ตลาดสุกี้ 64 หม้อเดือดๆ แข่งกันต้ม แข่งกันลวก และไม่ได้มีแค่ MK
ตลาดสุกี้หม้อต้มในไทยมูลค่า 15,000-20,000 ล้านบาท เติบโตมาต่อเนื่อง และแข่งกันไม่น้อย
เพราะในวันนี้เราเห็นอาหารประเภทสุกี้ หม้อต้ม เกิดขึ้นใหม่มากมาย ขณะเดียวกันแบรนด์เดิมก็ขยายสาขาเพิ่มเพื่อจับกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น
แบรนด์ที่เป็นผู้นำในตลาสุกี้แบบทิ้งห่างคู่แข่งไปไกลคือ MK ทั้งในแง่สาขาและรายได้
MK มีสาขาทั้งหมดกว่า 450 สาขา ทำรายได้ให้กับเครือมากถึง 74%
แม้จะดูเหมือนว่าภาพจำของสุกี้คือเอ็มเค แต่เอาเข้าจริงใน ตลาดสุกี้ 64 ของไทยยังมีแบรนด์อื่น ๆ อีก
ไม่ว่าจะเป็นสุกี้โคคา ที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 60 ปี ตอนนี้อยู่ในการบริหารของทายาทรุ่นที่สามอย่าง นัฐธารี พันธุ์เพ็ญโสภณ
ที่เพิ่งมีข่าวสะเทือนวงการกับการปิดสาขาที่สยามสแควร์ที่ให้บริการมากว่า 54 ปี และเตรียมโมเดลไซส์เล็กลง และขยายสาขานอกเมืองมากขึ้น (อ่าน: https://marketeeronline.co/archives/219015)
นีโอ สุกี้ อีกแบรนด์รองที่เปิดมากว่า 20 ปี มีทีเด็ดที่น้ำจิ้มที่มีให้เลือกถึง 7 รสชาติ ที่เป็นจุดขายต่างจากเจ้าอื่นๆ
ยังมีคู่เป็นร้านสุกี้ Stand Alone ที่มีชื่อเสียงมานาน อย่างเช่น เอี่ยวไถ่ สุกี้โบราณ สุกี้ เรือนเพชร เท็กซัส สุกี้ ที่เริ่มขยายสาขามาในห้างสรรพสินค้า ชูจุดเด่นขายความโบราณเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้รับประทานสุกี้รุ่นใหม่
อีกทั้งยังมีร้านสุกี้ชาบูที่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์เกิดขึ้นใหม่มากมาย ที่เราคุ้นกันทั้งชาบูนางใน สุกี้ตี๋น้อย ชาบูอินดี้ ฯลฯ
แล้วในตลาดที่แข่งกันดุเดือดของหม้อสุกี้นี้แข่งกันที่อะไร
เรามองว่า
สาขาและทำเล แน่นอนว่ายิ่งมีสาขาเยอะ และอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวกเป็นอีกปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้มากขึ้น
ราคา แบรนด์ใหม่ ๆ ที่เข้ามาในตลาดมักจะดึงผู้คนด้วยเกมราคาที่หวือหวา
แต่เอาเข้าจริงเรามองว่าเรื่องของคุณภาพมากกว่า ถ้าแบรนด์เสิร์ฟวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ราคาก็อาจจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ เพราะเดี๋ยวนี้ผู้คนยอมจ่าย เลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเองมากกว่า
รสชาติ แน่นอนว่าถ้าไม่อร่อยก็คงไม่มีใครอยากจะเข้าไปร้านนั่งกินแน่ๆ เพราะฉะนั้นแบรนด์ร้านสุกี้ในตลาดต่างทำรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีจุดเด่นที่ต่างกัน เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภค
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ