เมื่อพูดถึงแฟชั่นที่จะสามารถเรียกความสนใจได้นั้น ตามปกติแล้วต้องยิ่งใหญ่ยิ่งดี เช่น กระเป๋าดีไซเนอร์ใบยักษ์ ต่างหูระย้า หรือหมวกฟางใบเท่าล้อจักรยาน
ทว่าพักหลังมานี้กลับมีกระแสที่ตรงกันข้าม เห็นได้จากรูปร่างของนางแบบที่ดูเหมือนเน้นไปที่สาวตัวเล็กลงเรื่อย ๆ ส่วนสินค้าแฟชั่นต่าง ๆ ที่กำลังขายดี ก็ล้วนเป็นของไซส์มินิ
ตัวอย่างชัดเจนสุดของเรื่องนี้คือ ตุ๊กตา Labubu ที่ใคร ๆ ต่างก็พากันซื้อมาห้อยติดกระเป๋า จนเมื่อปี 2024 ทำยอดขายทั่วโลกได้มากถึง 1,810 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 58,500 ล้านบาท) และมาปี 2025 แรงแบบฉุดไม่อยู่ เพราะเพียงครึ่งแรกของปียอดขายก็โตขึ้นจากครึ่งแรกปี 2024 ถึง 350%
ความดังของ Labubu เกิดข่าวตามมาอีกมากมาย เช่น ธนาคารในจีนออกโปรโมชั่นแถม Labubu เพื่อกระตุ้นเงินฝาก จนทางการจีนต้องสั่งห้าม
ต่อด้วย Lavuvu พวงกุญแจตุ๊กตาหมีห้อยกระเป๋าขนาด 10 ซม. จากคอลเลกชัน Louis Vuitton menswear ที่ ฟาเรลล์ วิลเลียมส์ ออกแบบ ที่หากใครอยากได้ก็ต้องเงินหนาสักหน่อย เพราะราคาไม่น่ารักเหมือนขนาดตัว โดยราคาอยู่ที่ตัวละ 1,234 ดอลลาร์ (ประมาณเกือบ 40,000 บาท) เลยทีเดียว
ด้าน Uniqlo ก็ไม่น้อยหน้า โดยเมื่อเมษายนที่ผ่านมา ได้เปิดตัวกระเป๋าสะพายไหล่รุ่นจิ๋ว ซึ่งเป็นเวอร์ชันย่อส่วนของกระเป๋าทรงกล้วยยอดฮิตที่ขายดีที่สุดตลอดกาลของแบรนด์ ด้วยขนาดเพียง 21.5 ซม. x 11.5 ซม.
ตลาดกระติกน้ำก็เกาะเทรนด์ไอเท็มไซส์มินิด้วย และไปได้สวยเสียด้วย โดย Micro Hydro Mini ขนาดเท่าฝ่ามือ จุน้ำได้แค่ 200 มล. เทียบเท่ากับการดื่มน้ำ 3 อึกครึ่ง ขายหมดเกลี้ยงเมื่อต้นปี หลังเป็นไวรัลใน TikTok และหลังจากนั้นก็ยังถือเป็นสินค้าขายดี
ตลาดสินค้าขนาดไซส์มินิที่กำลังโตวันโตคืนนี้มีความน่าสนใจ และสามารถสืบย้อนไปถึงศตวรรษที่ 17 โดยญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น เสื้อผ้ายังไม่มีกระเป๋า ผู้ชายจึงใช้สิ่งของแกะสลักเล็ก ๆ ที่เรียกว่า เน็ตสึเกะ เพื่อติดข้าวของเครื่องใช้เข้ากับเข็มขัด ซึ่งมีตั้งแต่เห็ดไปจนถึงหนูไม้สูง 3 ซม.
ผู้ที่ศึกษาของขนาดเล็กหรืออยู่ในรูปทรงย่อส่วน กล่าวว่า อะไรก็ตามที่มีขนาดเล็ก จะดูน่าถนุถนอม น่าหยิบจับ และกระตุ้นการตอบสนองทางอารมณ์ หรืออาจเรียกตามสำนวนไทยประมาณว่า น่ารักเกินต้านนั่นเอง
ทุกคนที่เห็นของไซส์มินิเข้า ก็ต่างอารมณ์ดี มีใบหน้าเปื้อนยิ้ม รู้สึกไม่มีพิษมีภัย หรือถูกคุกคาม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ของไซส์มินิจึงเป็นที่ชื่นชอบตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่
ขณะที่ตัวผู้ใหญ่เองก็รู้สึกผ่อนคลายที่มีของพกไซส์มินิไปไหนมาไหนด้วย ซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่เมื่อกลับบ้านไปกอดตุ๊กตาตัวโปรดหรือผ้าห่มผืนเก่าที่คุ้นเคยตั้งแต่เด็ก
การเติบโตของสินค้าไซส์มินิยังสามารถมองผ่านเลนส์ทางจิตวิทยาและการตลาดได้อีกด้วย โดยในมุมมองทางจิตวิทยา สื่อถึงการมีของมาอยู่ในใต้อาณัติ และควบคุมสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ความเครียดจากการที่เจ้าของไอเท็มไซส์มินิเหล่านี้ถูกคุกคาม หรือ หลีกหนีจากความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในชีวิตจริงได้อีกด้วย
ขณะที่ในมุมมองทางการตลาดไอเท็มขนาดเล็กนั้น จะกระตุ้นความอยากได้ จึงไปกระตุ้นการซื้อด้วย ซึ่งตัวอย่างชัดเจนที่สุดคือ ยอดขายโตวันโตคืนของ Labubu ตามที่ได้กล่าวไปแล้วนั่นเอง / theguardian
