค้าอุ่นใจมากขึ้น เราเลยเพิ่มประกันอุบัติเหตุให้เลย 1 ปี และสามารถซื้อเพิ่มได้ ซึ่งนี่มากจากเสียงสะท้อนของผู้บริโภคจริง ๆ ทุกอย่างเริ่มต้นจาก Pain Point ของผู้ใช้ล้วน ๆ และเราจะไม่หยุดพัฒนาบริการเพื่อให้สอดรับกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของพวกเขา”

ยั่งยืนอย่างมีดีไซน์: เมื่อการดูแลโลกเริ่มจากกล่อง

เบื้องหลังดีไซน์ที่หลายคนหลงรักของASUSยังมีอีกหนึ่งภารกิจใหญ่ที่แบรนด์ยึดมั่น นั่นคือ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงคำสวยหรูในรายงานองค์กร แต่คือแนวปฏิบัติจริงที่เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลในสัดส่วนที่มากขึ้น และตั้งเป้าหมายว่าในปี 2025 ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ASUSจะใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ 100%

เราให้ความสำคัญกับ ความยั่งยืน โดยคัดสรรวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มความสามารถในการรีไซเคิล เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเราไม่เพียงแต่ฉลาดขึ้นด้วย AI แต่ยังมีส่วนช่วยดูแลโลกใบนี้ควบคู่กันไปด้วย

นอกจากนี้ยังตั้งเป้ารีไซเคิลผลิตภัณฑ์ASUSทั่วโลกให้ได้อย่างน้อย 20% รวมถึงเพิ่มการใช้ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้ 100% ภายในปี 2025”

ที่น่าชื่นชมไปกว่านั้นคือแนวคิด “กล่องที่ไม่ใช่แค่กล่อง” เพราะASUSออกแบบ Packaging ให้สามารถดัดแปลงเป็นแท่นวางโน้ตบุ๊ก หรือใช้งานซ้ำในรูปแบบอื่นได้ แทนที่จะกลายเป็นขยะหลังแกะสินค้า นี่คือความพิเศษที่ต่อยอดจาก “การรักษ์โลก” สู่ “ประโยชน์ที่จับต้องได้” สำหรับผู้ใช้จริง

“ที่ยึดตัวโน้ตบุ๊กในกล่องบรรจุภัณฑ์สามารถนำมาประกอบเป็นขาตั้งสำหรับวางตัวเครื่อง เพื่อยกตัวโน้ตบุ๊กให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นตามหลัก Ergonomics วัสดุในกล่องบรรจุภัณฑ์นั้นยังผลิตมาจากเยื่อกระดาษรีไซเคิล ช่วยลดการใช้พลาสติกอีกด้วย”

เบื้องหลังความใส่ใจนี้ คือทีม ASUS Design Center หน่วยงานเฉพาะที่มุ่งพัฒนาการออกแบบทั้งตัวเครื่องและบรรจุภัณฑ์ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ซึ่งแตกต่างจากหลายแบรนด์ที่หยุดอยู่แค่การใช้วัสดุรีไซเคิล แต่ASUSกลับมองลึกลงไปถึงการ “สร้างประโยชน์ซ้ำ” และ “ต่อยอดการใช้งาน” ในทุกดีไซน์ เพราะการดูแลโลก ไม่ควรจบแค่ตอนเปิดกล่อง แต่ควรเริ่มต้นจากตรงนั้นต่างหาก

 ทั้งหมดคือ “แนวคิด” และ “ความตั้งใจ” ของASUSผู้นำนวัตกรรมที่ขยับสถานะตัวเองสู่ “แบรนด์เทคโนโลยีที่เข้าใจผู้คน” อย่างแท้จริง จากการพัฒนา AI PC ที่ไม่ใช่แค่แรง แต่ต้องฉลาด จากบริการหลังการขายที่ไม่ใช่แค่การซ่อม แต่คือการดูแลชีวิตผู้ใช้ จากกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ใช่แค่กล่อง แต่คือจุดเริ่มต้นของความยั่งยืน ทุกองค์ประกอบล้วนสื่อสารไปในทิศทางเดียวกัน

ASUS ไม่ได้สร้างเทคโนโลยีเพื่อแข่งขัน แต่เพื่อ ทำให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้นกว่าเมื่อวาน และในวันที่เทคโนโลยีอยู่ทุกที่ASUSกำลังพิสูจน์ว่า สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่นำ AI เข้ามาในชีวิตคน แต่คือการ ออกแบบประสบการณ์ทั้งหมดให้ “มนุษย์” อยู่ตรงกลางของการเปลี่ยนแปลง เพราะการเข้าใจผู้ใช้งานคือ “อนาคตที่แท้จริง” ของเทคโนโลยี

 

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer