จีนยังเป็นมหาอำนาจในหลายด้าน ปี 2020 เป็นประเทศที่ยื่นขอจดสิทธิบัตรมากสุดในโลก ด้วยจำนวนเกือบ 69,000 รายการทิ้งสหรัฐฯ ให้เป็นเบอร์สองต่ออีกปี
มหาอำนาจในเอเชียยังคง ‘ยืนหนึ่ง’ ด้านนวัตกรรม โดยเมื่อปี 2020 จีนคือประเทศที่ยื่นขอจดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญามากสุดในโลก ด้วยจำนวนถึง 68,720 รายการ และเป็นอีกปีที่ครองความเหนือกว่าสหรัฐฯ ซึ่งตามมาเป็นอันดับสอง ด้วยจำนวนสิทธิบัตร 59,230 รายการ
ทั้งที่มีประชากรมากมายและพื้นที่ประเทศกว้างใหญ่ แต่ด้วยปัญหามากมาทำให้ในอดีตการพัฒนาด้านนวัตกรรมของจีนเป็นไปอย่างล่าช้าและเป็นได้แค่ “โรงงานโลก” ทว่าราว 15 ปีมานี้ ขีดความสามารถด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของจีนก็ทยอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนแบรนด์เทคโนโลยีจีนมากมายตีตลาดโลกได้สำเร็จ
หนึ่งในหลักฐานยืนยันพัฒนาการดังกล่าวของจีนคือข้อมูลจากองค์กรทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ที่ระบุว่าปี 2005 จีนขึ้นมาติดอันดับ 10 ของประเทศยื่นขอจดสิทธิบัตรมากสุด ด้วยจำนวน 2,878 ราย แต่ก็ยัง ‘คนละชั้น’ กับสหรัฐฯ ที่ครองอันดับ 1 ในปีนั้นด้วยจำนวนการยื่นขอจดสิทธิบัตรฯ 48,040 รายการ
จากนั้นจีนก็เร่งเครื่อง ขยับอันดับสูงขึ้น ๆ พอปี 2009 ขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ปี 2017 ขึ้นมาอยู่อันดับ 2 และ 2019 ก็ครองแชมป์ได้สำเร็จ ด้วยจำนวนสิทธิบัตร 59,193 รายการ ทำให้สหรัฐฯ ที่ลงไปเป็นอันดับ 2 เสียแชมป์เป็นครั้งแรกรอบ 43 ปี
ล่าสุดเมื่อปี 2020 อันดับ 1 และ 2 ก็ไม่เปลี่ยนแปลง จีนยื่นขอจดสิทธิบัตรมากเป็นอันดับ 1 ในโลก ด้วยจำนวน 68,720 รายการ สหรัฐฯ ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยจำนวน 59,230 รายการ ส่วนอันดับที่เหลือในกลุ่ม Top 5 มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยเกาหลีใต้แซงเยอรมนีขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ได้สำเร็จ
ข้อมูลล่าสุดของ WIPO ยังระบุอีกว่า Huawei เป็นบริษัทที่ยื่นจดสิทธิบัตรมากสุดในโลก สูงถึง 5,464 รายการ และมหาวิทยาลัยจีนถึง 5 แห่งที่ติด Top การยื่นขอจดสิทธิบัตร
ส่วนสำคัญที่ทำให้จีนมีพัฒนาการนวัตกรรมและขึ้นมาเป็นประเทศที่ยื่นขอจดสิทธิบัตรมากสุดในโลก คือการสนับสนุนของรัฐบาลภายใต้โครงการ Made in China 2025 ที่เริ่มขึ้นเมื่อปี 2015
สี จิ้นผิง
ตามนโยบายของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศให้ทันสมัย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม/nikkei, wipo
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ