บิ๊กซี เผยแผนธุรกิจ 5 ปี ตั้งเป้าเป็นธุรกิจชั้นนำในตลาดโลก รุกสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมขยายสาขาบิ๊กซีเพิ่มทั้งในและต่างประเทศ

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี เผยแผนธุรกิจ 5 ปี ตั้งเป้าเป็นธุรกิจชั้นนำในตลาดโลก มุ่งมั่นส่งมอบสินค้าผ่านโซลูชันที่ทันสมัยและบริการที่ดีให้แก่ลูกค้า ขยายสาขาบิ๊กซีเพิ่มทั้งในและต่างประเทศ พร้อมตอบแทนสังคมไทยอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี เปิดเผยในงานแถลง Entering into The Next Phase of Growth” ว่า ในปีนี้ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี วางแผนธุรกิจระยะยาว 5 ปี (65-69) โดยใช้งบลงทุน 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 12,000-14,000 ล้านบาทต่อปี พร้อมวางเป้าหมายเพื่อก้าวสู่ตลาดโลกและเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยห่วงโซ่อุปทานที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ ถึงผู้บริโภค

ทั้งนี้ ปัจจุบันบีเจซีมีผลงานที่แข็งแกร่งในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงมีศักยภาพในการรองรับการกระจายสินค้าและโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและในภูมิภาคเอเชีย โดยมีศูนย์กระจายสินค้ามากกว่าที่กระจายสินค้าไปมากกว่า 236,000 สาขา ร้านค้าปลีกทั่วภูมิภาคเอเชียโดยตรง

อาทิ เมียนมา มาเลเซีย เวียดนาม จีน สปป. ลาว และกัมพูชา เป็นต้น (ความจริงตัวเลขนี้เป็นตัวเลขของ ไทย+เวียดนาม หากจะพูดรวมถึงพม่า มาเลเซีย ลาว กัมพูชา น่าจะพูดได้ว่า มากกว่า 300,000 และนอกจากนี้ บริษัท ยังมุ่งมั่นพัฒนาวิจัยสินค้าร่วมกับพันธมิตรเพื่อกระจายสินค้าไปยังทั่วภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ บริษัท วางแผนรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในทุกธุรกิจ  โดยในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ธุรกิจโลจิสติกส์ และธุรกิจกระป๋อง ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้ากลุ่มพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมัน ส่งผลกระทบต่อตลาดโลก และเกิดความผันผวนต่อบริษัท ถึงภาคธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเดินหน้าเพื่อบริหารจัดการต้นทุนการวางแผนอย่างครอบคลุม เสริมสร้างโปรแกรมปรับปรุงต้นทุนโดยมุ่งเน้นที่การปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและการลดต้นทุนวัตถุดิบวัสดุ ทั้งนี้ ธุรกิจที่เห็นผลกระทบชัดแต่ไม่มากนัก คือกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค

สำหรับทิศทางการเติบโตของธุรกิจค้าปลีก บริษัทวางแผนการขยายช่องทางการค้าแบบ Omni-channel ผลักดันยอดขายเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้าทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์ และการบริการจัดส่งเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ผ่านบิ๊กซี แอปพลิเคชัน, Call for shop, Line chat shop, Drive thru, บริการจัดส่งด่วนภายใน 1 ชั่วโมง และความร่วมมือผ่านการขยายช่องทางการค้ากับพันธมิตรชั้นนำต่าง ๆ รวมถึงผลักดันยอดขายสินค้าเฮาส์แบรนด์ของบิ๊กซีให้ได้เป้าถึง 5 หมื่นล้านบาทภายในปี 2569 อาทิ We are fresh, Besico, Big C Happy Price, Big C Happy Price pro เป็นต้น 

ทั้งนี้ วางแผนขยายสาขาเพิ่มทุกแพลตฟอร์มภายในปี 2569 ประกอบด้วย ในไทย ขยาย บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต เพิ่มเป็น 160 สาขา จากปัจจุบัน 153 สาขา, บิ๊กซี มินิ เพิ่มเป็น 2,853 สาขา จากปัจจุบัน 1,352 สาขา,


บิ๊กซีซูเปอร์มาร์เก็ต และขายส่ง เพิ่มเป็น 84 สาขา จากปัจจุบัน 59 สาขา ในกัมพูชา ขยาย บิ๊กซีไฮเปอร์มาร์เก็ต เพิ่มเป็น 6 สาขา จากปัจจุบัน 1 สาขา, บิ๊กซีมินิ  เพิ่มเป็น 276 สาขา จากปัจจุบัน 1 สาขา ใน สปป. ลาว ขยาย บิ๊กซีไฮเปอร์มาร์เก็ต 2 สาขา, บิ๊กซีมินิ เพิ่มเป็น 245 สาขา จากปัจจุบัน 57 สาขา 

ในขณะเดียวกัน บริษัทวางแผนขยายสาขา บิ๊กซีไฮเปอร์มาร์เก็ต ในชื่อ “Big C Place” ในกรุงเทพฯ เพื่อดึงดูดนักช้อปรุ่นใหม่ เสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่เพื่อเป็นการอัปเกรดและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น

ภายในระยะเวลา 5 ปี และจะรีโนเวต บิ๊กซีไฮเปอร์มาร์เก็ต 90 สาขา ทั่วประเทศภายใน 2565–2569 เพื่อพัฒนาปรับปรุงสาขาให้ดูทันสมัย  เพิ่มร้านอาหารชื่อดังตอบสนองความต้องการทั้งของครอบครัวและคนรุ่นใหม่ทุกเพศทุกวัย

เพิ่มพื้นที่ co working space และ relax zone เพื่อทำให้เป็นจุดหมายของคนรุ่นใหม่ พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการของชุมชนตลอดจนการช่วยเหลือผ่านการเข้าซื้อโดยตรงจากเกษตรกรท้องถิ่น และการใช้เทคโนโลยีโมเดลธุรกิจ O2O (Online to Offline) คือ การผสมผสานระหว่างธุรกิจจากออนไลน์ไปยังออฟไลน์เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติ 

ในกลางปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดโมเดลธุรกิจเอ็มเอ็ม ฟู้ดเซอร์วิส (MM Food Service) ในประเทศไทยสาขาแรกที่โชคชัย 4  เป็นร้านธุรกิจรูปแบบขายส่ง ด้วยกลุ่มสินค้ากว่า 6,000 รายการ ครบจบในที่เดียวมุ่งเป้าหมายไปที่ลูกค้ากลุ่มโรงแรมและร้านอาหารเป็นหลักที่ต้องซื้อสินค้าในครั้งละจำนวนมาก

และวางแผนเปิดสาขาเพิ่มภายในปี 2569 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา รวมถึงธุรกิจร้านค้า “โดนใจ” ที่บริษัทได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน กว่า 498 ราย ณ เดือนมีนาคม 65 ทั้งร้านค้า ผู้ประกอบการ โชห่วย ร้านค้ารายย่อย ให้ดำเนินธุรกิจได้และมีรูปแบบที่ทันสมัย แต่ยังคงความเป็นเจ้าของร้านค้าของผู้ประกอบการนั้น

ด้าน บีเจซี บริษัทวางแผนขับเคลื่อนองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน ด้านการเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชีย อาทิ ธุรกิจแก้ว โดยมีกำลังการผลิต 4,000 ล้านขวดต่อปี ธุรกิจกระป๋องอะลูมิเนียมในประเทศไทย

โดยมีกำลังการผลิต 5,430 ล้านกระป๋องต่อปี รวมถึงวางแผนเปิดสายการผลิตเตาแก้วใหม่ในปี 2568 และเป็นตัวกลางขนส่งเพื่อนำขยะรีไซเคิลจาก “ผู้ทิ้งหรือผู้ขายขยะรีไซเคิล” เพื่อส่งมอบไปยัง “ร้านรับซื้อขยะรีไซเคิล” เข้าสู่กระบวนการจัดการค้าวัสดุรีไซเคิล เพื่อคัดแยกผ่านแอปพลิเคชัน ซี ซาเล้ง ด้วยบริการที่เป็นเลิศ คุณภาพที่โดดเด่น และเทคโนโลยีที่ทันสมัย แสวงหาโอกาสในการเติบโตจากตลาดและหมวดหมู่ใหม่ ๆ 

รวมถึงด้านธุรกิจเครื่องมือแพทย์ จะใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในปัจจุบันและสำรวจโอกาสทางธุรกิจใหม่ ทั้งแพลตฟอร์มเพื่อสุขภาพ สถานพยาบาลและธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 

นอกจากนี้ “บริษัทฯ ตอกย้ำการดำเนินกิจการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าและบริการครบวงจร ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน 4 ด้าน ประกอบด้วย สิ่งแวดล้อม สาธารณสุขและชุมชน และการศึกษา

โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา บีเจซี ได้รับรางวัลด้านความยั่งยืน อาทิ Dow  Jones Sustainability Indices of Silver Class 2022, FTSE4Good, THIS Thailand Sustainability Investment 2021 และ  ESG100 เป็นต้น

รวมถึงกิจกรรม พี่หมีบิ๊กกี้ ชวน recycle, ช่วยเหลือภาครัฐและเอกชนสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์และสร้างโรงพยาบาลเพื่อเป็นศูนย์รักษาผู้ป่วยโควิด-19, ช่วยเหลือมูลนิธิคนตาบอดแห่งประเทศไทย และช่วยเหลือโรงเรียนต่าง ๆ ในชุมชน เป็นต้น 

และตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต และการใช้ผลิตภัณฑ์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มแหล่งกักเก็บ และดูดซับคาร์บอน เป็นต้น” นายอัศวิน กล่าว

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online