หลังเห็นว่าการเลี้ยงหมูแบบ Smart Farm ในจีนกำลังฮอต Huawei ก็ไม่รอช้า ส่ง AI และ Cloud ในเครือ เพื่อมัดใจเจ้าของฟาร์มหมูหัวก้าวหน้า
หนึ่งในแบรนด์เทคโนโลยีใหญ่ของจีนประกาศรุกวงการปศุสัตว์เพื่อชดเชยความเสียหายจากการต้องตกเป็นตัวประกันในความขัดแย้ง โดย Huawei เผยว่าจะรุกอุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูในฟาร์มอัจฉริยะ (Smart Farm) ที่มีอนาคตใส สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกรชาวจีน ช่วงที่ธุรกิจ Smartphone ยังคงไม่ฟื้นจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
ช่วง 10 ปีมานี้แบรนด์เทคโนโลยีจีนโตอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งใน ‘แบรนด์แดนมังกร’ ที่เป็นหัวหอกทั้งในเรื่องการเติบโตและการรุกตลาดโลกคือ Huawei ยืนยันได้จาก การแซง Ericson ขึ้นเป็นบริษัทโทรคมนาคมอันดับ 1 ของโลก ด้วยยอดขาย 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 482,000 ล้านบาท) เมื่อปี 2012
และแซง iPhone ขึ้นมาเป็นแบรนด์ Smartphone ยอดขายอันดับ 2 ของโลกในปี 2018 และขึ้นสู่อันดับ 1 ถัดจากนั้นไม่นาน
ทว่าช่วงขาขึ้นของ Huawei ภายใต้การบริหารของ Ren Jengfei ต้องเจอแรงเสียดทานจากมาตรการกีดกันของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อนที่นำโดยอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจ Smartphone และโทรคมนาคม
จนบานปลายเป็นสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และขยายมาสู่บริษัทเทคโนโลยีจีนอีกหลายบริษัท เช่น Alibaba และ TikTok
มาปีนี้ Huawei คาดว่าสถานการณ์ยังไม่มีความแน่นอน จึงประกาศลดกำลังการผลิต Smartphone ลง 60% ท่ามกลางข่าวว่าอาจขาย Honor ซึ่งเป็น Smartphone แบรนด์ลูกทิ้งไป เพื่อชดเชยความเสียหายจากสงครามการค้า
ล่าสุด Huawei เผยว่า เตรียมรุกธุรกิจการเลี้ยงหมูแบบ Smart Farm ในจีน ที่ต้องใช้ AI และระบบ Cloud ซึ่งมีแนวโน้มเติบโต และ Huawei ก็มีเทคโนโลยีเหล่านี้พร้อมอยู่แล้ว ขณะเดียวกันยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีของ Huawei สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายในยุค 5G รวมถึงการเลี้ยงหมูด้วย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของ Huawei เป็นไปทิศทางเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ หลายแห่ง ทั้ง JD, Alibaba และ NetEase ที่รุกการเลี้ยงหมูแบบ Smart Farm ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
ท่ามกลางยอดผลิตเนื้อหมูจีนปีนี้ที่จะเพิ่มเป็น 41.5 ล้านตัน ย้ำความเป็นประเทศที่มีฟาร์มเลี้ยงหมูมากสุดในโลก คิดเป็นครึ่งหนึ่งของทั้งหมด แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการบริโภคในประเทศของจีน ซึ่งสูงถึงปีละ 54 ล้านตัน
ส่วนปัจจัยที่ทำให้การเลี้ยงหมูแบบ Smart Farm ในจีนโตไม่หยุดช่วงไม่กี่ที่ผ่านมา เกิดขึ้นจากสามปัจจัยหลักคือหนึ่ง เจ้าของฟาร์มใหญ่ ๆ ที่ต้องเลี้ยงแบบอุตสาหกรรมหาทางประหยัดค่าใช้จ่ายและกำลังคน
ตามด้วยสองคือเจ้าของฟาร์มใหญ่ ๆ ต่างก็อยากได้วิธีมาตรฐานและทันสมัยเพื่อให้ได้หมูที่สะอาด น้ำหนักพอดีตามตลาดต้องการ พร้อมลดปัญหาจุกจิกต่าง ๆ ในการเลี้ยงระดับอุตสาหกรรมให้ได้มากที่สุด
ส่วนปัจจัยสุดท้ายคือเจ้าของฟาร์มใหญ่ ๆ ต่างเห็นว่า AI ที่สามารถตรวจพบความผิดปกติของหมูได้เร็ว และการประมวลผลผ่านระบบ Cloud นั้นเป็น ‘อาวุธ’ สำคัญในการรับมือกับโรคระบาดได้เร็ว เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาฟาร์มหมูในจีนต้องขาดทุนย่อยยับจากไข้หวัดหมูแอฟริกา (ASF) และโควิด-19
เปิดฟาร์มหมูสุดล้ำของแบรนด์เทคโนโลยีจีน
ความต้องการ AI และ Cloud ที่เพิ่มขึ้นในการเลี้ยงหมูแบบ Smart Farm ในจีน ทำให้แบรนด์เทคโนโลยีต่างพากันรุกตลาดนี้ โดยเมื่อปี 2020 JD หนึ่งใน E-commerce ใหญ่ประเดิมลงทุน 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 959 ล้านบาท) พัฒนาด้านนี้อย่างจริงจัง
ส่วนคู่แข่งอย่าง Alibaba ก็เผยว่า AI ทางการเกษตรและปศุสัตว์ที่พัฒนาขึ้นในชื่อ ET Agricultural Brain มีผลการทดสอบเป็นที่น่าพอใจ มั่นใจว่าเกษตรกรจะสร้างผลกำไรให้เกษตรกรที่นำไปใช้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม NetEase ค่ายเกมออนไลน์จีนดูจะก้าวหน้าด้าน Smart Farm มากกว่าบริษัทเทคโนโลยีร่วมชาติทั้งหมด โดย Ding Lei ผู้ก่อตั้งบริษัทและ CEO ‘ปิ๊งไอเดีย’ ทำ Smart Farm ระหว่างกินสุกี้เมื่อปี 2009 และจริงจังถึงขนาดตั้งบริษัทลูกด้านนี้ขึ้น
เพราะเห็นว่า การได้เนื้อหมูคุณภาพดี ตรงตามความต้องการ สะอาดปลอดภัย ผ่านเทคโนโลยีทันสมัยนั้น เป็นธุรกิจที่ทำกำไรมหาศาล/bbc, nasgaq, wikipedia, reuters, theguardian
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



