แม้ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่การใช้เทคโนโลยีในองค์กรเติบโตเร็วที่สุดในรอบหลายปี แต่ความจริงอีกด้านคือ “องค์กรจำนวนมากยังใช้ AI ไม่ได้ผลจริง” ทั้งที่ตั้งเป้าจะเป็น Data-driven และทุ่มงบเพื่อทำ Digital Transformation เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สิ่งนี้สะท้อนว่ายุค AI ของไทยยังติดอยู่ในช่วงรอยต่อ เทคโนโลยีมาถึงแล้ว แต่โครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากยังไม่พร้อมรองรับ

ในระดับมหภาค ตัวเลขล่าสุดยังชี้ชัดว่า ประเทศไทยกำลังเร่งเครื่องด้านดิจิทัลอย่างจริงจัง การใช้จ่ายด้าน Digital Transformation จะเพิ่มจาก 10.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ไปสู่ 15.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 ขณะที่รัฐบาลไทยก็ประกาศลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มกว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมตั้งเป้าพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีกว่า 280,000 คน และผู้เชี่ยวชาญ AI อีกราว 50,000 คน แต่แม้การลงทุนระดับประเทศจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความพร้อมภายในองค์กรกลับยังไม่สอดคล้องกับจังหวะความเปลี่ยนแปลงนี้เท่าที่ควร

ท่ามกลางการเร่งตัวของทั้งประเทศ โจทย์ใหญ่คือความพร้อมในระดับองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งที่ True Digital Group มองเห็นชัดจากการทำงานร่วมกับองค์กรขนาดใหญ่ในหลายอุตสาหกรรม โดย คุณเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น มองว่า จุดอ่อนสำคัญขององค์กรไทยไม่ใช่การมีเทคโนโลยีน้อยเกินไป แต่คือการขาด “รากฐานที่เชื่อมทุกระบบเข้าหากัน” ทำให้ AI ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์เชิงธุรกิจได้เต็มศักยภาพ

จากภาพรวมนี้ True Digital สรุป 6 Pain Points ใหญ่ที่ทำให้องค์กรไทยใช้ AI ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ได้แก่

1) Lack of Direction ขาดทิศทางเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน

หลายองค์กรเริ่มจากเทคโนโลยี แต่ไม่ได้เริ่มจากโจทย์ธุรกิจ ทำให้โครงการ AI ไม่เชื่อมโยงกับ KPI หรือผลลัพธ์ที่ต้องการจริง

2) Closed Architecture & Legacy Data ระบบแยกส่วน ดาต้าไม่พร้อม

ข้อมูลอยู่กระจัดกระจาย ระบบเก่าเชื่อมต่อไม่ได้ ทำให้ AI ไม่สามารถประมวลผลแบบครบองค์หรือแบบเรียลไทม์ได้

3) Low Automation งานยัง manual มากเกินไป

แม้จะมีระบบจำนวนมาก แต่ workflow หลักยังไม่ถูกทำให้เป็นอัตโนมัติ ทำให้ AI ไม่สามารถ scale ไปทั้งองค์กรได้

4) High Complexity ระบบซับซ้อนเกินไป

ทั้งโครงสร้างทางเทคโนโลยีและข้อกำกับด้านกฎระเบียบทำให้การนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้มีความล่าช้า

5) Difficult to Use เทคโนโลยีใช้งานยาก ไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้

เมื่อพนักงานใช้ไม่คล่อง ระบบจึงไม่ถูกใช้งานจริง ส่งผลให้โครงการไม่เกิดผลลัพธ์ที่ตั้งใจไว้

6) Low ROI (CAPEX-heavy) ต้นทุนลงทุนสูง ปรับตัวไม่ทันตลาด

รูปแบบการลงทุนแบบก้อนใหญ่ทำให้การอัปเกรดหรือขยับตามเทคโนโลยีใหม่ทำได้ช้า และไม่คุ้มค่าต่อการเปลี่ยนผ่านในยุค AI

Pain Points ทั้ง 6 ข้อนี้เกิดขึ้นในช่วงที่โลกกำลังก้าวสู่ 3 เมกะเทรนด์สำคัญ ได้แก่ การหลอมรวมเทคโนโลยี (Integration), นวัตกรรมที่ต้องนำไปใช้ได้จริง (Innovation at Scale) และ ความเร็วของผลลัพธ์ (Acceleration) ซึ่งเป็นแรงผลักให้ทุกองค์กรต้องเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลชุดใหม่ที่พร้อมให้ AI ทำงานได้จริง

และนี่คือเหตุผลที่ True Digital เปิดตัว Digital Intelligence Fabric โมเดลโครงสร้างพื้นฐานยุค AI ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ Pain Points ทั้งหมดแบบครบวงจร ไม่ใช่แค่การเพิ่มโซลูชันใหม่เข้าไป แต่คือการ “ถักทอระบบทุกชั้นขององค์กรให้ทำงานร่วมกันได้ตั้งแต่วันแรก”

Digital Intelligence Fabric ประกอบด้วย 8 องค์ประกอบหลัก ที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ได้แก่

  1. Vertical Cloud with Embedded Security

คลาวด์อัจฉริยะพร้อมระบบความปลอดภัยไซเบอร์ในตัว ลดภาระการบริหารและเพิ่มความยืดหยุ่นในการขยายระบบ

  1. Connectivity & IoT Platform

เชื่อมอุปกรณ์ เครื่องจักร และเซ็นเซอร์ให้เข้ากับโลกดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ เพื่อยกระดับการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล

  1. Computer Vision AI

ใช้กล้องเดิมให้ฉลาดขึ้นทันที ด้วยระบบตรวจจับ วิเคราะห์ และแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน

  1. Connected Building & Energy Management

ระบบบริหารจัดการอาคารและพลังงานแบบอัจฉริยะ ช่วยประหยัดต้นทุนและสนับสนุนเป้าหมาย ESG

  1. Smart Logistics & Supply Chain

ระบบจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่เพิ่มความปลอดภัย ต้นทุนต่ำ และต่อเชื่อมกับคลังสินค้าแบบครบวงจร

  1. Data & AI Platform (No-code / Low-code)

แพลตฟอร์มรวมศูนย์ข้อมูลทั้งองค์กร พร้อมให้หน่วยงานสร้างแดชบอร์ด วิเคราะห์ หรือพัฒนา AI ได้ทันทีโดยไม่ต้องเขียนโค้ด

  1. Managed Cybersecurity (24/7)

ระบบป้องกันภัยไซเบอร์ครบวงจร พร้อมทีมดูแลความปลอดภัยเชิงรุกตลอด 24 ชั่วโมง รองรับทุกการขยายระบบ

  1. Digital Skill & Development

ชุดโปรแกรม Upskill / Reskill พนักงาน เพื่อสร้างวัฒนธรรมดิจิทัลและให้บุคลากรพร้อมเติบโตไปกับเทคโนโลยีใหม่

โมเดลนี้ช่วยลดความซับซ้อน เพิ่มความเร็ว และทำให้เทคโนโลยีขององค์กรทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ AI สามารถสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งในด้านต้นทุน ประสิทธิภาพ และความสามารถในการแข่งขัน

ปี 2026 จึงไม่ใช่คำถามว่าองค์กรจะใช้ AI หรือไม่ แต่คือคำถามว่า โครงสร้างพื้นฐานพร้อมรองรับ AI ได้จริงหรือยัง

และ Digital Intelligence Fabric คือคำตอบที่ True Digital เสนอให้กับองค์กรไทยในช่วงเวลานี้ ที่การแข่งขันถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ความเร็ว และความสามารถในการปรับตัวอย่างแท้จริง


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer