การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก (FIFA Club World Cup) ครั้งล่าสุดจบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยการที่ Chelsea ชนะ PSG ไป 3-0 คว้าแชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่

พร้อมรับเงินรางวัล 113 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,098 ล้านบาท) ถือเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จทางการเงินมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ 

FIFA Club World Cup โฉมใหม่นี้มีเงินรางวัลรวมสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 36,190 ล้านบาท) ที่จะมอบให้กับ 32 สโมสรที่เข้าร่วม

โดยแบ่งเป็น 525 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 19,000 ล้านบาท) สำหรับสโมสรที่ได้เข้าร่วม และอีก 475 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 17,200 ล้านบาท) สำหรับผลงานในการแข่งขัน

สโมสรยุโรปได้รับประโยชน์จากโครงสร้างเงินรางวัลนี้อย่างมาก เนื่องจากเงินส่วนนี้พิจารณาตามการจัดอันดับจากผลงานแข่งขันและตัวเลขในการดำเนินธุรกิจ

ดังนั้นจึงได้รับเงินมากกว่าสโมสรจากทวีปอื่น ๆ โดยสโมสรยุโรปได้เงินรางวัลเฉลี่ยจากทัวร์นาเมนท์นี้สูงถึง 52 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,905 ล้านบาท)

เงินรางวัลที่สูงนี้ยังส่งผลดีต่อการบริหารจัดการงบประมาณของสโมสรยุโรปอีกด้วย เพราะตามกฎของ UEFA ที่จำกัดการใช้จ่ายค่าจ้าง ค่าซื้อตัวนักเตะ และค่าธรรมเนียมตัวแทนไม่เกิน 70% ของรายได้

นี่หมายความว่าทุก ๆ 67.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,443 ล้านบาท) ที่สโมสรทำได้ จะมีเงินเพิ่มอีก 47.25 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,709 ล้านบาท) สำหรับเสริมทัพ

ดังนั้นบางสโมสรสามารถจ่ายค่าตัวนักเตะที่ซื้อมาในช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะฤดูร้อนได้เลยหลังการเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์นี้ 

Borussia Dortmund ที่จ่ายค่าตัว โจ๊บ เบลลิงแฮม ไปประมาณ 36.45 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,318 ล้านบาท) ก็สามารถเคลียร์ได้หมดจากเงินรางวัลที่ได้รับ ด้าน Manchester City แม้ตกรอบเร็ว ก็ยังทำเงินได้ประมาณ 51.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,856 ล้านบาท)

ซึ่งครอบคลุมค่าตัว รายัน อิต-นูรี ที่ซื้อมา Wolveshampton Wonderers ที่ด้วยเงิน 41.85 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,514 ล้านบาท) แถมยังเหลือไปใช้จ่ายในส่วนอื่นได้อีกด้วย

ขณะที่ Real Madrid ที่จ่ายไป 11.34 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 410 ล้านบาท) เพื่อซื้อตัว เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จาก Liverpool ก็เคลียร์ได้เรียบร้อย จากเงินรางวัลในการร่วมแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก และนักเตะรายนี้ได้เล่นไปเพียง 3 นัดเท่านั้นหลังย้ายมา  

FIFA Club World Cup โฉมใหม่นี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความน่าสนใจและมูลค่าทางการค้า โดยมีการเพิ่มจำนวนสโมสรที่เข้าร่วมเป็น 32 สโมสร และขยายรูปแบบการแข่งขันให้ยิ่งใหญ่ขึ้น ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบเดิมอย่างสิ้นเชิง

เงินรางวัลสำหรับการแข่งขันยังรวมถึงผลการแข่งขันก็มหาศาลตามที่ได้กล่าวไปแล้ว แม้ 5 สโมสรที่แพ้รวดอย่าง Pachuca และ Seattle Sounders จะได้เพียงเงินรางวัลจากการเข้ามาแข่งก็ตาม 

เงินรางวัลจากการแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลดีเฉพาะกับสโมสรยักษ์ใหญ่เท่านั้น แต่ยังสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับสโมสรเล็กๆ อย่าง Auckland City ซึ่งเป็นทีมระดับกึ่งอาชีพจากแถบโอเชียเนียอีกด้วย

แม้เงินรางวัล 4.4 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 161 ล้านบาท) ที่สโมสรนี้ได้รับจะดูไม่มากเมื่อเทียบกับสโมสรใหญ่ แต่เงินจำนวนนี้คิดเป็นประมาณ 7 เท่าของรายได้รวมของสโมสรในปี 2024 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 658,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 24 ล้านบาท) เลยทีเดียว

สำหรับ FIFA Club Wolrd Cup เริ่มขึ้นเมื่อปี 2000 นับถึงปัจจุบันจัดขึ้นมาแล้ว 21ครั้ง โดยในปี 2005 หลังเว้นไป 5 ปีก็จัดต่อเนื่องมาทุกปี ส่วนจำนวนสโมสรที่เข้าร่วมก็อยู่ในเลขหลักเดียวมาตลอด แต่ครั้งนี้เพิ่มเป็นมากถึง 32 สโมสร / bbc


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer