“ในช่วงที่คนอื่นหยุดกัน ไม่มีปล่อยโฆษณาอะไร และเป็นช่วงเวลาที่คนหยุดพักผ่อนไปท่องเที่ยว จึงไม่สนใจอินเทอร์เน็ตเท่าไหร่ แต่เราอาศัยจังหวะนี้ HiJACK โปรโมตแคมเปญ โดยดึงอินไซต์ให้เข้าถึงใจของคนในช่วงเวลาเทศกาลปีใหม่ด้วย”  

คุณสหรัฐ สวัสดิ์อธิคม Managing Director, Executive Creative Director จากบริษัท CJ WORX  ด้วยความที่เป็น Today Agency เอเจนซีที่เข้าถึงผู้บริโภคด้วยเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพ ณ ปัจจุบัน และพร้อมเปลี่ยนไปตามเครื่องมืออื่นในอนาคต ณ เวลานั้น เฉลยคอนเซ็ปต์ไอเดียที่คิดมุมกลับและมองมุมต่าง มาจากทีมครีเอทีฟของระเบิด ธนสรณ์ เจนการกิจ Executive Creative Director ของบริษัท Submarine ในเครือ CJ WORX ที่สร้างสรรค์จุดแข็งสำหรับแคมเปญนี้ ในช่วงเวลาที่คนหยุดยิงโฆษณาแต่เราเห็นเป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ ปล่อยแคมเปญโฆษณาและสร้างการพูดถึงในวงกว้างได้

แม้คนส่วนใหญ่จะออกไปท่องเที่ยวเฮฮาตามประสาวันหยุดช่วงเทศกาล แต่ก็ต้องยอมรับว่า เทรนด์ของโลกเปลี่ยนไป เพราะเคาต์ดาวน์อาจไม่ใช่กิจกรรมเดียวที่ผู้คนยุคนี้เลือกทำในคืนข้ามปี  ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากพักผ่อนนอนเอนกายอยู่บ้าน ดูหนัง ใช้ชีวิตชิลๆ ในช่วงวันหยุดของปี แบบเลือกไม่อยากแย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว แบบคนจำนวนมาก จึงกลายเป็นที่มาของแคมเปญนี้ด้วย

เมื่อไอเดียที่แข็งแรงต้องมาพร้อมสื่อที่ทรงพลัง แบบถูกที่ถูกทาง ป้ายบิลบอร์ดถูกเลือกมาใช้ในจังหวะที่เหมาะสม และปลุกให้ป้ายบิลบอร์ดกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งหนึ่ง

คุณชายอธิบายว่า เลือกใช้ป้ายบิลบอร์ด เพราะแคมเปญอยากสื่อสารกับคนเดินทางไปท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ สถานที่ที่คนส่วนใหญ่อยู่คือท้องถนน ดังนั้นเราต้องเข้าไปคุยกับพวกเขา นั่นคือป้ายบิลบอร์ด อีกทั้งเมื่อไอเดียที่แข็งแรงต้องมาพร้อมสื่อที่ทรงพลัง และถ้อยคำที่คม แค่แวบเดียวทำให้คนรู้เลยว่าจะสื่อสารอะไร เพราะผู้บริโภคเสพสื่อชนิดนี้ในระยะเวลาเพียงแค่ขับรถผ่านเท่านั้น ดังนั้น คำต้องปังจริง

“แคมเปญนี้เราไม่ได้แตะเรื่องความสัมพันธ์ หรือประเพณีการกลับไปหาครอบครัวในช่วงเทศกาลสำคัญแต่อย่างใด หรือสื่อว่าห้ามกลับบ้านนะ หรือประเพณีกลับไปหาครอบครัวต้องไม่กลับนะ เราไม่ได้มีเจตนายุ่งเรื่องนั้น แต่เราเสนอทางเลือกจากอินไซต์การเดินทางในช่วงปีใหม่ที่คับคั่งผ่านมุกที่ว่า ถ้าไปเชียงใหม่อาจจะ 700 กิโลเมตร แต่ถ้าใกล้กว่าคือ ยูเทิร์นกลับไป Netflix แค่นั้น เพราะสุดท้ายผู้บริโภคคือ ผู้ตัดสินใจ”

ไม่ใช่แค่ป้ายบิลบอร์ดที่เป็นสื่อออฟไลน์เท่านั้น การนำพาสื่อออฟไลน์ที่คนที่ผ่านไปผ่านมาเท่านั้นจึงพบเห็น ก้าวข้ามมาในโลกออนไลน์ให้ผู้บริโภคทั่วประเทศและทั่วโลกได้เห็น นั่นคือ ตัวกระจายแคมเปญให้ฟูยิ่งขึ้น


คุณชายเล่าว่า แคมเปญนี้เปิดด้วยคลิปวิดีโอที่ได้คุณเอ็ด 7 วิ หนึ่งในสมาชิกของเสือร้องไห้ มาสื่อสารถึงการเดินทางไปช่วงปีใหม่ว่าต้องผ่านอุปสรรคอะไรมากมายดั่งเช่นที่ทุกคนเจอเป็นปกติ เทียบกับคุณเบนจามินที่อยู่บ้านดูซีรีส์กับคนรัก มีเวลาจอยกับแก๊งร่วมกัน คลิปนี้ถูกโพสต์ในพื้นที่ของแบรนด์ Netflix Thailand ทั้งแฟนเพจและยูทูบ จากนั้นจึงค่อยมีการรวบรวมภาพของบิลบอร์ด พร้อมด้วยตัวละครจากซีรีส์สุดฮิตมาลงในแฟนเพจ ก่อนจะ MEME ตัวละครในซีรีส์แอบแซวอินไซต์โดนใจกับคนที่เดินทางไปสถานที่ต่างๆ กับสิ่งที่ต้องทนเจอในช่วงเทศกาล

นี่เป็นสิ่งที่พื้นที่แบรนด์ได้นำมาขยายต่อบนออนไลน์ ในขณะที่ยังมีการตีฟูมากขึ้นจากอินฟลูเอนเซอร์ที่คาดไม่ถึงอย่างแฟนเพจ จส.100. ที่โพสต์ภาพของบิลบอร์ดสุดกวนเหล่านี้บนแฟนเพจ สร้างความฮือฮาให้กับแฟนคลับ จส.100 ไม่น้อย

ไม่เพียงเท่านั้น คุณชายบอกว่า ส่วนประกอบลงตัวที่ทำให้ #ไม่ไปไหนไป NETFLIX กลายมาเป็นกระแสฮิตในช่วงที่ไม่มีโฆษณาใดๆ มาออนไลน์แย่งซีน ทำให้ทั้งฟลูเอนเซอร์บุคคลต่างๆ ทั้งในทวิตเตอร์ ไอจี อีกมากมาย โพสต์ภาพโมเมนต์ของการดู NETFLIX ขยี้ซ้ำเข้าไปอีก

“กระแส#ไม่ไปไหนไป NETFLIX จึงกลายมาเป็นกระแสฮิตช่วงคืนข้ามปีที่ใครก็ขอฮิตติดกระแสนำไปเล่นด้วย อย่างเพจเกี่ยวกับวงการโฆษณา ร้านข้าว ร้านอาหาร บริษัททัวร์ เพจหนัง หรือแม้แต่คนดังอย่างพี่ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค ที่แชร์คลิปวิดีโอพี่เอ็ด 7 วิ พร้อมกับคำต่อว่าแกมหยอกว่า “อีคนคิดโฆษณาตัวนี้เลว 555 ใจร้ายจัง 555 ฉันก็ไม่ไปไหน นั่งจมกองโทรทัศน์อยู่ที่บ้านแหละ”

ความลงตัวของแคมเปญนี้ที่มาจากไอเดียที่แข็งแรง เลือกใช้สื่อที่ลงตัวถูกที่ถูกเวลา และการขยี้ได้ตีฟูของอินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ ในโลกโซเชียลทำให้แคมเปญนี้โดดเด่นในคืนข้ามปี โดดเด่นและแตกต่างสไตล์ CJ WORX ดิจิทัลเอเจนซีแถวหน้าของเอเชีย


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer