ตลาดลูกอมในประเทศไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี จากการกระตุ้นตลาดของแบรนด์ลูกอมที่เปิดตัวลูกอมรสชาติใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเข้ามาเปิดตลาดของลูกอมรสชาติและรูปแบบใหม่ๆ ของแบรนด์น้องใหม่ในตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดของลูกอมแบรนด์หลัก และขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ ที่ในอดีตอาจจะไม่ได้อมลูกอมในชีวิตประจำวันมากนัก
และปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ได้ส่งเสริมให้ตลาดลูกอมยังคงเติบโต
โดยในปีที่ผ่านมาตลาดลูกอมมูลค่า 11,000 ล้านบาท มีการเติบโต 5.5% โดยตลาดลูกอมเม็ดแข็งเป็นตลาดที่ยังคงมีสัดส่วนสูงสุด ด้วยสัดส่วน 40% มีฮอลล์เป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาด 23%
รองลงมาได้แก่ ลูกอมอัดเม็ด และเยลลี่ ในสัดส่วนเท่ากันคือ 19%
แม้ลูกอมเม็ดแข็งจะมีสัดส่วนที่สูงเกือบครึ่งของตลาดและลูกอมในกลุ่มนี้ในปีที่ผ่านมากลับประสบกับสภาวะ “ตลาดที่ไม่เติบโต” จากผู้บริโภคบางกลุ่ม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่หันมาบริโภคลูกอมในเซกเมนต์อื่นๆ แทน โดยเฉพาะลูกอมอัดเม็ดที่มีกลิ่นผลไม้ที่มีกลิ่นหอมติดปาก อย่างเช่นลูกอมแตงโมของแบรนด์ เพลย์มอร์
และพฤติกรรมเหล่านี้ได้ทำให้ตลาดลูกอมอัดเม็ดมีการเติบโตมากถึง 12% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนตลาดลูกอมในปีนี้
แม้ลูกอมเม็ดแข็งเป็นโอกาสใหม่ แต่ที่ผ่านมา ฮอลล์ เจ้าตลาดลูกอมในประเทศไทย ไม่เคยเข้ามากินส่วนแบ่งในตลาดนี้มาก่อน
เพราะที่ผ่านมา ฮอลล์มีสินค้าเฉพาะในเซกเมนต์
ลูกอมเม็ดแข็ง ซึ่งประกอบด้วยฮอลล์ในรูปแบบปกติ เจาะกลุ่มคนทั่วไป และ Hall XS ลูกอมเม็ดแข็งขนาดเล็ก เจาะกลุ่มคนทำงานอายุ 25-35 ปี
ลูกอมแบบนิ่ม ซึ่งประกอบด้วย Halls Chews เจาะกลุ่มผู้ที่ชอบลูกอมเคี้ยวหนึบ
ส่วนในเซกเมนต์ลูกอมอัดเม็ด ได้มี Clorets ซึ่งเป็นแบรนด์หนึ่งที่อยู่ในเครือมอนเดลีซเช่นเดียวกับฮอลล์ ทำตลาดอยู่ก่อนหน้านั้น
แต่ภาพลักษณ์ของ Clorets จะเป็นลูกอมที่เน้นการระงับกลิ่นปากทำให้ไม่สามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ที่ในปัจจุบันนิยมอมลูกอมอัดเม็ดที่มีกลิ่นผลไม้ได้
เมื่อพฤติกรรมและการแข่งขันในตลาดเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิม ในฐานะผู้นำตลาดมาอย่างยาวนานอย่างฮอลล์ จึงต้องหากลยุทธ์และโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ ทางธุรกิจ ด้วยการเปิดตัว Halls XS Mint ซึ่งเป็นลูกอมอัดเม็ดรสผลไม้ 3 รสชาติ ได้แก่ องุ่น สตรอว์เบอร์รี่ และแตงโม เข้ามาเจาะตลาดลูกอมอัดเม็ดเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ Halls XS Mint ยังเป็นลูกอมที่ฮอลล์ต้องการเข้ามาเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นกลุ่มผู้หญิง Gen Z ที่มีอายุระหว่าง 15-22 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ ฮอลล์ ไม่เคยมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มนี้มาก่อน
โดยอรวดี สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์ลูกอม บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) มองว่าการที่ฮอลล์ได้ขยายฐานลูกค้าไปยัง Gen Z ผ่าน Halls XS Mint เป็นหนึ่งในแนวทางที่ทำให้ฮอลล์เป็นลูกอมสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และเป็นกลุ่มที่จะเติบโตไปสู่วัยทำงานในอนาคตที่จะมีกำลังซื้อมากขึ้น
และในปัจจุบันข้อมูลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยพบว่า คน Gen Z ในประเทศไทยมีจำนวนมากถึง 6.71 ล้านคน แบ่งเป็นชาย 3.43 ล้านคน หญิง 3.28 ล้านคน
การสื่อสารของ Halls XS Mint ไปยังกลุ่มเป้าหมาย Gen Z อรวดีได้เลือกการสื่อสารผ่าน เจเจ กฤษณภูมิ และต้าเหนิง กัญญาวีร์ เป็นตัวแทนของแบรนด์ในการสื่อสารถึงกลุ่ม Gen Z
การเลือกใช้พรีเซนเตอร์ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 33 ปีของฮอลล์ที่มีการนำดารามาเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์
โดยก่อนหน้านั้นฮอลล์เคยใช้ อนันต์ บุนนาค เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาฮอลล์เมนทอลในปี 2530
และการที่ฮอลล์ตัดสินใจนำพรีเซนเตอร์มาเป็นเครื่องมือการตลาดอีกครั้ง มาจากเหตุผลหลักคือ Halls XS Mint เป็นสินค้าใหม่ที่ ต้องการสร้างความรับรู้ในวงกว้างอย่างรวดเร็ว และกลุ่ม Gen Z เป็นกลุ่มที่ตัดสินใจซื้อลูกอมจากอีโมชันนอลเป็นหลัก และการที่มีพรีเซนเตอร์เป็นดาราจะเข้ามาสร้างภาพลักษณ์ของความเป็น Trendy Lifestyle และผลักดันให้เกิดอีโมชันนอลในการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
และผลพลอยได้ของการใช้พรีเซนเตอร์คือ ทำให้แบรนด์มีความเฟรชสดใสมากขึ้น
เพราะกลยุทธ์ในการสร้างตลาดของฮอลล์จะประกอบด้วยแนวทาง 3 ประการคือ
1. สร้างความตื่นเต้นจากการออกสินค้าใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อเพิ่มขึ้น เพราะสินค้าประเภทลูกอมเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคไม่ได้บริโภคเฉพาะแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง
2. จัดโปรโมชั่น และช่องทางจัดจำหน่ายให้เข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด
3. สร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภคนึกถึงอยู่เสมอ
เพราะลูกอม แม้ยังเติบโตอย่างหวานๆ แต่ก็มีการแข่งขันรอบด้านจากแบรนด์คู่แข่งเดิม และคู่แข่งรายใหม่ๆ พร้อมเซกเมนต์ที่หลากหลายมากกว่าสงครามลูกอมเม็ดแข็ง
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ