คนอินเดีย ปี 2566 จะแซงจีนขึ้นเป็นประเทศประชากรมากสุดในโลก
อินเดียจะกำลังขึ้นเป็นประเทศที่มีประชากรมากสุดในโลก ด้วยจำนวนประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคน ตามการคาดการณ์ของสหประชาชาติ ทำให้จีนที่ยืนหนึ่งมาอย่างยาวนานลงไปเป็นอันดับ 2 ท่ามกลางปัจจัยบวกที่ส่งให้ประชากรโลกเพิ่มขึ้น
ตามข้อมูลของสหประชาชาติ ในปี 1950 ประชากรโลกอยู่ที่ 2,500 ล้านคน โดย ณ ขณะนั้นแม้อัตราการเกิดสูง ผู้หญิง 1 คนจะให้กำเนิดบุตรอยู่ 5 คน แต่เทคโนโลยีการแพทย์และสาธารณูปโภคต่าง ๆ ยังไม่พัฒนา อัตรารอดชีวิตของทารกจนโตเป็นผู้ใหญ่สร้างครอบครัวและมีลูกจึงยังต่ำ

ต่างจากปัจจุบันแม้อัตราการเกิดจะลดลง โดยปี 2021 อัตราการมีลูกจะอยู่ที่ 2.3 คนต่อผู้หญิง 1 คน และมีแนวโน้มลดลงไปอีกในอนาคต แต่เมื่อเทคโนโลยีการแพทย์และสาธารณูปโภคต่าง ๆ พัฒนามากกว่าในอดีต แนวโน้มการรอดชีวิตของทารกจนโตเป็นผู้ใหญ่สร้างครอบครัวและมีลูกจึงเพิ่มขึ้น

พัฒนาการดังกล่าวจึงทำให้ประชากรโลกเพิ่มขึ้น โดยสหประชาชาติคาดว่า 15 พฤศจิกายนนี้จำนวนประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 8,000 ล้านคน และปีหน้าอินเดียจะแซงจีนขึ้นเป็นประเทศที่จำนวนประชากรมากสุดในโลก ด้วยตัวเลขประชากรราว 1,400 ล้านคน

จากนั้นในอนาคตประชากรโลกก็จะยังคงเพิ่มขึ้น โดยปี 2030 เพิ่มขึ้นเป็น 8,500 ล้านคน ปี 2100 เพิ่มเป็น 10,400 ล้านคน
ในส่วนของอินเดียเป็นประเทศอัตราเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอยู่แล้ว โดยปี 2011 อยู่ที่ 1,300 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่านับจากเป็นเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี 1947
และรัฐที่ประชากรเพิ่มมากสุดของอินเดียคือรัฐทางใต้ เช่น ทมิฬนาฑู ที่ประชากรมีคุณภาพชีวิตดี ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเมื่อถึงปี 2050 ประชากรอินเดียจะเพิ่มเป็น 1,700 ล้านคน

ซึ่งจากจำนวนประชากรมหาศาลนี่เองอินเดียจึงเป็นตลาดใหญ่ของสินค้าทุกประเภท และจะต้องมีการนำเข้าพลังงานมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็เป็นประเทศที่ความเหลื่อมล้ำสูงมาก
Guatam Adani
ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของ คนอินเดีย ยืนยันได้จาก แม้ Guatam Adani และ Mukesh Ambani มหาเศรษฐีชาวอินเดียจะเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 และ 2 ของเอเชีย ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 108,000 ล้านดอลลาร์ (ราวเกือบ 4 ล้านล้านบาท) และ 86,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3 ล้านล้านบาท) ตามลำดับ
Mukesh Ambani
แต่ประชากรอินเดีย 15% ก็ยังยากจนและเผชิญความอดอยาก นอกจากนี้ อินเดียยังต้องพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตและมั่นคงเพื่อตรึงคนเก่งให้อยู่พัฒนาประเทศ
และกำจัดปัญหาสมองไหล ที่คนเก่งไปย้ายทำงานต่างประเทศจนถึงขั้นขึ้นเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทระดับโลกในต่างประเทศ เช่น Google Twitter IBM และ FeDex/nikkei, bbc, aljazeera
–
