Flying Tiger Copenhagen ร้านสินค้าจิปาถะ หรือ Miniso เวอร์ชันยุโรป เตรียมจะมาเปิดในไทย

ถ้าฝั่งเอเชียมี Miniso, Moshi Moshi, Daiso ฝั่งยุโรปก็มีเหมือนกัน

จากแผงขายของในตลาดนัดแห่งเดียวในโคเปนเฮเกน Flying Tiger Copenhagen กลายมาเป็นร้านขายของจิปาถะที่มีสาขามากกว่า 1,000 แห่งทั่วโลกที่เอาชนะใจชาวยุโรปได้อย่างไร 

เดนมาร์กเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องงานดีไซน์และนวัตกรรมสุดชิค หลายแบรนด์เป็นที่ยอมรับในวงการออกแบบ  และคงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ Flying Tiger Copenhagen แหล่งรวมสินค้าจิปาถะดีไซน์แปลกใหม่ ที่มาพร้อมปรัชญาการออกแบบสุดครีเอทิฟ

เปิดประวัติ Flying Tiger Copenhagen 

Flying Tiger Copenhagenเดิมชื่อ Tiger คือแบรนด์จากประเทศเดนมาร์ก เริ่มต้นขึ้นช่วงปี 1980 ณ ตลาดนัดกรุงโคเปนเฮเกน โดย Lennart Lajboschitz และภรรยาร่วมกันเปิดแผงขายร่มเล็ก ๆ จากนั้นก็ขยับขยายเปิดร้านที่ใหญ่ขึ้นแห่งแรกในโคเปนเฮเกนชื่อ Zebra จำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกาย อาทิ ร่ม แว่นกันแดด ถุงเท้า เป็นต้น

ร้านนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีสินค้าราคาไม่แพง กระทั่ง Zebra ได้พัฒนาเป็น Tiger (เป็นการดัดแปลงการออกเสียงคำว่า “ti’er” (ten-er) ในภาษาเดนมาร์ก ซึ่งฟังดูเหมือนคำเรียกเล่นๆ ว่าเสือภาษาเดนมาร์ก) ร้านนำเสนอแนวคิดการค้าปลีกแบบใหม่ จำหน่ายสินค้าในราคาเพียง 10 โครนเดนมาร์ก (ราว 50 บาท) 

คอนเซปต์ร้านเช่นนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วทั่วสแกนดิเนเวียทันที ปี 2001 เริ่มขยายสาขาไปต่างประเทศครั้งแรกคือไอซ์แลนด์

ด้านปี 2005 ได้ขยายร้านไปยังสหราชอาณาจักร เปิดสาขาแรกในเมือง Basingstoke ส่วนปี 2012 บริษัทด้านการลงทุน EQT Partners ได้เข้าถือหุ้น 70% ในบริษัทแม่ (Zebra A/S) ซึ่งช่วยสร้างการเติบโตก้าวใหม่ จากนั้นภายในเวลาสองปี เครือธุรกิจก็มีสาขาร้านค้ามากกว่า 400 แห่ง ในกว่า 25 ประเทศ

ต่อมาในปี 2016 เนื่องจากชื่อที่ใช้ในแต่ละภูมิภาคไม่เหมือนกัน เช่น ในสแกนดิเนเวียใช้ชื่อ TGR  ซึ่งสร้างความซับซ้อน แบรนด์จึงเปลี่ยนใช้ชื่อเดียวเป็นFlying Tiger Copenhagenเพื่อแก้ไขปัญหาเครื่องหมายการค้าและรวมแบรนด์ให้เป็นหนึ่งเดียวทั่วโลก สะดวกต่อการขยายกิจการไปยังต่างประเทศ

ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของFlying Tiger Copenhagenได้แก่ เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร อิตาลี และสเปน แต่ได้มีความพยายามจะขยายตลาดไปในสหรัฐฯ ด้วยการเปิดร้านเรือธงในแมนฮัตตันปี 2015 แต่ผ่านไปห้าปีร้านก็ปิดตัวลง

โมเดลธุรกิจแบ่งออกได้เป็น ร้านค้าที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง ร้านค้าแบบหุ้นส่วน 50/50 และร้านค้าแบบแฟรนไชส์ ปัจจุบันมีสาขาอยู่ใน 39 ประเทศ กว่า 1,001 สาขาทั่วโลกแล้ว

กลยุทธ์การตลาดของ Flying Tiger Copenhagen

1.ประสบการณ์ภายในร้าน ร้านถูกออกแบบให้เหมือนสนามเกมจำลอง ราวกับเกมล่าขุมทรัพย์ การจัดวางสินค้าแบบเขาวงกตที่ประกอบด้วยสินค้าใหม่หลายร้อยรายการในแต่ละเดือน ทำให้ลูกค้าสนุก ตื่นเต้นที่จะเดินอยู่ตลอด

2.ต้องเซอร์ไพรส์ ให้คุณค่าทางจิตใจ

จะมีการปรับสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็นสินค้าตามฤดูกาลหรือสินค้าตามธีม (เช่น วันวาเลนไทน์ วันฮาโลวีน) ซึ่งช่วยเติมเต็มสินค้าหลักประมาณ 1,400 รายการที่มีอยู่ในสต็อก

กลยุทธ์สินค้าที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือถุงเซอร์ไพรส์ เป็นกลยุทธ์คล้ายกับกล่องสุ่มที่มีสินค้าแบบลิมิเต็ดให้ลุ้นอยู่ กลายเป็นปรากฏการณ์ทางโซเชียลมีเดียที่คนนิยมตามหาซื้อถุงเซอร์ไพรส์ เพื่อลุ้นสิ่งของข้างใน

3.การมีส่วนร่วมทางดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพ Conversion

การย้ายระบบไปยัง Shopify Plus ครอบคลุม 27 ประเทศในหลายภาษา ทำให้Flying Tiger Copenhagenสามารถเพิ่มยอดขายได้ 5 เท่า และเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์เป็น 3 เท่า 

เช่น ในสหราชอาณาจักร การลดค่าจัดส่งมาตรฐานลงเหลือ 5 ปอนด์ และลดเกณฑ์การจัดส่งฟรีเหลือ 50 ปอนด์ ส่งผลให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น 94% และรายได้ตามการคาดการณ์เพิ่มขึ้น 35%

บริษัทกำลังทดลองทำ Live Shopping เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ชม ซึ่งช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมมากกว่า 596% และเข้าถึงผู้ที่ไม่ได้ติดตามมาก่อนได้จำนวนมา

4.โซเชียลมีเดีย อินฟลูเอนเซอร์ และแคมเปญสร้างประสบการณ์

แคมเปญการตลาดเน้นย้ำถึงการจัดวางเทรนด์ การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ และคอนเทนต์ที่แชร์ได้ง่าย อย่างเช่นในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์  บริษัทไปลงโฆษณาในสื่อยอดนิยม วิธีการนี้ทำให้สามารถลงโปรโมทในสื่อได้ถึง 52 ครั้งภายในเวลาเพียงสามเดือน

5.ความภักดีและการมีส่วนร่วมบนมือถือ

สร้างเกมมิฟิเคชันบนแอปพลิเคชัน ที่ส่งภารกิจ แบบทดสอบ รหัสแนะนำ และรางวัลให้ตอบแทน  ส่งผลให้มีจำนวน Active User เพิ่มขึ้น 133% และจำนวน Loyalty Customer เพิ่มขึ้น 50%

 

ล่าสุด Flying Tiger Copenhagen เตรียมเปิดสาขาร้านแห่งแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ โดยมีบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้คว้าสิทธิ์แฟรนไชส์

 

 

อ้างอิง Flyingtiger

 

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer