จากตัวเลขผลการสำรวจของนิตยสาร Marketeer ร่วมกับบริษัท Video Research International (Thailand) ปรากฏว่า เอ็มเค สุกี้ ยังคงครองความเป็น No.1 Brand ของร้านอาหารที่ผู้บริโภคใช้บริการสูงสุดทั่วประเทศได้อย่างต่อเนื่อง

แล้ว เอ็มเค จะยังคงรักษาความเป็นแชมป์ ในโลกอนาคตได้หรือไม่ จะวางกลยุทธ์ในการตั้งรับกับคู่แข่งใหม่ๆ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วได้อย่างไร ฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้อธิบายถึงวิธีคิดในเรื่องต่างๆ เพื่อก้าวผ่านโลกยุคเก่าไปสู่ยุคใหม่ไว้อย่างน่าสนใจมากๆ

วิถีผู้นำ วิถี เอ็มเค สุกี้

“ที่ผ่านมาการที่เอ็มเคยังครองความเป็นอันดับหนึ่งมาได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเรายังคงเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของผู้บริโภค เป็นความผูกพันที่ยาวนาน ทำให้ เอ็มเค เป็นเสมือนกิจกรรมหนึ่งของความเคยชินในชีวิตที่จะต้องพาครอบครัว ไปทานอยู่บ่อยๆ ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรบางสิ่งบางอย่างไป” 

ฤทธิ์ ธีระโกเมน กล่าวกับ Marketeer และบอกว่าเป็นความสำเร็จที่เขาและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทในยุคแรกๆภูมิใจ แต่ยอมรับว่าการแข่งขันในโลกอนาคตน่ากลัวอย่างมาก ๆ และเอ็มเค เองได้ให้ความสำคัญกับสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงนี้มานานหลายปี 

หลังจากพวกสมาร์ทโฟนเข้ามาเมื่อประมาณ 5-7 ปีที่แล้ว ผมก็รู้แล้วว่าพฤติกรรมคนต้องเปลี่ยนแน่นอน คนจะต้องพึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆแบบนี้มากขึ้น ในขณะที่รอบๆตัวเราก็มีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆเรื่อง ผมเองก็เริ่มเปลี่ยนวิธีคิดในการบริหารและคิดว่าคนรุ่นผมที่บุกเบิกกันมาไม่น่าจะปรับตัวในการทำธุรกิจได้ทันกับโลกดิจิทัล

เป็นความโชคดีอย่างมาก ๆ ของเอ็มเคกรุ๊ป ที่ผู้บริหารรุ่นเก่าเป็นคน “เปิดใจ” มีความกังวล และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง โดยไม่หลงระเริงอยู่กับความสำเร็จ และความเป็น No.1 ของแบรนด์ 

ดังนั้นสิ่งที่เอ็มเคเปลี่ยนแปลงอย่างแรกคือ การเปลี่ยนทีมผู้บริหาร เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนประมาณ 10 กว่าคน โดยเข้ามาเป็นผู้บริหารระดับ vice president เป็นทั้งลูก หลาน และมืออาชีพรุ่นเดียวกันที่มีทักษะความรู้ความสามารถที่หลากหลาย เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนแบรนด์ต่อไป 

ประสบการณ์ในการทำธุรกิจแบบดั้งเดิมของผู้บริหารรุ่นเก่า ค่อยๆผสมผสานกับวิธีคิดการทำตลาดในยุคดิจิทัลของผู้บริหารรุ่นใหม่ กลายเป็นอาวุธสำคัญเพื่อการต่อสู้ของเอ็มเคในยุคต่อไป 

“เราเตรียมคนมาหลายปี ถึงวันนี้ผมถือว่าภารกิจของการส่งมอบจากคนรุ่นเก่า Completed แล้วในเฟสแรก และพร้อมที่จะขยับไปเป็นที่ปรึกษาปล่อยให้คนรุ่นหลังคิดและทำอย่างเต็มที่ในเรื่องของไอเดียใหม่ๆ คอนเซ็ปต์ในการแต่งร้าน เมนูใหม่ การเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย พวกผมคุยกันถึงขนาดที่ว่าอะไรก็ตามที่เราคิดว่ายังใช่ แต่ถ้าพวกเขาบอกว่าไม่ใช่แล้วในยุคนี้เราก็จะไม่เอาไม่มีการบังคับกัน หรือถ้าพวกเขาทำไปแล้วมีผิดพลาดบ้างผมก็ว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง” 

พอเปลี่ยน“ คน ” ความคิดก็เปลี่ยน นโยบายใหม่ๆเลยเกิดขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมาโดยมีการประกาศเป็นการภายในองค์กรว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในธุรกิจของเอ็มเค กรุ๊ป สามารถปรับให้ทันสมัยเป็นดิจิทัลได้ ให้ลงมือทำเลย เริ่มจากการมีเครื่อง PDA (Personal Digital Assistant : เอาไว้รับออเดอร์แล้วส่งรายการเข้าระบบได้ทันที มีเครื่อง Self-ordering Tablet (เป็นแท็บเล็ตที่มีตั้งอยู่ทุกโต๊ะ ที่ลูกค้าสามารถกดสั่งอาหารได้เอง โดยไม่ต้องเรียกพนักงาน)

รวมถึงมีไลน์แมน ที่จะช่วยให้มีเครือข่ายในการส่งอาหารให้ลูกค้ากว้างขึ้น และหันมาใช้สื่อออนไลน์เป็นหลักในการทำตลาด 

สิ่งที่เกิดขึ้นถ้าไม่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหาร หลายๆอย่างวันนี้ในเอ็มเคก็คงยังไม่มี เราก็ยังทำแบบเก่าๆ ซื้อสื่อหรือการทำตลาดก็อาจจะใช้แต่สื่อเดิมๆ ไม่ได้คิดว่าคนรุ่นใหม่ไม่ดูทีวีกันแล้ว

ความทันสมัยที่เกิดขึ้นนอกจากสร้างความสะดวกสบายให้กลุ่มลูกค้ายัง “ได้ใจ” คนรุ่นใหม่อีกด้วย  

 

ยุคใหม่ ต้องทันสมัยและต้อง “ประเดี๋ยวนี้”

ด้วยความเป็นแบรนด์ที่อยู่คู่สังคมไทย มายาวนานถึง 34 ปี วันนี้คุณพ่อ คุณแม่ยังคงชอบพาคุณตา คุณยายไปรับประทาน แต่ในขณะเดียวกันรุ่นหลานอาจจะมองว่าแบรนด์นี้แก่ไป

เป็นโจทย์ที่ท้าทายสำคัญสำหรับผู้บริหารยุคนี้ที่ต้องทลายกำแพงความคิดนี้ให้ได้ ดังนั้นการปรับให้แบรนด์ทันสมัย จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการลงทุนเรื่องเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง

เมื่อ 2 ปีที่แล้วเอ็มเคได้ลงทุนกับระบบ เอ็นเตอร์ไพรส์ รีซอร์ท แพลนนิ่ง (ERP) เป็นโปรแกรมเพื่อการบริหารองค์กร ซึ่งจะเชื่อมระบบโลจิสติกส์ บัญชี คลังสินค้าทั้งหมดไว้ด้วยกัน ทำให้การทำงานภายในมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งลงทุนทำในเรื่องแอปพลิเคชันต่างๆลงใน มือถือ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากขึ้นมีระบบการจองคิวไปจากบ้านไปถึงได้นั่งเลย ไม่ใช่ต้องไปยืนรอ หรือจะสะสมแต้ม ตัดแต้มต่างๆ แลกแต้ม ทำซีอาร์เอ็มโปรแกรมใช้ตัวนี้ได้หมด ซึ่งคาดว่าจะใช้ได้สมบูรณ์ในเร็วๆนี้ 

คนเดี๋ยวนี้ ไปถึงร้านเจอคิวยาวเขาไม่รอแล้ว ไปร้านอื่นดีกว่า สิ่งที่เราพยายามจะทำผ่านเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อให้เขาได้รับการบริการที่ดีขึ้น เร็วขึ้น ทันอกทันใจ

ในขณะเดียวกันเมนูอาหาร ก็มีการเพิ่มให้หลากหลาย และมีเมนูใหม่ๆบ่อยขึ้นกว่าเดิม แต่ต้องเป็นเมนูที่คนรุ่นใหม่ต้องชอบคนรุ่นเก่าก็ยอมรับได้ ส่วนในเรื่องของ core product คือการนำอาหารลงหม้อต้มซุปสดๆยังเป็นแบบเดิมไม่เปลี่ยน 

ปี 2561นี้ เทคโนโลยีใหม่ๆที่จะเข้ามาในเอ็มเค นอกจากแอปพลิเคชันต่างๆที่เตรียมไว้ ยังมีเรื่องของการบริการชำระเงินผ่าน QR code ด้วย

ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเปลี่ยน ก็มีคนบางคนที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แต่เราต้องบริการลูกค้าทั้งหมด เราไม่ได้ห้ามใช้เงินสด แต่การที่เราต้องคงไว้ทั้ง 2ระบบเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก แต่จำเป็นต้องทำ

สร้างความหลากหลายของแบรนด์ 

 การขยายแบรนด์เพื่อรองรับกับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะทำให้แบรนด์ยังคงอยู่ในใจผู้บริโภค 

โดยมีแบรนด์ ยาโยอิ ที่ “เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป” ได้ซื้อ Franchise มาจากพันธมิตรญี่ปุ่น เป็นตัวหลักในการก้าวไปหาลูกค้ากลุ่มใหม่ ตามกระแสความชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น และสร้างจุดขายในเรื่องราคาที่เข้าถึงได้ (Affordable Price) ปัจจุบันมีทั้งหมดประมาณ 160 สาขา 
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แบรนด์ยาโออิได้เพิ่มความฟินยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อ ได้จัด ฉลองครบรอบ 12 ปี ด้วยแคมเปญ ‘ยาโยอิ ลุ้นฟินกินฟรี’ ฟินทั้งปี ฟรี! หนัก! มาก! พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ ‘BNK48’ เกิร์ลกรุ๊ปสุดฮอตแห่งปี ยาโยอิจัดหนักใช้พรีเซนเตอร์ถึง 16 คนครบเซ็ต ได้ใจกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าไปอีก 

12 ปีกว่าของยาโยอิ ถือว่าเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงแล้วนะ ถ้าวัดในพวกอาหารญี่ปุ่นด้วยกัน ผมคิดว่าเขาก็น่าจะอยู่ ไม่นัมเบอร์1 ก็นัมเบอร์2 ด้วยความที่อยู่มานานและมีสาขาเยอะ

ฤทธิ์บอกว่า วันนี้ เอ็มเคกรุ๊ป ยังมองหาแบรนด์ใหม่ๆ เพื่อมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพอร์ต โดยมีแบรนด์ร้านอาหารต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเสนอตัวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เอ็มเคจำเป็นต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบ ต้องคิดถึงผู้ถือหุ้นเป็นหลักว่าจะได้ประโยชน์ ซื้อมาจะคุ้มค่าหรือเปล่า จะมีปัญหาในการบริหารหรือไม่ ใช้เวลานานแค่ไหนในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น หรือได้ใช้ความสามารถของเราที่มีไปช่วยเขาได้ไหม ต้องคิดหลายเรื่องคิดไปคิดมาตอนนี้เลย ยังไม่ตัดสินใจ

ถ้าซื้อส่วนตัวผมคงตัดสินใจง่ายกว่านี้เยอะเลย แต่ดีครับ ทำให้เราได้ประสบการณ์ ได้รับรู้ปัญหาของเพื่อนร่วมธุรกิจ เวลาไปเจรจาก็จะพาผู้บริหารคนใหม่ๆของเราไปด้วยเพื่อให้เขารับรู้ว่าการซื้อกิจการไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และยังต้องดูว่าคนที่ขายให้เราจริงใจกับเราแค่ไหน พร้อมช่วยเหลือซัพพอร์ตเราอย่างไรได้บ้างไม่ใช่ขายแล้วก็จบๆกันไป 

นอกจากธุรกิจอาหารแล้วเอ็มเคยังสนใจธุรกิจอื่นๆที่สามารถใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่เอ็มเคมีอยู่ เช่นธุรกิจด้านการบริการที่เกี่ยวกับการใช้คน เช่นธุรกิจโรงแรม บริษัท รปภ. แม่บ้าน ธุรกิจที่เกี่ยวกับฟูดคอร์ท หรือ ธุรกิจที่ต้องใช้ระบบโลจิสติกส์ ส่งของทั่วประเทศ 

ถึงแม้จะสนใจอยู่หลายโครงการแต่เขาก็บอกว่า เอ็มเคจะค่อยๆ ไปไม่ก้าวแบบ aggressive แน่นอน

 

ไม่จำเป็นต้องรีบเป็นเจ้าอาณาจักร

เช่นเดียวกับการขยายสาขาไปต่างประเทศฤทธิ์ ให้ความเห็นว่า “หน้าที่ในการขยายสาขาไปในประเทศต่างๆบนโลกนี้ เป็นบทบาทของ New Generation ถ้าเขายังไม่มีความคิดหรือมองว่ายังไม่ควรบุก ก็ไม่ควรรีบไป ตั้งใจโฟกัสงานในประเทศไปก่อน จนเมื่อไหร่ที่มั่นใจว่าตลาดในประเทศสามารถบริหารจัดการให้แข็งแรงได้อย่างมั่นคงวันนั้นผมเชื่อว่าการบุกตลาดต่างประเทศ จะเป็นความท้าทายอีกเรื่องหนึ่งของผู้บริหารยุคนี้ ” 

ดังนั้นวันนี้ เป้าหมายต่างประเทศยังมองเป็นเรื่องรอง ถือเป็นการทดลองตลาดเพื่อจะศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นตลาดเวียดนาม ญี่ปุ่น หรือลาว 

พร้อมๆ กับพยายามหาโมเดลธุรกิจใหม่ๆที่สามารถจะไปไหนก็ได้ในโลกใบนี้อย่างรวดเร็วและไม่ยุ่งยาก 

 

MK Live สีสันใหม่ของ MK สุกี้

MK Live เป็นอีกหนึ่งวิธีคิดของเอ็มเคที่โฟกัสไปยังลูกค้าคนรุ่นใหม่มากขึ้น หรือครอบครัวที่ต้องการหาประสบการณ์แปลกๆ ใหม่ๆ ในการรับประทานอาหารและเข้าหาธรรมชาติมากขึ้น

โดยบรรยากาศภายในร้านถูกออกแบบให้ผู้บริโภคเหมือนได้กลับไปรับประทานอาหารจากแหล่งธรรมชาติ แหล่งเพาะปลูกจริงๆ, เน้นการบริการที่มีชีวิตชีวา, มีการสร้างครัวเปิดโชว์ให้เห็นเมนูทำสดๆ, การคัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งคุณภาพทั่วโลก , การพัฒนาเมนูเอ็กซ์คลูซีฟที่สร้างประสบการณ์ใหม่ในการทานสุกี้ การโชว์เทคโนโลยีใหม่ นวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งทั้งหมดไม่เคยมีอยู่ในร้านสุกี้แบบเดิม การเป็นร้าน Flagship ที่สร้างให้แบรนด์เอ็มเค น่าสนใจยิ่งขึ้น 

MK Live เปิดมาแล้ว 2 สาขา คือที่ ดิเอ็มควอเทียร์ เมกา บางนา และวางแผนจะเปิดสาขาที่ 3 และ 4 สาขาเร็วๆ นี้

จะปัจจุบัน หรืออนาคต “คน” สำคัญที่สุด

ปัจจุบัน เอ็มเคกรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมดประมาณ 2.5 หมื่นคน ส่วนที่สำคัญอย่างมากคือ พนักงานหน้าร้านซึ่งมีหน้าที่ในการบริการลูกค้าโดยตรง และมีจำนวน 2หมื่นกว่าคน พนักงานส่วนกลางประมาณ1พันกว่าคน โลจิติกส์ อีกประมาณ 2 พันคน ซึ่งแต่ละส่วนต้องผ่านการอบรมจาก สถาบันฝึกอบรมเอ็มเค ที่มีเป้าหมายสำคัญคือ ลูกค้าต้องได้รับประทานอาหารที่ดีที่สุด อร่อยที่สุด ภายใต้การบริการที่ดีที่สุดด้วย 

เป้าหมายที่เป็นหัวใจสำคัญของเอ็มเค ถูกส่งต่อจากรุ่น สู่รุ่น มานานกว่า 30 ปี พร้อมๆกับหลักสูตรการฝึกอบรมต่างๆที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยตลอดเวลา 

ในขณะเดียวกันในเรื่องกฎระเบียบต่างๆของบริษัท ฝ่ายบุคคลเองก็ต้องคอยตรวจสอบ ให้มีความสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของพนักงานรุ่นใหม่ๆที่วันนี้ใช่แค่เพียง Gen Y แต่มี Gen Z เข้ามาด้วย 

เราจะพยายามดูแลคนรุ่นใหม่ให้ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เพราะ เขาควรได้รับความก้าวหน้าในชีวิต มีการหาเครื่องไม้เครื่องมือทางด้านไอทีออกมาให้ทำงานง่ายขึ้น เรื่องระเบียบสิทธิประโยชน์ต่างๆทางด้านสวัสดิการก็สามารถเช็คได้เองผ่านเน็ตเพื่อให้พนักงานรู้สึกว่าบริษัทเราทันสมัยและโปร่งใส

รวมทั้งทำโครงการส่งเสริมการเรียนการศึกษาของบุตร ส่งเสริมเรื่องการเก็บออมเงินและ ส่งเสริมการดูแลสุขภาพพนักงานให้แข็งแรง 

ทำอย่างไรให้คนทำงานมีความสุข เพื่อส่งต่อความสุขให้ลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย คือสิ่งที่ฤทธิ์ ย้ำว่ายังคงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้บริหารทุกรุ่นต้องให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง 

 

ใครคือคู่แข่ง ในอนาคตของเอ็มเค 

ฤทธิ์ บอกว่า ในอนาคตธุรกิจอาหาร อาจจะไม่น่ากลัวเหมือนธุรกิจ Retail อื่นๆ ทุกวันนี้สามารถทำธุรกรรมได้โดยผ่านมือถือ หรือธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่เปลี่ยนจากสิ่งพิมพ์เป็นออนไลน์ แต่สิ่งที่เขากังวลคือการเกิดของคู่แข่งที่มองไม่เห็น ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ และเป็นแบบไหน ดังนั้นบทบาทของผู้บริหารยุคจากนี้ไป อาจจะเหนื่อยกว่าคนยุคก่อน ต้องตามเทรนด์ผู้บริโภคให้ทัน และจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เร็วด้วย 

เขายกตัวอย่างว่าอย่างเรื่องโลเคชั่นจากเดิมที่เคยตามไปกับศูนย์การค้า แต่ต่อไปอาจจะเปลี่ยนเป็นวิธีการอื่นบ้าง เช่นในเดือนมีนาคมปีนี้เอ็มเคได้ไปเปิดสาขาใหม่ที่สนามบินดอนเมืองซึ่งมีผู้คนจำนวนมากตลอดเวลา หรือต่อไปอาจจะเป็นพื้นที่หน้าหมู่บ้านจัดสรร ใช้พื้นที่ไม่เยอะ ไม่จำเป็นต้องมีทุกเมนู ปรุงได้อย่างรวดเร็ว สามารถสั่งกลับบ้านได้ด้วย ด้วยวิธีนี้เอ็มเคจะ สามารถขยายสาขาได้เร็ว สร้างความสะดวกให้ผู้บริโภคมากขึ้

ก็เป็นโปรเจคที่กำลังอยู่ในระหว่างการทดลอง เป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆในการเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น ซึ่งในปีนี้น่าจะเปิดได้ประมาณ 3-5 แห่ง แต่จะสำเร็จหรือไม่เรายังไม่รู้ ไม่สำเร็จก็พับแผนไม่ได้เสียหายอะไรมากเพราะสาขาเล็กๆ 

 

ทั้งหมดคือเป้าหมายในการเป็นผู้นำในฐานะ Chain Restaurant Expert เป็น Multi Brand Company ที่มีแบรนด์ร้านอาหารครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ รองรับทุกตลาดและทุกกลุ่มเป้าหมาย 

และที่สำคัญ ยังคงครองความเป็น No.1 Brand ได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะทศวรรษนี้ หรือในทศวรรษหน้า 



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online