Grab ตอกย้ำตำแหน่งแบรนด์ยอดนิยมอันดับหนึ่ง คว้ารางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2025 สองสาขา ทั้ง “แพลตฟอร์มเรียกรถ” และ “แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี” สะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน หรืออยากกินอะไร คำตอบเดียวของผู้บริโภคในยุคนี้คือ “Grab” แอปที่ขาดไม่ได้ของใครหลายคน
ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนพลังของแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภค แต่ยังเผยให้เห็นเบื้องหลังกลยุทธ์และการเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อผู้คนใน Ecosystem มาอย่างต่อเนื่อง พาให้ Grab ขึ้นแท่นผู้นำแพลตฟอร์มเรียกรถและเดลิเวอรี จนคว้า “ดับเบิ้ลแชมป์” ได้อย่างสง่างาม
ความภาคภูมิใจที่สะท้อนความทุ่มเทของทุกคนใน Ecosystem
“รางวัลนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของทุกคนในครอบครัว Grab ไม่เฉพาะแต่ทีมงานในบริษัท แต่ยังรวมถึงทุกภาคส่วนใน Ecosystem ทั้งพี่ๆ คนขับ ไรเดอร์ พาร์ทเนอร์ร้านค้าและร้านอาหาร ที่มีส่วนในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในการให้บริการกับผู้บริโภคในทุกๆ วัน” คือความรู้สึกของ คุณจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวแทนรับมอบรางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2025 ทั้งสองหมวดนี้
โดยปีนี้พิเศษกว่าเคย เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ Marketeer ได้เพิ่ม รางวัลในหมวดบริการเรียกรถ และGrabในฐานะผู้บุกเบิกและผู้นำตลาดก็ไม่พลาดที่จะคว้ารางวัลนี้มาครองอย่างไม่มีข้อกังขา
ขณะเดียวกัน GrabFood ก็ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในหมวดบริการฟู้ดเดลิเวอรีต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ถือเป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนว่า..เส้นทางที่แบรนด์เลือกเดินนั้น “ถูกทาง” และพร้อมมุ่งมั่นพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
4 จิ๊กซอว์สู่การเป็น “แบรนด์อันดับหนึ่ง”
หากถามว่าอะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้Grabก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค และสามารถรักษาความเป็นผู้นำได้อย่างต่อเนื่อง คำตอบอยู่ใน “4 จิ๊กซอว์สำคัญ” ที่ประกอบกันอย่างลงตัว
- Brand Leadership : ตลอดระยะเวลากว่า 12 ปี Grabอยู่เคียงข้างผู้บริโภคชาวไทยในทุกจังหวะชีวิต จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ กับการเป็นผู้บุกเบิก “แอปเรียกแท็กซี่” สู่การเป็น “Everyday App” ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการเดินทาง การสั่งอาหารและซื้อสินค้า หรือการส่งพัสดุ และยังคงพัฒนานวัตกรรมและตลอดจนบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนใน Ecosystem ทั้งผู้ใช้บริการ ร้านค้า คนขับและไรเดอร์
- Brand Trust : การเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคเชื่อมั่นและไว้วางใจ เริ่มต้นจาก “ความปลอดภัย” ซึ่งถือเป็นคือหัวใจของGrabตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนและพัฒนาในเทคโนโลยีและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีการกำหนดมาตรฐานและรักษาคุณภาพการให้บริการ เช่น กระบวนการคัดเลือกและตรวจสอบคนขับที่เข้มข้น การมีระบบเรตติ้งและรีวิวเพื่อมุ่งสร้างความอุ่นใจและความน่าเชื่อถือที่ฝังลึกในใจผู้บริโภค
- สำหรับ Brand Innovation : Grabไม่เคยหยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่ช่วยแก้ Pain Point ของผู้บริโภคในทุกยุค ขณะเดียวกันก็นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการให้บริการและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับคนขับและร้านค้าอย่างต่อเนื่อง
- และ Brand Purpose : หัวใจสำคัญที่สุดคือการทำธุรกิจที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน (Purpose-driven) โดยมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคม ผ่านการนำเสนอบริการที่หลากหลายและมีคุณภาพให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ การส่งเสริมอาชีพและสร้างโอกาสในการหารายได้ให้กับร้านค้าและคนขับเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ไปจนถึงการพัฒนาโครงการและกิจกรรมในหลากหลายด้าน ซึ่งมีส่วนช่วยลดผลกระทบและสร้างความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม และพร้อมสร้างการมีส่วนร่วมของคนในสังคมไปพร้อมกัน
ตลาดที่ยังคงคึกคักและการแข่งขันที่สร้างสรรค์
ในช่วงสองปีผ่านมาหลังช่วงโควิด กระแสการท่องเที่ยวเพื่อล้างแค้น (Revenge Travel) และการกลับไปใช้ชีวิตนอกบ้านของผู้คนอาจส่งผลต่อตลาดฟู้ดเดลิเวอรีอยู่บ้าง แต่ GrabFood ก็ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีความคล่องตัวในการปรับกลยุทธ์และการลงทุนในนวัตกรรมและบริการใหม่ ๆ ที่สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเราเดินหน้ายกระดับความคุ้มค่า ความรวดเร็ว ความหลากหลาย และความน่าเชื่อถือ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและพันธมิตรของเรา
สำหรับธุรกิจเรียกรถ แม้ปีนี้อาจจะต้องเผชิญกับความท้าทายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่ภาพรวมก็ถือว่าGrabยังเติบโตได้ดี ด้วยการนำเสนอบริการที่เจาะเซ็กเมนต์ใหม่ ๆ อย่าง GrabExecutive หรือบริการ SAVER ทั้ง GrabCar และ GrabBike ที่เปิดตัวมาเพื่อรองรับกลุ่ม Price Sensitive โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว
การแข่งขันที่เข้มข้นทั้งในตลาดฟู้ดเดลิเวอรีและเรียกรถ ถือเป็นแรงผลักดันให้Grabยังคงพัฒนาบริการที่ดียิ่งขึ้น และในขณะเดียวกันก็เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่ได้รับทางเลือกที่มากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและการปรับตัวแบบ Agile
โลกปัจจุบันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นกว่าที่เคย ทั้งจากกระแสโซเชียล วัฒนธรรมใหม่ ๆ หรือปัจจัยเศรษฐกิจที่พลิกผันในชั่วข้ามคืน สำหรับแบรนด์ที่ต้องการรักษาความเป็นผู้นำ การ “จับเทรนด์ให้ทัน” จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องฝังอยู่ในวิธีคิดและการทำงานของทั้งองค์กร
คุณจันต์สุดาอธิบายว่าGrabสามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่าน 3 กลไกหลัก ที่ทำงานประสานกันอย่างมีระบบ
- Data & AI
Grabลงทุนอย่างจริงจังกับเครื่องมือในการเก็บข้อมูลและวัดผล ไม่ว่าจะเป็น การใช้ AI วิเคราะห์อินไซต์จากฐานข้อมูลภายใน (Internal Data) การทำ Social Listening เพื่อฟังเสียงของผู้บริโภคแบบเรียลไทม์ รวมถึงการลงพื้นที่สำรวจตามหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อเข้าใจพฤติกรรมในแต่ละโลเคชันอย่างใกล้ชิด ข้อมูลทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือ “สัญญาณ” ที่ช่วยให้ทีมสามารถมองเห็นโอกาสใหม่ล่วงหน้า
- Brand Association
เมื่อจับสัญญาณได้แล้ว สิ่งสำคัญคือการเชื่อมโยงกับธุรกิจได้อย่างทันท่วงที ยกตัวอย่างกระแส “ทาร์ตไข่” ที่กำลังมาแรง ทีม GrabFood ไม่เพียงแค่จับเทรนด์ แต่ยังทำงานร่วมกับร้านพันธมิตร สร้าง Collaboration และนำเสนอเมนูใหม่ออกสู่ตลาดทันที ความสามารถในการ “คว้าโอกาสจากเทรนด์” คือสิ่งที่ทำให้Grabก้าวนำคู่แข่งอยู่เสมอ

- Agile Working & Team Mindset
ทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากทีมงานไม่มีวิธีคิดที่ “ยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัว” การทำงานแบบ Agile ของ Grab เปิดโอกาสให้ทีมสามารถเบรนสตอร์ม ปรับแผน หรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ทันทีที่เห็นโอกาส ไม่ว่าจะเป็น การปรับโปรโมชั่นให้ตรงกับกระแส หรือการสร้างคอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมที่ผู้บริโภคกำลังสนใจ
การทำงานในรูปแบบนี้ทำให้สามารถ “เปลี่ยนเทรนด์” ให้กลายเป็น “โอกาสทางธุรกิจ” ที่จับต้องได้จริง และนี่คือความแตกต่างที่ทำให้แบรนด์ยังคงยืนหนึ่งในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
Barbell Strategy : เติบโตต่อเนื่องด้วย “คุณภาพ” และ “ความคุ้มค่า”
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของ Grab ภายใต้การนำของคุณจันต์สุดาคือกลยุทธ์ที่เรียกว่า “Barbell Strategy” โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพบริการเพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่า (Quality) ขณะเดียวกันก็พยายามขยายฐานผู้ใช้บริการโดยนำเสนอความคุ้มค่า (Affordability) ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
“Quality” ฝั่งบริการเรียกรถ นอกเหนือจากมาตรฐานด้านความปลอดภัยซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญแล้ว Grab ยังพัฒนาบริการและฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูงอย่าง GrabCar Premium, บริการจองรถล่วงหน้า (Advance Booking), บริการคนขับมืออาชีพอย่าง GrabDriveYourCar รวมถึงบริการใหม่ล่าสุดอย่าง Grab Executive ที่เจาะกลุ่มผู้บริหารโดยเฉพาะ
ฟากบริการฟู้ดเดลิเวอรีก็เช่นกัน Grab ยังคงเดินหน้าพัฒนาและต่อยอดซับแบรนด์ #GrabThumbsUp ที่การันตีเมนูอร่อยจากร้านอาหารคุณภาพ รวมถึง Only at Grab ที่นำเสนอเมนูเด็ดจากร้านดังในกระแสที่สั่งได้เฉพาะที่Grabเท่านั้น นอกจากนี้ Grab ยังมีบริการสำหรับลูกค้าองค์กรอย่าง GrabForBusiness ซึ่งเป็นโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้กับลูกค้าองค์กร โดยปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ สถาบันทางการเงิน ธุรกิจโรงแรม และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา เป็นต้น
ในส่วนของด้าน “Affordability” นอกจากการนำเสนอแพคเกจสมาชิกอย่าง GrabUnlimited ที่นำเสนอส่วนลดในทุกบริการให้กับผู้ใช้ที่เป็น Heavy User แล้ว ในปีที่ผ่านมาGrabยังรุกหนักกับการนำเสนอบริการในราคาที่เข้าถึงด้านผ่านซับแบรนด์ SAVER ทั้งบริการเรียกรถและเดลิเวอรี ไม่ว่าจะเป็น GrabBike SAVER ด้วยราคาเริ่มต้น 19 บาท หรือการพัฒนาออปชั่น SAVER Delivery เมื่อสั่งอาหาร ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการค่าส่งในราคาประหยัดแต่สามารถรอนานได้
การบาลานซ์ทั้งสองด้าน และการพัฒนาบริการในทั้งสองธุรกิจหลัก ทำให้Grabยังคงเติบโตต่อเนื่องทั้งในแง่ฐานผู้ใช้และมูลค่าตลาดอย่างยั่งยืน
แคมเปญและการสื่อสารที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค
เมื่อการแข่งขันในตลาดยังคงดุเดือดและผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็ว แบรนด์ที่ครองความเป็นผู้นำไม่อาจหยุดนิ่ง การตลาดของGrabในวันนี้และปีหน้าจึงไม่ได้ขับเคลื่อนเพียงแค่กลยุทธ์ Barbell Strategy เท่านั้น แต่ยังถูกเสริมด้วยมิติของ “Relevancy” หรือการทำให้ทุกการสื่อสาร “ตรงเวลา ถูกจุด และตรงใจ” สอดรับกับ Trigger Point ของผู้บริโภค และเชื่อมโยงกับเทรนด์วัฒนธรรมที่เกิดขึ้นจริงในสังคม
ในด้าน Affordability : Grabสื่อสารผ่านแคมเปญที่จับ Pain Point ของผู้บริโภคได้อย่างเฉียบคม อย่างการส่งแคมเปญ “ถูกกว่าชัวร์” ของบริการ GrabBike SAVER หรือการจัดแคมเปญลดราคายิ่งใหญ่ในทุกไตรมาสอย่าง “Mega Sale” ที่เข้ามาแก้โจทย์ด้านราคาในช่วงเศรษฐกิจท้าทาย ทำให้ผู้บริโภครู้สึกได้ถึงความคุ้มค่าที่จับต้องได้โดยไม่ลดทอนคุณภาพบริการ
ต่อมาด้าน Quality : สำหรับ GrabFood ยกระดับซับแบรนด์อย่าง “#GrabThumbsUp” ให้กลายเป็นเครื่องหมายการันตีร้านอาหารคุณภาพ คัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญและเสียงโหวตจากผู้บริโภคเอง จุดยืนนี้สะท้อนว่าGrabไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์มสั่งอาหาร แต่ยังเป็น “ผู้การันตี” ที่มอบประสบการณ์กินดีมีคุณภาพให้กับผู้บริโภคสายฟู้ดดี้ ที่ยอมจ่ายเพื่อความพิเศษและคุณภาพที่เหนือกว่า
ในด้าน บริการเรียกรถGrabยังคงเน้น “Safety & Reliability” เป็นเสาหลักที่ยึดมั่นมาโดยตลอด โดยในปีที่ผ่านมา มีการทำแคมเปญเชิงสร้างสรรค์ต่างๆ เช่น “Safe Ride, Safe Road” ที่ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐรณรงค์การขับขี่ปลอดภัย และบริการคนขับรถยนต์ส่วนตัวมืออาชีพ (GrabDriveYourCar) ที่เชื่อมโยงกับประเด็นสังคมอย่าง “เมาไม่ขับ” ซึ่งไม่เพียงช่วยลดอุบัติเหตุ แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้อย่างชัดเจน
ทั้งหมดนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยการทำงานแบบ “Full Funnel Marketing” ตั้งแต่การสร้าง Brand Awareness ที่ทำให้Grabเป็น Top of Mind นำไปสู่การผลักดัน Brand Consideration ให้ผู้บริโภคเข้ามาสำรวจบริการใหม่ ๆ ภายในแอป ไปจนถึง Conversion ผ่านดีลและโปรโมชันที่ตรงกับความต้องการจริงในช่วงเวลานั้น
นอกจากนี้ ยังมี GrabAds เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมต่อแบรนด์กับผู้บริโภคในจังหวะที่ใช่ที่สุด
นี่คือการตลาดที่ไม่ได้หยุดอยู่ที่การ “ส่งมอบบริการ” แต่คือการสร้างบทสนทนาต่อเนื่องระหว่างGrabกับผู้บริโภคในทุกมิติ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้แบรนด์ยังคงครองใจผู้บริโภคในฐานะเบอร์หนึ่งได้อย่างแข็งแกร่ง
แบรนด์ที่อยู่ในทุกช่วงเวลา และพร้อมเติบโตไปกับผู้บริโภคอย่างยั่งยืน
คุณจันต์สุดาขอส่งต่อคำขอบคุณไปยังผู้ใช้บริการ คนขับ ไรเดอร์ และพาร์ทเนอร์ร้านค้า เพราะ “แกร็บจะไม่มีวันนี้ถ้าขาดใครไปแม้แต่คนเดียว” การคว้าดับเบิ้ลแชมป์ Marketeer No.1 Brand Thailand 2025 จึงไม่ใช่เพียงชัยชนะของแบรนด์ แต่คือความสำเร็จร่วมกันของทั้ง Ecosystem
สิ่งที่Grabมุ่งหมายไม่ใช่เพียงการเป็นแอปฯ ที่ผู้บริโภคใช้ทุกวัน แต่คือการสร้าง “ภาพจำ” ของแบรนด์ที่ชัดเจนในใจของคนไทยให้ได้มากกว่านั้น โดยเฉพาะการเป็น “ผู้นำนวัตกรรม” ที่ใช้เทคโนโลยีสร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์ชีวิตและยกระดับคุณภาพในทุกมิติ
ขณะเดียวกันยังเป็นแบรนด์ที่ “คุ้มค่าและเข้าถึงได้ทุกวัน” (Everyday Affordability) ทั้งการเดินทางหรือการสั่งอาหาร ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันที่แทบขาดไม่ได้ นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการจดจำในฐานะ “Brand of Quality” ที่มอบประสบการณ์เหนือความคาดหมาย ทั้งเรื่องความปลอดภัย มาตรฐานการให้บริการ ความรวดเร็ว และคุณภาพที่สม่ำเสมอในทุกทัชพอยต์ ทุกการสั่งซื้อ ทุกการเดินทาง
ทำให้ Grab จะไม่ได้เป็นเพียงแค่แอปพลิเคชัน แต่คือ “แบรนด์ที่อยู่ในทุกช่วงเวลา และพร้อมเติบโตไปกับผู้บริโภคอย่างยั่งยืน”
Website : Marketeeronline.co /





