เถ้าแก่น้อย เปิดเส้นทาง Snack ไทยบนชั้น Walmart สู่บททดสอบภาษี 36% จะรอดหรือร่วงในตลาดอเมริกา ?
อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ CEO บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เคยบอกไว้ว่า “ถ้าคิดจะโตระดับโลก ต้องเริ่มจากตลาดที่ใหญ่จริง และสหรัฐอเมริกาคือหนึ่งในสนามนั้น”
วันนี้ “เถ้าแก่น้อย” เป็นหนึ่งในแบรนด์ไทยไม่กี่รายที่สามารถวางสินค้าบนชั้น Walmart กว่า 1,000 สาขา และห้าง Kroger ที่มีมากกว่า 2,000 สาขา กลายเป็นหนึ่งในของกินเล่นจากเอเชียที่คนอเมริกันรู้จัก
อิทธิพัทธ์เคยเอาจริงกับการขยายตลาดในอเมริกาด้วยการบุกไปซื้อกิจการ จิม แฟคทอรี่ อิงค์ (GIM Factory Inc.) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตสาหร่ายในสหรัฐอเมริกา คิดเป็นมูลค่า 2.015 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 68.65 ล้านบาท เมื่อปี 2560 ก่อนที่จะถอยทัพออกมา เพราะสู้ต้นทุนในเรื่องค่าแรงไม่ไหว
.
ปัจจุบัน จิม แฟคทอรี่ ได้เปลี่ยนเป็น Taokaenoi USA Inc. ประกอบธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่าย และสินค้าของ บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง ในเขตภูมิภาคอเมริกาเหนือ (สหรัฐอเมริกา และแคนาดา) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “Taokaenoi” และ “NORA”
ผลประกอบการของเถ้าแก่น้อยในปี 2567 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 5,712.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% จากปีก่อนหน้า กำไร 836.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.5% ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 20 ปี
.
โครงสร้างรายได้จะเป็นยอดขายในประเทศไทย 37% ประเทศจีน 21% และ 42% มาจากประเทศอื่น ๆ ซึ่งมีอยู่ 3 ประเทศหลักคือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา
โดยในส่วนของอเมริกานั้น รายได้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของยอดขายรวมทั้งหมด หรือประมาณ 600 ล้านบาท
แม้เถ้าแก่น้อยอาจไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าบริษัทใหญ่บางราย แต่แรงกระแทกจากภาษีก็แรงพอให้ต้องเร่งหาทางรับมือ ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นราคา ลดขนาดแพ็กเกจ หรือแม้แต่ไปจ้างผลิตแบบ OEM ในสหรัฐฯ เพื่อลดต้นทุนภาษีนำเข้า
.
รวมทั้งขยายไปยังตลาดใหม่ในยุโรปและแคนาดาที่ เถ้าแก่น้อย ได้นำร่องทำตลาดไว้แล้ว
แต่แน่นอน การปรับราคาอาจจะทำให้เสียเปรียบคู่แข่งที่ผลิตในสหรัฐ หรือจากประเทศอื่น ๆ ที่ภาษีนำเข้าน้อยกว่าไทย
เส้นทางในดินแดนของทรัมป์
เริ่มส่งออกไปยังอเมริกาเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน กลุ่มลูกค้าหลักในช่วงแรกคือ เอเชียน-อเมริกัน, คนไทย, คนจีนในสหรัฐ ต่อมาขยายเข้า mainstream ผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต เช่น Costco, Walmart, Whole Foods, Amazon, 7-Eleven US
.
โดยได้แรงเสริมจากวัฒนธรรม K-Pop, อาหารเกาหลี-ญี่ปุ่น ที่คนอเมริกันเริ่มเปิดใจรับอาหารเอเชียมากขึ้น มีการสร้างฐานลูกค้าออนไลน์ใน Amazon และได้รับเรตติ้งดีจากชาวต่างชาติที่ชอบรสจัด รสเผ็ดหวานเค็มแบบไทย
ตลาดอเมริกาคือสนามสร้างแบรนด์ที่สำคัญของเถ้าแก่น้อยในเวทีโลก แต่จะรอดจากด่านทรัมป์ได้หรือไม่?
.
“แรงกระแทก” จะถูกเปลี่ยนให้เป็น “แรงผลัก” สู่นิยามใหม่ของแบรนด์ไทยระดับโลกได้หรือไม่ ต้องติดตาม
#TKN #ต๊อบเถ้าแก่น้อย #ภาษี36 %
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ ที่
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/ marketeeronline
Website : Marketeeronline.co /
ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer
