ระหว่างช่วงรอยต่อของความเปลี่ยนแปลงผู้บริหารองค์กรใหญ่ สองประเด็นหลักที่ถูกกล่าวถึงเสมอ คือใครจะมาเป็นเจ้าของเก้าอี้ร้อนคนใหม่ และเหตุผลที่คนเก่าต้องพ้นตำแหน่ง โดยสำหรับความเปลี่ยนแปลงที่ Manchester United คงเป็นประเด็นใหญ่ที่คอบอล รวมถึงนักบริหารพูดอีกหลายเดือน เพราะการแต่งตั้ง Ole Gunnar Solskjaer เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราว หลังปลด Jose Mourinho เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น

จริงอยู่ที่ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสต้องรับผิดชอบกับผลงานน่าผิดหวังในฤดูกาลนี้ แต่ลึกลงไปการที่ “ปีศาจแดง” ไม่แรงเหมือนเก่า เป็นปัญหาสะสมมานานที่เกิดจากเหตุและปัจจัยมากมายประกอบกัน
ปัญหามากมายในถิ่น Old Trafford ก่อนเกมพ่าย Liverpool
Mourinho เริ่มเป็นที่จับตามองหลังพา Porto คว้าทั้งแชมป์ Primeira Liga (League ฟุตบอลสูงสุดของโปรตุเกส )และ UEFA Cup ในฤดูกาล 2002-03 ต่อด้วยแชมป์รายการแรกอีกครั้งพร้อมทั้งก้าวไปถึง UEFA Champions League ในฤดูกาลถัดมา จากนั้นเจ้าตัวก็เดินหน้าพาสโมสรฟุตบอลระดับโลก ทั้ง Chelsea, Inter Milan และ Real Madrid คว้าแชมป์ทั้งในระดับประเทศและระดับทวีปต่อเนื่อง
ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ Mourinho เป็นชื่อลำดับต้นๆ เสมอที่ผู้บริหารสโมสรใหญ่ๆอยากได้ตัว หลังปลดผู้จัดการทีมคนเก่า จนในที่สุดเจ้าของฉายา “Special One” ก็ได้กลับมาทำงานในอังกฤษอีกครั้ง กับตำแหน่งนายใหญ่ Manchester United ที่ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มสุดยอดคืนมาได้เลย

Sir Alex Ferguson
หลัง Sir Alex Ferguson อำลาตำแหน่งผู้จัดการทีมไปเมื่อปี 2013 จนทำให้ David Moyes และ Luis Van Gaal ต่างต้องอำลาตำแหน่งนี้ไปในเวลาไม่นาน
Mourinho เริ่มงานการเป็นผู้จัดการทีม Manchester United เมื่อ 27 พฤษภาคม 2016 โดยฤดูกาลแรกกับ “ปีศาจแดง” ถือว่าไปได้สวย ด้วยการพาสโมสรคว้าแชมป์ Community Shield ต่อด้วยแชมป์ English Football League (EFL) ในต้นปี 2017 และในปีเดียวกันนี้ Mourinho ก็เพิ่มความสำเร็จให้ทั้งตัวเองและต้นสังกัดด้วยการคว้าแชมป์ UEFA Europa League
ทว่าหลังจากนั้นผู้จัดการทีมวัย 55 ปี ก็ไม่สามารถเพิ่มถ้วยแชมป์ใส่ตู้โชว์ให้กับสโมสรสีแดงแห่งเมือง Manchester ได้อีกเลย โดยในฤดูกาล 2017-18 คว้ารองแชมป์ Premier League ด้วยการถูก Manchester City แชมป์ในฤดูกาลและคู่ปรับร่วมเมือง ทิ้งห่างมากถึง 19 แต้ม
ในฤดูกาลนี้สถานการณ์ของสโมสรดังแห่งถิ่น Old Trafford ยุค Mourinho ยิ่งแย่ลงไปอีก ทำผลงานได้ผิดหวังมากสุดในรอบหลายปี ผ่านไป 17 นัดทำได้เพียง 26 แต้ม ร่วงสู่อันดับ 6 ของตารางคะแนน ซ้ำร้ายนัดล่าสุดเป็นการแพ้ Liverpool คู่ปรับสำคัญ ถึง 1-3 อีกด้วย
ความปราชัยจาก “ศึกแดงเดือด” เกมล่าสุด เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ Mourinho ถูกปลด โดยมีการวิเคราะห์กันว่าอาการฟอร์มร่วงแรงของ Manchester United ฤดูกาลนี้ เกิดจากหลายสาเหตุประกอบกัน ทั้งการวางแผนการเล่นผิดพลาดของ Mourinho เองที่ไม่เน้นเกมรับ กองหลังเปลี่ยนไปมาจนผู้รักษาประตูทำงานหนัก และความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ระหว่างผู้จัดการทีมกับนักเตะ

Mourinho กับ Paul Pogba
เห็นชัดเจนที่สุดคือ Mourinho กับ Paul Pogba ซึ่งฝ่ายหลังทำได้เพียงมองดูความพ่ายแพ้ของต้นสังกัดใน “ศึกแดงเดือด” นัดล่าสุดบนม้านั่งสำรอง
นอกจากนี้อำนาจส่วนใหญ่ในการซื้อขายนักเตะยังตกอยู่กับ Ed Woodward รองประธานบริหาร ที่มักคว้านักเตะดังเข้ามาสู่สโมสร เพื่อหวังผลทางการตลาดและยอดขายสินค้าที่มีชื่อนักเตะ ซึ่งบ่อยครั้งไม่ตรงตามความต้องการของ Mourinho จริงอยู่ที่ทำให้สโมสรประสบความสำเร็จทางธุรกิจ

Ed Woodward
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ตั้งแต่ที่ Woodward เข้ามาทำงาน Manchester United ทุ่มเงินซื้อนักเตะไปหลายร้อยล้านปอนด์
ซึ่งในจำนวนนี้บางคนอยู่ได้ไม่นานก็ถูกขายออกไป หรือยังไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้เหมือนอยู่กับสโมสรเก่า โดย Pogba ที่ซื้อมาด้วยเงินถึง 89 ล้านปอนด์ (ราว 3,649 ล้านบาท) เมื่อปี 2016 ก็เข้าข่ายนี้
ล่าสุดกระแสโจมตี Woodward ในสื่อกีฬาชั้นนำหลายสำนักแรงขึ้นโดย ส่วนใหญ่ให้ทัศนะในทิศทางเดียวกันว่า Woodward ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้ตระกูล Glazer ซื้อ Manchester United ได้เมื่อปี 2005 เป็นนักธุรกิจที่ไม่รักฟุตบอลจริงจัง หากเขายังอยู่ และทางสโมสรไม่ให้สิทธิ์ขาดผู้จัดการทีมในการซื้อ-ขายนักเตะ
หรือเพิ่มตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลมาดูแลเรื่องนี้ ไม่ว่าจะได้ผู้จัดการทีมฝีมือดีแค่ไหนมา สุดท้ายผู้จัดการทีมคนนั้นก็ต้องเผชิญข้อจำกัด จนผลงานในสนามน่าผิดหวังอย่างต่อเนื่องอีก
แล้วใครจะมาพา “ปีศาจแดง” ฟอร์มแรงอีกครั้ง
หลัง Mourinho ถูกปลดไม่นาน Manchester United ก็ตั้ง Solskjaer หนึ่งในอดีตนักเตะขวัญใจแฟน “ปีศาจแดง” เป็นผู้จัดการทีมรักษาการณ์ไปจนจบฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับการตั้ง Ryan Giggs มาขัดตาทัพหลังปลด Moyes เมื่อปี 2014 โดยคาดว่าอดีตนักเตะนอร์เวย์เจ้าของฉายา “เพชฌฆาตหน้าทารก” คงเผชิญแรงกดดันไม่น้อย

Ole Gunnar Solskjaer
เพราะแม้เคยพา Molde อดีตต้นสังกัดในบ้านเกิดคว้าแชมป์ลีกสูดได้ 2 ฤดูกาลติด (2011, 2012) และเคยคุมสโมสรใน Premier มาแล้วกับ Cardiff City แต่การกลับต้นสังกัดที่เคยสร้างชื่อครั้งนี้ คือการคุมสโมสรใหญ่ครั้งแรก
ขณะเดียวกัน Solskjaer คงไม่มีอำนาจเต็มที่ในการซื้อนักเตะมกราคมปีหน้า เพราะอำนาจส่วนใหญ่ ยังคงอยู่ในมือ Woodward ส่วนตัวเลือกในฝันที่ทั้งแฟนๆ และผู้บริหารอยากได้มาเป็นนายใหญ่คนใหม่ คือ Zinedine Zidane อดีตผู้จัดการทีม Real Madrid และ Mauricio Pochettino ผู้จัดการทีม Tottenham Hotspur คนปัจจุบัน

Zinedine Zidane
Zidane มีภาษีดีกว่า เพราะเก็บเกี่ยวความสำเร็จมามากมายสมัยเป็นนักเตะ โดยเด่นที่สุดคืออยู่ในทีมชาติฝรั่งเศสชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1998 และเมื่อเป็นผู้จัดการทีมก็สามารถพา Real Madrid คว้าแชมป์ได้อีกหลายรายการ แม้คุม “ราชันชุดขาว” อยู่ราวปีครึ่งเท่านั้น ซึ่งจุดนี้จะกระตุ้นนักเตะ Manchester United คืนฟอร์มอีกครั้ง
ขณะเดียวกันความที่เป็นคนฝรั่งเศสด้วยกันยังจะช่วยกำราบ Pogba ได้ และ Zidane เป็นชื่อที่แฟนบอลส่วนใหญ่รู้จัก ที่จะส่งผลดีทางการตลาดตรงตาม Spec ของ Woodward ต่างจาก Pochettino ที่แม้เป็นที่จับตามองจากการทำทีมเน้นเกมบุก เคยชนะทีมดังอย่าง Real Madrid มาแล้วทั้งที่งบซื้อนักเตะน้อยกว่าอย่างเทียบไม่ติด และถูกเชื่อมโยงว่าจะย้ายมาทำงานในถิ่น Old Trafford หลายครั้ง

Mauricio Pochettino
แต่ที่สุดผู้จัดการทีมชาวอาร์เจนไตน์ อาจยังไม่ย้ายทีม เพราะคงอยากคว้าแชมป์ให้สักรายการก่อน หลังเฉียดๆ มาแล้วหลายครั้ง/cnn, bbc, theguardian, goal, wikipedia
–
