ประเด็นร้อนนอกสนามในวงการฟุตบอลยุโรปกำลังจะถึงจุดจบ โดย 6 ทีมใหญ่ใน Premier League อังกฤษ ประกาศถอนตัวจากการตั้ง European Super League (ESL) หลังเผชิญกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวาง จนทำให้ทีมก่อตั้งลดลงและอาจไม่สามารถตั้งลีกใหม่ขึ้นตามแผน
นับจากเช้าวันจันทร์เป็นต้นมาแฟนบอลทั่วโลกต่างมุ่งความสนใจไปที่ทวีปยุโรป หลัง 12 ทีมใหญ่ซึ่งครึ่งหนึ่งมาจาก Premier League ประกาศจับมือตั้ง ESL โดยอ้างว่าเพื่อเร่งการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดและต้องการสร้างความก้าวหน้าในระยะยาวให้ฟุตบอลยุโรป
ท่ามกลางข้อกังขาว่านี่อาจเป็นความพยายามท้าทายอำนาจสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (UEFA)
ถัดจากนั้นไม่นานกระแสต่อต้านแผนตั้ง ESL ก็โถมเข้าใส่ทั้ง 12 ทีม โดยทั้ง เบอร์ใหญ่ๆ และคนดังในวงการฟุตบอล ไปจนถึงผู้นำประเทศหรือแม้กระทั่งคนในราชวงศ์อังกฤษ
และคนในวงการบันเทิง ต่างเห็นไปในทางเดียวกันว่า 12 ทีมใหญ่หวังโกยกำไรมากกว่าพัฒนาวงการฟุตบอล
แน่นอนว่า UEFA ค้านแผนนี้มากกว่าใครๆ เพราะกระทบต่อ UEFA Champions League การแข่งขันระดับสูงสุดของทีมระดับสโมสรยุโรปที่ตนดูแลอยู่
เรื่องยิ่งทวีความร้อนแรง หลัง UEFA ขู่ห้ามไม่ทั้งทีมและนักเตะที่ไปเข้าร่วม ESL เตะในรายการที่ตนดูแลอยู่ แต่ฝ่าย 12 ทีมใหญ่ก็ไม่ยอมแพ้ ตั้งทีมทนายขึ้นมาสู้เพื่อปัดให้มาตรการลงโทษต้องตกไป พร้อมความมั่นใจว่าเงินก้อนใหญ่จาก JP Morgan จะช่วยให้ตั้ง ESL ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามตลอด 2 วันที่ผ่านมา แฟนบอลทีมใหญ่อังกฤษที่ประกอบไปด้วย Chelsea, Manchester United , Manchester City, Liverpool, Spurs และ Arsenal ต่างพากันร่วมตัวประท้วงแผนตั้ง ESL ในทุกนัดที่ทีมรักลงเตะ
ขณะที่บรรดาผู้จัดการทีมก็ดูจะไม่เห็นด้วยกับแผนนี้ และมีแนวโน้มว่าเป็นการตกลงกันเองระหว่างกลุ่มมหาเศรษฐีเจ้าของทีม ท่ามการคาดหมายว่าการค้านแผนตั้ง ESL อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ Jose Mourinho ถูกปลดพ้นตำแหน่งผู้จัดการทีม Spurs
วันนี้ Chelsea เป็นทีมอังกฤษทีมแรกที่ถอนตัวและอีก 5 ทีมเหลือก็ทำแบบเดียวกัน โดย Arsenal ออกแถลงการณ์ ขอโทษแฟนบอลและยอมรับเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ขณะที่ Daniel Levy ประธาน Spurs ก็ออกมายอมว่าเป็นความผิดพลาดเช่นกัน
Daniel Levy
ล่าสุดสถานการณ์ฝันตั้ง ESL ใกล้ดับเต็มที เพราะนอกจาก 6 ทีมใหญ่อังกฤษแล้ว Inter Milan, AC Milan Juventus และ Atletico Madrid ก็ถอนตัวแล้ว ทำให้เหลือเพียง ฺBarcelona กับ Real Mardrid เท่านั้น
Florentino Perez
ด้าน Florentino Perez ประธาน Real Madrid โต้โผใหญ่ของ ESL ยังเก็บตัวเงียบไม่มีความเคลื่อนไหวออกมา
ความเคลื่อนไหวล่าสุด มีขึ้นหลัง UEFA เริ่ม ‘เชือดไก่’ ปลด Andrea Agnelli ประธาน Juventus พ้นจากการเป็นสมาชิกบอร์ดบริหาร
Andrea Agnelli
แล้วให้ Karl-Heinz Rummenigge – CEO ของ Bayern Munich ขึ้นมาแทน Andrea Agnelli เพื่อ ‘ตบรางวัล’ ที่อยู่ข้าง UEFA มาตั้งแต่แรก เช่นเดียวกับผู้บริหารของ PSG
แผนตั้ง ESL ที่ใกล้ถึงจุดจบ เป็นการยืนยันว่า ไม่ว่าผู้บริหารหรือมหาเศรษฐีเจ้าของทีมจะมีอำนาจและกำลังเงินมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องฟังเสียงแฟนบอล
มีความเป็นไปได้ว่าจากนี้ลีกใหญ่และรัฐบาลยุโรปอาจจับมือกันคิดหาทางควบคุมทีมในลีก ไม่ให้มหาเศรษฐีเจ้าของทีมทำตามอำเภอใจ
และอาจนำกฎ 50+1 ของ Bundesliga ในเยอรมนีที่กำหนดให้นายทุนมีหุ้นสูงสุดในทีมได้เพียง 49% และให้ฝ่ายบริหารและองค์กรตัวแทนแฟนบอลมีอำนาจเหนือกว่า (50+1) มาใช้
Boris Johnson
นายกรัฐมนตรี Boris Johnson ของอังกฤษเห็นด้วยว่า ควรนำกฎ 50+1 มาใช้กับ Premier League อังกฤษ เพื่อป้องกันการกอบโกยกำไรเกินควรและเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อวงการฟุตบอลในระยะยาว / theguardian, bbc, wikipedia, dw
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ