เศรษฐกิจเวียดนาม ปี 2563 ทำไมโตจนเพื่อนบ้านอิจฉา (วิเคราะห์)
ทัพปัจจัยบวกหนุนเศรษฐกิจเวียดนามปีนี้โตจนประเทศเพื่อนบ้านต้องอิจฉา โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่าปีนี้เศรษฐกิจเวียดนามจะโต 2.4% หลังสามารถสกัดการระบาดของโควิด-19 ได้เร็ว และยอดส่งออกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ต่างจากชาติสมาชิก ASEAN ที่ยังไม่ฟื้นจากวิกฤตโควิด
แม้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 จนต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์และปิดประเทศ ไม่ต่างจากเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศ ASEAN และอีกหลายประเทศทั่วโลก
แต่เวียดนามก็รับมือกับสถานการณ์ได้ดี โดยยอดผู้ติดเชื้อสะสมและผู้เสียชีวิตอยู่ที่เพียง เกือบ 1,300 คน และ 35 คนเท่านั้น จนสามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ได้
ตามรายงานล่าสุดของ IMF ระบุว่า เวียดนามเป็นเพียงประเทศเดียวใน ASEAN ที่เศรษฐกิจกลับสู่ขาขึ้น โดยปีนี้เศรษฐกิจจะโต 2.4% และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะโต 1.6% แม้เป็นอัตราที่น้อยแต่ยังดีกว่าสิงคโปร์กับมาเลเซียที่จะหดตัว 6% และไทยที่ยัง ‘’ป่วยหนัก’’ GDP ถดถอยถึง 7.1%
การกลับสู่ขาขึ้นของ เศรษฐกิจเวียดนาม มาจากหลายปัจจัย โดยนอกจากสกัดวิกฤตโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังมีแรงหนุนจากตัวเลขส่งออก ไตรมาส 3 ปีนี้การส่งออกโต 11% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สินค้า Made in Vietnam ที่ได้เป็น ’พระเอก’ ในไตรมาสที่ผ่านมาคือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก ที่ยอดส่งออกโต 20% หลังเกิดการระบาดรอบใหม่จนหลายประเทศต้องกลับมาทำงานและเรียนที่บ้านกันอีกครั้ง
เวียดนามยังเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนส่งผลทางบวก โดยโรงงานในเวียดนามของ Foxconn และ Luxshare ที่ผลิต Smartphone และ Device เช่น ฟูฟัง ป้อนให้ Apple และ Samsung ต่างกลับมาเดินเครื่องผลิตเต็มตัว
ท่ามกลางการคาดการณ์ว่ายอดส่งออกของสินค้าที่ผลิตจาก Bac Giang (บั๊กซาง) เมืองโรงงานใหญ่ทางภาคอีสานของเวียดนามปีนี้จะสูงถึง 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 303,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 10 เท่าจากเมื่อ 6 ปีก่อน
ปัจจัยบวกทั้งหมดจะทำให้ปี 2021 เศรษฐกิจของเวียดนามขยายตัว 6.5% โดยแน่นอนว่าเมืองที่เงินลงทุนจากต่างชาติจะสะพัดและเงินในกระเป๋าของประชาชนจะเพิ่มขึ้นมากสุดคือ Bac Giang นั่นเอง
จากสวนลิ้นจี่สู่ดงโรงงาน
ในอดีต Bac Giang เคยเป็นเมืองเกษตรกรรมฐานะยากจน และชาวเวียดนามรู้จักในฐานะแหล่งเพาะปลูกลิ้นจี่ที่สำคัญ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปเป็นเมืองโรงงาน จนชีวิตความเป็นอยู่ของคนในเมืองดีขึ้น และชาวเวียดนามต่างพากันย้ายมาเป็นหนุ่ม-สาวโรงงาน เพื่อหวังชีวิตดีกว่าและส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัว
หลังเปลี่ยนจากเมืองเกษตรกรรมมาเป็นเมืองโรงงาน ชาวเมือง Bac Giang ก็ได้ลืมตาอ้าปาก มีบ้านหลังใหญ่ขึ้น เปลี่ยนจากขับจักรยานยนต์เป็นรถยนต์ และเศรษฐกิจในเมืองก็โตต่อเนื่อง เต็มไปด้วยหอพักและโรงแรมที่กำลังสร้างใหม่มากมาย
หลักฐานชัดเจนที่สุดในการเปลี่ยนแปลงของเมือง Bac Giang คือรายได้ต่อหัวต่อปีของชาวเมือง เพิ่มจาก 650 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 19,000 บาท และ 90,000 บาทตามลำดับ)/bbc, nikkei, wikipedia, bloomberg, forbes, vnexpress
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ