สถานการณ์ในวงการค้าปลีกสหรัฐฯ ยังเป็นเหมือนโดนิโน่ชุดใหญ่ที่ล้มตาม ๆ กันจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดมิโน่ตัวล่าสุดคือแบรนด์ญี่ปุ่นที่สร้างชื่อมาจากแนวคิด Unbrand และความเรียบง่าย โดย Muji แบรนด์ค้าปลีกของแต่งบ้าน เสื้อผ้าและสินค้าไลฟ์สไตล์ญี่ปุ่นได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายต่อศาลในรัฐ Delaware ของสหรัฐฯ เพื่อเดินหน้าสู่การปรับโครงสร้าง เพราะสถานการณ์การระบาดส่งผลให้ทั้ง 19 สาขาในสหรัฐฯ ขาดทุนหนัก และมีหนี้สะสมเพิ่มเป็น 64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,048 ล้านบาท)
Muji ยังระบุด้วยว่า สาขาในสหรัฐฯ ต้องประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงช่วงที่สถานการณ์ระบาดวิกฤตตั้งแต่กลางมีนาคมเป็นต้นมา และจำเป็นต้องปิดบางสาขาที่เห็นว่าค่าเช่าที่แพงเกินไป
การปรับโครงสร้างของ Muji ในสหรัฐฯ จะใช้เวลาอย่างน้อย 180 วัน และจากนี้ Muji ในสหรัฐฯ จะหันมาให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันและเพิ่มยอดขาย
การล้มละลายของ Muji ในสหรัฐฯ ตอกย้ำความรุนแรงของวิกฤตครั้งนี้ ที่ทำให้เฉพาะครึ่งปีนี้มีบริษัทในสหรัฐฯ รวมถึงบริษัทต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในสหรัฐฯ ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายตามมาตรการ 11 แล้วนับร้อยบริษัท
ค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าเป็นหนึ่งในธุรกิจในสหรัฐฯ ที่อาการหนักสุด บริษัทในกลุ่มนี้ที่ทน ’พิษโควิด’ ไม่ไหวล้มละลายไปแล้วก่อนหน้านี้คือ J.Crew, JCPenney, Neiman Marcus และ Pier 1
ทว่าการล้มละลายของสาขาในสหรัฐฯ ไม่ใช่วิกฤตเดียวที่ Muji เผชิญอยู่ โดยไตรมาสล่าสุด Muji ขาดทุนรวม 37.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,209 ล้านบาท) ยอดขายในประเทศแถบเอเชียตะวันออกก็ลดลง การที่ชาวญี่ปุ่นใช้จ่ายลดลง ปัญหาสินค้าทำเลียนแบบในจีน ผลกระทบจากสถานประท้วงในฮ่องกง และการต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นในเกาหลีใต้สืบเนื่องจากสงครามการค้า
จากนี้ต้องจับตาดูว่า Muji จะกู้วิกฤตในสหรัฐฯ อย่างไร จะลดราคาลงมาหรือไม่ ผลกระทบจากโรคระบาดจะทำให้แผนขยายสาขาในปีนี้สะดุดหรือไม่ และธุรกิจใหม่อย่างโรงแรมกับธุรกิจให้เช่าเฟอร์นิเจอร์จะไปได้ไกลแค่ไหน/cnn, reuters, forbes
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



