จำนวนบริษัทไม่ “แข็งแรงพอ” ที่ต้องล้มท่ามกลางวิกฤตไวรัสครั้งนี้ยังคงเพิ่มขึ้น โดยล่าสุด Pier 1 แบรนด์ค้าปลีกของตกแต่งบ้านในสหรัฐฯ เริ่มทยอยปิดสาขาราว 500 แห่งที่ยังเหลืออยู่ และเตรียมปิดฉากธุรกิจ 60 ปี หลังช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาประสบปัญหายอดขายลดลงต่อเนื่อง และถูกซ้ำเติมด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19
Pier 1 ล้มละลายมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่กระบวนการต่าง ๆ ทั้งทางกฎหมายและการขายทรัพย์สินต่าง ๆ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้และจ่ายเงินให้บรรดาผู้ถือหุ้น รวมไปถึงการหาผู้มาซื้อกิจการไม่สามารถทำได้เพราะกิจการทั้งของภาครัฐและภาคธุรกิจในสหรัฐฯ ต้องหยุดชะงักจากผลกระทบของการระบาด
มีการคาดกันว่าภายในตุลาคมนี้ Pier 1 จะปิดสาขาที่เหลือทั้งหมด และถอนตัวจากธุรกิจนี้ไป ซึ่ง Robert Riesbeck-CEO ของ Pier 1 ยอมรับว่าใจหายที่บริษัทภายใต้การบริหารของตนปิดฉากลง
การนับถอยหลังรอวันปิดฉากของ Pier 1 ยังเป็นการย้ำว่าห้างค้าปลีกของแต่งบ้านในสหรัฐฯ ไม่ต่างจากคนไข้ร่างกายอ่อนแอที่อาจป่วยหนักจนเสียชีวิตหากมีโรคแทรกซ้อนเข้ามาอีก
เพราะก่อนเผชิญสถานการณ์โรคระบาด ธุรกิจนี้ก็ได้รับผลกระทบจากการรุกตลาดของแต่งบ้านของทั้งแบรนด์ค้าปลีกใหญ่ ๆ อย่าง Walmart และ Target รวมไปถึงขาใหญ่ในวงการอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon อยู่แล้ว
การเข้ามาแบ่งเค้กของแบรนด์ใหญ่ ๆ เหล่านี้จึงทำให้ลูกค้าและยอดขายของ Pier 1 ลดลง จนนำมาสู่การล้มละลายในที่สุด และสถานการณ์ดังกล่าวยังทำให้ Tuesday Morning ห้างค้าปลีกของแต่งบ้านอีกแห่งในสหรัฐฯ ล้มละลายเช่นกัน ส่วน Bed Bath & Beyond ก็สถานการณ์ไม่ดีนัก
ทั้งนี้พฤษภาคมที่ผ่านมา แวดวงค้าปลีกสหรัฐฯ เต็มไปด้วยข่าวร้าย เพราะทั้ง JCPenney, JCrew และ Neiman Marcus สามยักษ์ใหญ่ในวงการที่ทน ‘พิษโควิด” ไม่ไหว ต่างต้องยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย และเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้าง/cnn, wikipedia
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



