ตลาดพรินเตอร์อิงค์เจ็ท 65 ถดถอย สมการที่ต้องแก้ของ เอปสัน (วิเคราะห์)
ช่วงเวลา 3-5 ปีต่อจากนี้ เอปสันคาดการณ์ว่าตลาดรวมพรินเตอร์อิงค์เจ็ทระบบแท็งค์ หรือพรินเตอร์อิงค์แท็งค์จะเติบโตเพียง 3-5% นับว่าเป็นอัตราการเติบโตที่ถดถอย เนื่องจากเป็นตลาดที่เริ่มอิ่มตัว
สำหรับเอปสันประเทศไทย การเติบโตของพรินเตอร์อิงค์แท็งค์ในอัตราที่ถดถอยเป็นเรื่องที่ท้าทายของ ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด ที่จะทำอย่างไรให้เอปสัน ประเทศไทย เติบโต 10% ในปีนี้
เพราะในเมื่อพรินเตอร์อิงค์แท็งค์ คือกลุ่มสินค้าเมนสตรีมที่ทำรายได้หลักให้กับเอปสันประเทศไทยในสัดส่วนถึง 75% ของรายได้ทั้งหมด
1. เดินหน้าสร้างเซกเมนต์ใหม่ ๆ ใน ตลาดพรินเตอร์อิงค์เจ็ท
ในปีนี้เอปสันต้องการเติบโตในกลุ่มพรินเตอร์อิงค์แท็งค์ 7%
การเติบโตนี้มาจากการเดินหน้าขยายฐานลูกค้าผ่านเซกเมนต์ใหม่ ๆ ที่เอปสันเข้าไปสร้างตลาดในหลายปีที่ผ่านมา
เช่น การพัฒนาประสิทธิภาพพรินเตอร์อิงค์แท็งค์อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความเร็วในการพิมพ์ ความสามารถในการพิมพ์หน้า-หลัง ระบบหมึกมีความจุสูง ประหยัดพลังงาน ให้ต้นทุนต่อแผ่นที่ต่ำลง เพื่อเข้าไปกินส่วนแบ่งตลาดพรินเตอร์เลเซอร์ และตลาดเครื่องถ่ายเอกสารในรูปแบบเดิม ๆ ที่เป็นรุ่นเล็กในกลุ่มลูกค้าองค์กร เป็นต้น
โดยเฉพาะกลุ่มพรินเตอร์ที่เข้ามาทดแทนเครื่องถ่ายเอกสาร เอปสันคาดการณ์ว่าปีนี้จะสามารถสร้างการเติบโตได้มากกว่า 50%
ส่วนปี 2565 พรินเตอร์กลุ่มเครื่องถ่ายเอกสารเติบโต 30%
การเข้าไปสร้างตลาดใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องของเอปสันทำให้ในปี 2564 เอปสันมียอดขายพรินเตอร์อิงค์แท็งค์เพิ่มขึ้น 18% รักษาความเป็นผู้นำในตลาดพรินเตอร์อิงค์แท็งค์ด้วยส่วนแบ่งตลาดด้านมูลค่า 46% และด้านจำนวนเครื่อง 43%
2. เครื่องพิมพ์ผ้า–ฉลาก ตอบโจทย์ออนดีมานด์
สำหรับกลุ่มเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์ที่มีสัดส่วนรายได้ 11% ของเอปสันประเทศไทย
ในปีนี้เอปสันยังคงให้ความสำคัญเครื่องพิมพ์ฉลาก และมองว่าในปีนี้ธุรกิจเครื่องพิมพ์ฉลากจะเติบโตมากกว่า 50%
การเติบโตนี้มาจากการเห็นเทรนด์การเติบโตของเครื่องพิมพ์ในรูปแบบนี้เมื่อปีที่ผ่านมา ที่มีการเติบโตถึง 63% จากความต้องการของธุรกิจโรงพิมพ์ได้รับออเดอร์ในรูปแบบดิจิทัลออนดีมานด์มากขึ้น เพราะลูกค้าไม่ต้องการสต๊อกฉลากแบบเดียวไว้จำนวนมากเหมือนเมื่อก่อน และลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาล คลินิก หรือสตาร์ตอัปผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและอาหารเสริม ที่ซื้อเครื่องพิมพ์ฉลากเพื่อใช้ในธุรกิจมากขึ้น
นอกจากนี้ เอปสันยังคงเข้าไปในกลุ่มเครื่องพิมพ์ผ้าเพื่อเข้าไปทดแทนการพิมพ์ผ้าในรูปแบบเดิม ๆ ด้วยจุดขายที่ประหยัดน้ำในการผลิตมากกว่าระบบการพิมพ์ผ้าระบบเดิม ๆ และสามารถพิมพ์ออนดีมานด์ได้
3. Business Model เช่าซื้อ ประตูเปิดทางสู่ยอดขายอื่น ๆ
ในสองปีที่ผ่านมา เอปสัน ออกบริการ เช่น ซื้อเครื่องพร้อมหมึกแบบเหมาจ่ายรายเดือนตามจำนวนแผ่นกระดาษที่ใช้งาน ซึ่งการออกบริการนี้ส่วนหนึ่งคือการตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรที่ต้องการบริหารค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านอุปกรณ์การพิมพ์เอกสาร และไม่ต้องการลงทุนซื้อตัวเครื่องที่เป็นฮาร์ดแวร์เพราะมองว่าต้องใช้เม็ดเงินที่สูงในการลงทุน
และยังเข้ามาแย่งชิงเม็ดเงินลูกค้าในกลุ่ม B2B จากตลาดพรินเตอร์เลเซอร์ และเครื่องถ่ายเอกสาร
ในปัจจุบันบริการแบบเช่าซื้อเอปสันได้ขยายรูปแบบบริการนี้ เป็นทั้งในรูปแบบเช่าระยะสั้น และเช่าซื้อ พร้อมกับขยายบริการไปในกลุ่มที่หลากหลาย เช่น ขยายไปในกลุ่มโปรเจกเตอร์ เป็นต้น
การเปิดบริการเช่าและเช่าซื้อเป็นหนึ่งที่เอปสันมองว่าถ้ากลุ่มลูกค้าได้เข้ามาทดลองใช้สินค้าเอปสัน ผ่านบิสซิเนสโมเดลนี้ เมื่อประทับใจในสินค้าและบริการ โอกาสที่จะเป็นลูกค้าในสินค้าอื่น ๆ จะมีมากขึ้นตามมา
4. บริการสร้างประสบการณ์เป็นบวก
ยรรยงมองว่าการแข่งขันในธุรกิจพรินเตอร์ปีนี้ไม่ได้แข่งขันกันเรื่องราคา แต่แข่งขันกันที่การมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งาน และบริการที่ดี ทั้งการบริการด้านข้อมูล บริการหลังการขาย ที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความสะดวกให้กับผู้บริโภค
เพราะการที่ผู้บริโภคประทับใจในการบริการนอกจากจะเป็นลูกค้าระยะยาวแล้วยังเป็นกระบอกเสียงให้กับเอปสันในการแนะนำสินค้าถึงผู้บริโภคด้วยกัน
ผู้บริโภคจะมองว่าการแนะนำกันของผู้บริโภคด้วยจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าการแนะนำจากตัวแทนจำหน่ายหรือแบรนด์ เพราะเป็นการแนะนำจากประสบการณ์การใช้งานจริงและไม่มีผลประโยชน์ด้านการขายมาเกี่ยวข้อง
นอกเหนือจากการเพิ่มช่องทางในการติดต่อ ติดตามข่าวสาร และขยายเวลาให้บริการ Call Center เพิ่มจากเดิม
ในปีนี้เอปสันมีแผนขยายศูนย์บริการหลังการขายไปยังเมืองรองมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ 184 แห่งทั่วประเทศ และศูนย์บริการหลังการขายสามารถโทรนัดหมายเพื่อส่งซ่อมและรับกลับได้ภายในวันเดียว
ส่วนลูกค้าองค์กรมีบริการ On Site Service จากศูนย์บริการ 164 แห่ง
5. หุ่นยนต์แขนกล
นอกเหนือจากธุรกิจพรินเตอร์ หุ่นยนต์แขนกลถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่เอปสันเชื่อว่าจะเติบโตมากกว่า 50% ในปีนี้ จากปีที่ผ่านมามีการเติบโตกว่า 60%
โดยตลาดหลักของหุ่นยนต์แขนกลจะอยู่ที่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมอุปกรณ์ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์
ซึ่งการเติบโตของรถ EV ในอนาคต จะกลายเป็นโอกาสของหุ่นยนต์แขนกลเอปสัน จากความต้องการในการนำหุ่นยนต์แขนกลไปใช้ในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มขึ้น
6. เครื่องรีไซเคิลกระดาษแบบแห้งเครื่องแรก
ในปีนี้เอปสันนำ PaperLab เครื่องรีไซเคิลกระดาษแบบแห้งเครื่องแรกของโลกในภูมิภาคนี้ เข้ามาทำตลาด เจาะกลุ่มสำนักงาน ที่ต้องการผลิตกระดาษขึ้นมาใหม่จากกระดาษที่ใช้แล้วในสำนักงาน โดยไม่ใช้น้ำในกระบวนการผลิตอีกด้วย
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาเอปสัน ประเทศไทย เติบโต 9% เป็นการเติบโตที่ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ในต้นปี 2564 ที่วางไว้ที่ 10%
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



