หากมีการจัดอันดับบุคคลในข่าวที่คนทั่วโลกรู้จักมากสุดช่วงท้ายปี 2018 มีความเป็นไปได้สูงว่า Meng Wanzhou (เมิ่ง ว่านโจว) คงอยู่ลำดับต้นๆ เพราะนอกจากเป็นทั้งประธานฝ่ายการเงิน (CFO) ของ Huawei และลูกสาวของผู้ก่อตั้ง Tech Brand จีนชื่อดังแล้ว การควบคุมตัวเธอในแคนาดาตามคำร้องของรัฐบาลสหรัฐฯ ในข้อหามีส่วนรู้เห็นต่อการละเมิดมาตรการลงโทษอิหร่านยังมีขึ้นท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อีกด้วย


ล่าสุดแม้ผู้บริหารวัย 46 ปีได้รับการประกันตัวแล้วและถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านพักที่นคร Vancouver ระหว่างรอขึ้นศาลในแคนาดาเพื่อพิจารณาว่าจะถูกส่งตัวต่อไปยังสหรัฐฯ หรือไม่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า กรณีของเธอยังส่งผลกระทบถึงการทำธุรกิจของ Huawei ในหลายประเทศ
ค่ายโทรคมนาคมญี่ปุ่นเตรียมเลิกใช้อุปกรณ์ Huawei
หลังแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ประกอบกับเคยอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐฯ นโยบายแทบทุกด้านของรัฐบาลญี่ปุ่น รวมถึงการทำธุรกิจของภาคเอกชนก็ดำเนินไปโดยคำนึงถึงท่าทีของทางการอเมริกันโดยตลอด รวมไปถึงการขยายเครือข่ายการสื่อสารในระบบ 5G ครั้งนี้ด้วย


Nikkei สื่อดังของญี่ปุ่นรายงานว่า Softbank ค่ายโทรคมนาคมที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ตัดสินใจเลิกใช้อุปกรณ์ของ Huawei ในการขยายเครือข่ายระบบ 4G แล้วเปลี่ยนไปใช้ของ Ericsson และ Nokia แทน นอกจากนี้ยังเตรียมหันไปใช้อุปกรณ์ของค่ายโทรคมนาคมหนึ่งในสองแบรนด์หลัง
สำหรับการพัฒนาเครือข่ายระบบ 5G ด้วย ล่าสุด Softbank ได้ออกมายืนยันรายงานดังกล่าว พร้อมระบุว่าเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลที่ว่า การใช้อุปกรณ์ของ Tech Brand จีนอาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาดในรูปแบบต่างๆ เช่น ถูกจารกรรมข้อมูลและบริการขัดข้อง


ท่าทีดังกล่าวของบริษัทภายใต้การบริหารของ Masayoshi Son (มาซาโยชิ ซัน) เป็นไปในทิศทางเดียวกับค่ายโทรคมนาคมชาติตะวันตกหลายประเทศ เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ก่อนหน้านี้ ที่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลประเทศตน เพราะเกรงว่าทางการจีนอาจจารกรรมข้อมูลผู้ใช้ต่างประเทศผ่านทางอุปกรณ์ของ Huawei โดยประเทศแรกที่ดำเนินโนบายดังกล่าวคือสหรัฐฯ


ส่วนการควบคุมตัว Meng ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นและ Softbank ตัดสินใจตีตัวออกห่าง Huawei ด้วย โดยเฉพาะฝ่ายหลังถือว่าเป็นการคงความสัมพันธ์อันดีเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ เพราะผู้บริหารเคยเข้าพบกับประธานาธิบดี Donald Trump เพื่อให้คำมั่นว่าจะมาลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่ามหาศาล
ทางการฝรั่งเศสเพิ่มกฎเข้มที่ส่งผลต่อ Huawei
ข่าวร้ายของ Tech Brand ดังสัญชาติจีนขณะที่ลูกสาวคนโตของผู้ก่อตั้งตกเป็นตัวประกันในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ยังไม่หมดแค่นั้น โดยสำนักงานความมั่นคงปลอดภัยทางข้อมูลสารสนเทศของรัฐบาลฝรั่งเศส (Anssi) ได้เตือนให้ Orange, Bouygues Telecom และ Altice ’s SFR 3 ค่ายโทรคมนาคมในประเทศยุติการใช้อุปกรณ์ของ Huawei ในการขยายเครือข่ายสัญญาณ 5G ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง


Stephane Richard ประธานบริหาร (CEO) ของ Orange กล่าวว่าไม่ว่าการลักลอบเจาะข้อมูลผู้ใช้ในฝรั่งเศสของทางการจีนผ่านอุปกรณ์ของ Huawei จะเป็นความจริงหรือไม่ แต่บริษัทต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนผลที่เกิดจากมาตรการนี้คือ Huawei จะเสียส่วนแบ่งตลาดโทรคมนาคมในชาติขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป ให้คู่แข่งอย่าง Nokia, Ericsson และ Cisco ไป
ต้องติดตามดูต่อไปว่า Huawei จะแก้เกมในฝรั่งเศสตลาดในยุโรปที่ทางแบรนด์ให้ความสำคัญมากสุดอย่างไร โดยคาดกันว่า คงพักการทำตลาดโทรคมนาคมแล้วหันมาให้น้ำหนักกับตลาด Smart phone มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ต้องพยายามทำให้เห็นด้วยว่า Huawei มีความเชื่อมโยงกับฝรั่งเศสมากขึ้น เพราะลำพังการให้คนดังอย่าง Antoine Griezmann นักฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยล่าสุดมาแสดงในภาพยนตร์โฆษณา


Annabel Yao
และทำ Campaign ร่วมกับองค์กรด้านศิลปวัฒนธรรมอย่าง Operade Paris รวมถึงการให้ Annabel Yao ลูกสาวคนเล็กของผู้ก่อตั้งออกงานสังคมในฝรั่งเศสเพื่อมีภาพปรากฏใน Paris Match นิตยสารยอดขายสูงสุดของประเทศคงไม่เพียงพออีกต่อไป
แบรนด์เกาหลีใต้เลือกย้ายไปเวียดนามเพื่อเลี่ยงความเสียหายจากจีน
ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจและภูมิศาสตร์เกาหลีใต้ต้องพึ่งพาจีน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องคงสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ไว้เพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคง ดังนั้น เมื่อจีนกับสหรัฐฯ เกิดปัญหากัน “แดนโสมขาว” จึงเป็นฝ่ายตกที่นั่งลำบาก เพราะต้องใช้ความรอบคอบอย่างมากทั้งในเรื่องการบริหารความสัมพันธ์และหาทางออกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศตนน้อยที่สุด
สำหรับสงครามทางการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจครั้งนี้มีแนวโน้มว่าแบรนด์เกาหลีใต้ส่วนใหญ่จะย้ายฐานการผลิต หรือเพิ่มการลงทุนในเวียดนามให้มากขึ้น เพราะนอกจากลดผลกระทบจากสถานการณ์นี้แล้ว ค่าจ้างแรงงานในเวียดนามยังถูกกว่าที่จีนเกินครึ่งอีกด้วย


แบรนด์ที่คาดว่าจะใช้แนวทางดังกล่าวมากสุดคือ Samsung เพราะก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ Tech Brand เกาหลีใต้ชื่อดังก็กำลังพิจารณาจะปิดโรงงานที่เมืองเทียนจิน หลังถูกแบรนด์จีนนำโดย Huawei ชิงส่วนแบ่งตลาด Smart phone ไปเกือบหมดทั้งที่เคยครองอันดับ 1 มานาน
ความเป็นไปได้ที่แบรนด์เกาหลีใต้จะรุกเวียดนามมากขึ้นยังสังเกตได้จาก Lotte เตรียมทุ่มถึง 600 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 19,800 ล้านบาท) สร้าง Lotte Mall ห้างสรรพสินค้าพร้อมโรงแรมในกรุงฮานอย ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2020 และตัวเลขจากธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกเกาหลีใต้ที่ระบุว่าการลงทุนในเวียดนามแซงหน้าจีนได้เป็นครั้งแรก


ครึ่งแรกของปี 2018 บริษัทเกาหลีใต้ลงทุนในเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 1,970 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 65,000 ล้านบาท) มากกว่าการลงทุนในจีนซึ่งในกรอบเวลาเดียวกันอยู่ที่ 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 52,800 ล้านบาท) / cnn, scmp
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



